
“นายกฯ” ลั่นพร้อมหากเพื่อไทยจัดกฐินอภิปรายไม่ไว้วางใจ การเมืองสุดคึก! ค่ายสีน้ำเงินหัวกระไดไม่แห้ง บิ๊กเนมพาเหรดสมัครสมาชิก “ก๊วนเอกนัฏ” ยกทีมแสดงเจตจำนง ระบุชัดตัดสินใจตั้งแต่โหวตนายกฯ แล้ว “ธรรมนัส” โวมี สส.ในมือ 80 ชีวิต “แพทองธาร” ร่ายยาวยกเครื่อง พท. พิลึก! บอกทิศทางการเมืองของพรรคอยู่ที่หัวหน้าพรรคและ กก.บห. ไม่มีเส้นทางลัด แพลมได้ชื่อแคนดิเดตนายกฯ 3 คนแล้วแต่อุบไว้ ตอนนี้ยังไม่มีคนในตระกูลชินวัตร “สุริยะ” ฟุ้งได้ สส.บวกลบ 200 เก้าอี้
เมื่อวันอังคารที่ 7 ตุลาคม 2568 นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่พรรคเพื่อไทย (พท.) เตรียมเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจ ว่า ก็ต้องพร้อม ซึ่งเราทำงานอย่างเต็มที่ และมั่นใจว่าทำทุกอย่างอย่างเปิดเผย วันนี้เงินช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่เดือดร้อนจากภัยสงครามก็กดเอทีเอ็มกันได้เรียบร้อยทุกคน ขณะเดียวกันเมื่อวานนี้ได้ให้กรอบช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ได้ประสบอุทกภัยครัวเรือนละ 9,000 บาท และวันนี้เรื่องโครงการคนละครึ่งพลัส ได้รับการอนุมัติทั้งงบประมาณ วิธีการ รูปแบบ ภายในสิ้นเดือนนี้ทุกคนจะใช้โครงการคนละครึ่งพลัสไป 2 เดือน อันนี้เป็นสิ่งที่เราก็ทำ หากทำไปอย่างนี้ยังมีคนไม่ไว้วางใจเราก็พร้อมให้ตรวจสอบ
นายอนุทินยังตอบข้อถามกรณีปล่อยกู้ให้บริษัท ไทยสเปเชียล สตีล จำกัด ทางบริษัทได้ชี้แจงหรือไม่ว่านำเงินไปใช้อะไร โดยหัวเราะในลำคอพร้อมส่ายหน้าก่อนกล่าวว่า ไปถามคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ไม่ใช่หน้าที่ที่ต้องมาชี้แจงคุณ เพราะชี้แจง ป.ป.ช.ไปแล้ว
ในเวลา 15.30 น. นายอนุทินพร้อมภริยาและคณะออกเดินทางจากท่าอากาศยานทหาร 2 กองบิน 6 (บน.6) ดอนเมือง กรุงเทพฯ ไปยังท่าอากาศยานนครพนม ต.โพธิ์ตาก อ.เมืองนครพนม จ.หวัดนครพนม เพื่อลงพื้นที่ตรวจราชการ โดยเมื่อถึงมีกลุ่มอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (อสม.) และประชาชนมาต้อนรับ พร้อมชูป้ายข้อความ เช่น รักท่านนายกฯ และยินดีต้อนรับท่านนายกฯ เป็นต้น พร้อมตะโกนเรารักท่านนายกฯ ทั้งนี้นายอนุทินจะลงพื้นที่จุดแรกที่โรงเรียนเซนต์ยอแซฟนครพนม (สันตยานันท์) และช่วงค่ำไปเป็นประธานพิธีเปิดงานมหกรรมไหลเรือไฟโลก ประจำปี 2568 และงานยกระดับเทศกาลเรือไฟไทยสู่เรือไฟโลก
ต่อมาเวลา 17.25 น. เมื่อนายอนุทินเดินทางมาถึง รร.เซนต์ยอแซฟนครพนม นายอรรถสิทธิ์ ทรัพยสิทธิ์ อดีต สส. นครพนม 7 สมัย ได้มอบเหรียญพญาศรีสัตตนาคราช 7 เศียร รุ่นที่ 1 ให้นายกฯ พร้อมอวยพรว่า ต่อไปภูมิใจไทยที่หนึ่งทั้งประเทศ และให้กลับมาเป็นนายกฯ อีกรอบ และได้นครพนมยกจังหวัด
จากนั้นนายกฯ กล่าวพบปะประชาชน โดยระบุว่า มีความผูกพันกับ จ.นครพนมกว่า 20 ปีแล้วตั้งแต่ยังเด็ก ทั้งนี้ ช่วงหนึ่งนายอนุทินได้สวมบทผู้นำสันทนาการนำร้องเพลง “หากว่าเรากำลังสบาย” สร้างความครึกครื้นระหว่างพบประชาชน
สำหรับการเดินทางลงพื้นที่จังหวัดนครพนม นายกฯ ได้ใช้รถยนต์โตโยต้า อัลพาร์ด ทะเบียน ขง 8889 กรุงเทพมหานคร ในการปฏิบัติภารกิจ
ส่วนนายสันติ ปิยะทัต รมต.ประจำสำนักนายกฯ ชี้แจงกรณีการกำกับดูแลสำนักงานคณะกรรมการคุ้มครองผู้บริโภค (สคบ.) อาจมีผลประโยชน์ทับซ้อนว่า ไม่เป็นความจริง เพราะไม่ได้ประกอบธุรกิจลีสซิ่งเลย ส่วนข้อกล่าวหาว่าแต่งตั้งที่ปรึกษาที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนนั้น ยืนยันว่าขณะนี้ยังไม่ได้ตั้งที่ปรึกษา แต่อยู่ระหว่างตรวจคุณสมบัติ สิ่งที่กล่าวหามาทั้งหมดจึงไม่มีทางเป็นจริง
แต่งตั้งการเมือง-ขรก.พรึ่บ
ด้านนายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกฯ แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.มีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการการเมืองทั้งตำแหน่งเลขานุการและที่ปรึกษาหลายกระทรวง อาทิ พล.ต.อ.เพิ่มพูน ชิดชอบ ดำรงตำแหน่งที่ปรึกษานายกฯ, กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี), กระทรวงศึกษาธิการ, กระทรวงสาธารณสุข และกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นต้น โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 7 ต.ค.เป็นต้นไป
นายสิริพงศ์ยังแถลงอีกว่า ครม.ยังมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือน ประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 4 รายของ กษ.ตามที่ รมว.กษ.เสนอ และมีมติอนุมัติแต่งตั้งข้าราชการพลเรือน ประเภทบริหารระดับสูง 3 ราย ตามที่ รมว.ทส.เสนอ รวมทั้งยังมีมติอนุมัติแต่งตั้งย้ายโอนข้าราชการพลเรือน ประเภทบริหารระดับสูง จำนวน 7 ราย ตาม รมว.การคลังเสนอ ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งเป็นต้นไป
“ที่ประชุม ครม.ยังมีมติเห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาปิดประชุมรัฐสภาสมัยประชุมสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง พ.ศ..... ตั้งแต่วันที่ 31 ต.ค.2568 ตามที่สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี (สลค.) เสนอ และให้ดำเนินการต่อไปได้”
ทั้งนี้ ในการประชุม ครม.ครั้งนี้ มีหัวหน้าส่วนราชการประกอบด้วยปลัดกระทรวงกลาโหมและปลัดกระทรวงมหาดไทยเดินทางมาเข้าร่วมประชุมด้วย โดยมีรายงานว่า เมื่อวันที่ 6 ต.ค.นายอนุทินได้แจ้งไปยัง กห.และ มท.ให้ปลัด กห.และ ปลัด มท.เข้าร่วมประชุมทุกครั้ง และยังได้ให้เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เข้าร่วมประชุมด้วย หลังจากยุครัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน และ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ไม่ได้ให้เลขาธิการ สมช. รวมถึงหน่วยงานด้านความมั่นคงเข้าร่วมประชุมด้วย
วันเดียวกัน มีความเคลื่อนไหวทางการเมืองอย่างคึกคัก โดยที่พรรคภูมิใจไทย (ภท.) มีบรรดานักการเมืองหลั่งไหลเข้ามาสมัครเป็นสมาชิกพรรคและแสดงตัวเพื่อลง สส.สมัยหน้าจำนวนมาก โดยนายอนุทินมาให้การต้อนรับด้วยตัวเอง ทั้งนายพงศกร อรรณนพพร อดีต สส.ขอนแก่น พรรคเพื่อไทย (พท.), 2 พี่น้องตระกูลรัตนเศรษฐ และ สจ.อัครวัฒน์ กุลเฉลิมพัฒน์ รองประธานสภา อบจ.นครราชสีมา ซึ่งนายอนุทินได้ตรวจสอบใบสมัครและลงชื่อรับสมัครสมาชิก ก่อนมอบเสื้อแจ็กเกตภูมิใจไทยให้ใส่ ขณะที่นายโกศล ปัทมะ สส.นครราชสีมา พรรค พท. มาเพื่อแสดงเจตจำนงว่าจะมาร่วมงานกับพรรค ภท.ในการเลือกตั้งครั้งหน้า
“เราเป็นพรรคที่เปิดกว้างพร้อมรับผู้ที่มีความสนใจที่จะมาทำงานรับใช้ประเทศชาติบ้านเมืองและประชาชน ไม่มีข้อจำกัดและไม่มีกำหนดคุณสมบัติใดๆ ยกเว้นว่าคนคนนั้นไร้ซึ่งจริยธรรมและเข้ามาหาประโยชน์”
เมื่อถามว่า พรรค ภท.ตั้งเป้าจะเป็นพรรคอันดับหนึ่งเลยหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า เราเล็งผลเลิศ ต้องฝากนโยบายของพรรค ผ่านผู้สมัคร สส.ของพรรคไปแจ้งให้กับประชาชนรับทราบ เพื่อให้เกิดความมั่นใจและไว้วางใจ ในการเลือกพรรค ภท.มารับใช้ประชาชน
เมื่อถามว่า พรรค พท.มีการแถลงแคมเปญยกเครื่องเพื่อไทย นายอนุทินกล่าวว่า ถือเป็นเรื่องดี ที่เป็นการแข่งขันให้ทุกพรรคตื่นตัว พรรค พท.เปิดตัวเต็มที่ พรรคของนายสุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ก็เปิดตัว พรรคกล้าธรรมก็เปิดตัว พรรคประชาธิปัตย์ก็อาจได้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ มาเป็นหัวหน้าพรรค ซึ่งทั้งหมดนี้เป็นประโยชน์ของประชาชน และเป็นประโยชน์ของแต่ละพรรคว่าไม่มีอะไรที่เป็นของตาย เราต้องคิดนโยบายกลยุทธ์ วิธีที่จะทำให้เกิดประโยชน์กับประชาชน ดีกว่าพรรคอื่นๆ และคนที่จะได้ประโยชน์คือประชาชน
ปลื้มทีมเอกนัฏตบเท้าเข้า
ต่อมานายอนุทินให้การต้อนรับนายจุติ ไกรฤกษ์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) พร้อมนายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ อดีตเลขาธิการพรรค รทสช. ที่นำ สส.พรรค รทสช.มาแสดงเจตจำนง ซึ่งทันทีที่ได้พบหน้ากับกลุ่ม สส.ของนายเอกนัฏ นายอนุทินได้กล่าวเป็นภาษาอังกฤษว่า “Can I say welcome all?” จากนั้นได้ชวนกลุ่ม สส.ขึ้นไปพูดคุยยังห้องประชุมด้านบนที่ทำการพรรคภูมิใจไทย
นายอนุทินให้สัมภาษณ์ภายหลังในกรณีนี้ว่า ดีครับ เรามีสัญญาต่อกันว่าจะเข้ามา เป็นการเข้ามาทำงานการเมืองร่วมกับพรรคภูมิใจไทย ซึ่งก็หวังว่าจะเป็นเช่นนั้น ส่วนจะมี สส.ในสมัยหน้าเกิน 100 ที่นั่งหรือไม่นั้น ตอนนี้ขอแค่ทำให้ดีที่สุด อย่าเพิ่งไปบอกว่าจะได้เท่าไหร่ ตอนนี้เราต้องเลือกคนที่มีผลงาน มีความเข้าใจการรับใช้ประชาชน เพราะเราต้องทำงานให้ประชาชนไม่ใช่เพื่อตัวเอง พร้อมย้ำว่าพรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคการเมือง ประตูเราเปิดตลอดเวลา ใครคิดว่าเราสามารถรับใช้บ้านเมืองได้ และหากคิดว่าตัวเองมีศักยภาพ เราก็พร้อมจะเสนอชื่อให้
ผู้สื่อข่าวจึงถามย้ำว่า ขณะนี้การันตีได้หรือไม่ว่าการเลือกตั้งครั้งหน้าจะได้สานงานต่ออีก 4 ปี นายอนุทินบอกว่า ไม่มีอะไรการันตีได้ทั้งนั้นคนตัดสินใจคือประชาชน
ถามถึงกระแสวิพากษ์วิจารณ์ว่าตอนนี้พรรคภูมิใจไทยเป็นพรรคภูมิใจดูด นายอนุทินบอกว่า ใครบอกนะ แต่ถ้าดูดได้ สส.ดีๆ เข้ามารับใช้ประชาชนก็ภูมิใจถูกต้องครับ เขาพูดถูก
มีรายงานว่า สัปดาห์หน้า นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกฯ และ รมว.ทส. จะนำทีมชลบุรีมาเปิดตัวกับพรรค ภท.
นายเอกนัฏกล่าวในเรื่องนี้ว่า มาชัดเจนขนาดนี้ แต่ในระหว่างนี้ก็เป็นการทำงานร่วมกันในฐานะ สส.ไปจนถึงหมดวาระสภา เพราะทำการเมืองด้วยความชัดเจนมาตลอดชีวิตว่าไม่ชอบความครึ่งๆ กลางๆ ตั้งแต่ตัดสินใจโหวตให้นายอนุทินเป็นนายกฯ ต้องยอมรับว่าตั้งแต่มีคลิปเสียงประเทศไทยไม่เหมือนเดิม รวมถึงตนเอง ว่าทุกคนน่าต้องตัดสินใจก่อนหน้านี้ด้วยซ้ำ ถือว่าไม่สายเกินไปที่จะตัดสินใจโหวตให้นายอนุทิน
“ผมชอบอะไรที่ชัดเจน ไม่ชอบกั๊ก คิดว่าที่ทุกคนมาร่วมกันเป็นตัวแทน สส.มาประชุม สัญญาณที่ส่งไปชัด มากันทุกคน ก่อนหน้านี้มีนายจุติและนายชุมพล จุลใส ก็นำทีม อบจ.ชุมพร สจ.หลายคนมาสมัครสมาชิกพรรคภูมิใจไทยเรียบร้อยแล้ว รวมถึงทีมงานสุดซอยของผมด้วย”
เมื่อถามถึงการทำงานร่วมกับนายสุชาติภายในพรรค ภท.ในอนาคต ว่าตราบใดที่คิดเรื่องใหญ่ อย่าเอาปัญหาส่วนตัวมาเกี่ยวข้อง เพราะการทำเมืองที่ผ่านมาไม่เคยมองเรื่องความแตกแยก ความขัดแย้ง ยินดีที่จะร่วมงานกับทุกคน เพื่อเดินหน้าตามอุดมการณ์ของพรรค ก็มีแค่นั้นเอง และถือเป็น DNA ที่อยู่ในตัวเราเสมอขณะที่นายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม ในฐานะรองหัวหน้าพรรค ภท. กล่าวถึงความชัดเจนกรณี สส.พรรค ปชป.จะย้ายมา ภท.ว่า ปชป.จะมีการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ในวันที่ 18 ต.ค. ซึ่งหลังจากวันที่ 18 ต.ค. ยังมั่นใจว่าคนที่ไปหารือและเชิญมาร่วมงานก็ยังยืนยันมาร่วมงานกับ ภท.
ด้าน น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย โฆษกพรรค ภท. แถลงถึงการประชุม สส.พรรคร่วมรัฐบาลว่า มีวาระการพิจารณาค้างอยู่ในสภาผู้แทนราษฎร และได้รับการประสานจากวิปฝ่ายค้านต้องการให้ พ.ร.บ.อากาศสะอาดผ่านการพิจารณาโดยเร็ว จึงเชิญพรรคร่วมมาหารือร่วมกัน เพื่อให้กฎหมายผ่านสภาไปได้อย่างราบรื่น และยังหารือวาระของสภาในสัปดาห์หน้า ที่จะมีการประชุมร่วมรัฐสภาเพื่อพิจารณาการแก้ไขรัฐธรรมนูญ โดยหารือเรื่องการรักษาองค์ประชุมของทั้ง สส.และ สว.
กธ.โวมี สส.ในมือ 80
ส่วนที่พรรคกล้าธรรม (กธ.) ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรฯ ในฐานะประธานที่ปรึกษาพรรค กธ. พร้อมคณะ แถลงเปิดตัวพร้อมสวมเสื้อแจ็กเกตพรรคให้กับว่าที่ผู้สมัคร สส.พรรค 15 คน ทั้งนี้ ว่าที่ผู้สมัคร สส. เป็นกลุ่มที่ถูกทาบทามโดยนายหิมาลัย ผิวพรรณ จำนวนถึง 7 คน
ร.อ.ธรรมนัสกล่าวถึงการเลือกตั้งครั้งต่อไป ว่า พรรคไม่ใช่พรรคสาขาของพรรคการเมืองใด แต่เป็นพรรคที่ยืนหยัดบนอุดมการณ์ของตนเอง โดยมีเป้าหมายคือการลงพื้นที่พบปะพี่น้องประชาชน เพื่อสร้างความเชื่อมั่นร่วมกัน ยืนยันว่าผู้สมัครของเรามีเกือบครบทุกเขตแล้ว การเปิดตัวครั้งนี้เป็นเพียงส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์ ซึ่งเราจะทยอยเปิดในพื้นที่อื่นๆ ต่อไป
“ผมทำตัวเลข ณ เวลานี้ มี สส.ปัจจุบันที่เป็นเพื่อนร่วมอุดมการณ์ประมาณ 80 คน แต่ยังไม่ขอเปิดเผยรายชื่อทั้งหมด แต่เชื่อว่าจะเป็นพลังสำคัญในการแข่งขันเลือกตั้ง” ร.อ.ธรรมนัสระบุ
ด้าน น.ส.ตรีนุช เทียนทอง รมว.แรงงาน ในฐานะรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) กล่าวถึงกระแสข่าวถูกเปลี่ยนตัวให้เป็นหัวหน้าพรรคแทน พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ว่าพรรคอยู่ในช่วงของการทบทวนการทำงาน และ พล.อ.ประวิตรยังเป็นหัวหน้าพรรคอยู่ ซึ่งตนยังยืนยันอยู่กับ พปชร.
ส่วนที่พรรค พท. เมื่อเวลา 13.30 น. ได้จัดกิจกรรมเปิดตัวผู้เสนอตัวสมัครเป็น สส.พรรค พท.จำนวน 185 คน โดยมีแกนนำพรรคเข้าร่วมงานอย่างคึกคัก รวมทั้ง น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ ในฐานะหัวหน้าพรรค ซึ่งก่อนเริ่มต้นได้เปิดวีดิทัศน์ เป็นคำมั่นของ 4 อดีตนายกฯ ตั้งพรรคไทยรักไทย (ทรท.) มาจนถึงพรรค พท. ตั้งแต่นายทักษิณ ชินวัตร น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายเศรษฐา ทวีสิน และ น.ส.แพทองธาร
จากนั้นเวลา 13.35 น. น.ส.แพทองธารกล่าวปาฐกถายกเครื่องเพื่อไทย ยกเครื่องประเทศไทย ว่า รัฐบาลพรรคเพื่อไทยถูกกระทำให้เป็นฝ่ายค้าน นายทักษิณผู้ก่อตั้งพรรคอยู่ในเรือนจำโดยคดีที่ตั้งต้นด้วยอำนาจรัฐประหาร มีคำพูดที่บอกกันว่าพรรคเพื่อไทยมาถึงทางตัน พรรคเพื่อไทยตายแน่นอน พรรคเพื่อไทยสูญพันธุ์แน่นอน ไม่เคยเชื่อ และไม่เคยคิดอย่างนั้นเลย เพราะถ้าจะสูญพันธุ์ พรรคสูญพันธุ์ไปนานแล้ว เราเป็นพรรคการเมืองที่มีผลงานเป็นรูปธรรมมากที่สุด และต้องเผชิญชะตากรรมทางการเมืองสาหัสที่สุด พรรคนี้โดนรัฐประหารมาแล้ว 2 ครั้ง ถูกยุบพรรคไปแล้ว 2 พรรค กรรมการบริหารพรรคถูกตัดสิทธิ์เกือบ 200 คน นายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้งถึง 6 คน โดยที่ผู้ที่ก่อรัฐประหารไม่ต้องคดี แต่ผู้ก่อตั้งพรรคนี้ถูกจองจำ จิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทยคือนโยบายที่ทำได้จริงช่วยพี่น้องประชาชน
“ดิฉันพร้อมสู้ และพรรคเพื่อไทยก็พร้อมสู้ค่ะ ประเทศไทยต้องการการเมืองที่สร้างสรรค์ ต้องการการเมืองที่เป็นความหวังของพี่น้องประชาชน ต้องการความร่วมมือการมีส่วนร่วมของทุกภาคส่วน ของคนทุกรุ่นทุกวัย เพื่อให้การเมืองนั้นมีความเป็นส่วนรวมมากยิ่งขึ้น ในวันนี้พรรคเพื่อไทยจึงต้องทำการยกเครื่องครั้งใหญ่” น.ส.แพทองธารกล่าว
น.ส.แพทองธารกล่าวอีกว่า พรรค พท.กำลังยกเครื่องในเรื่องของโครงสร้างทั้งหมด เพื่อให้ศักยภาพของแต่ละคนได้ถูกนำออกมาใช้อย่างเต็มความสามารถ ขอประกาศให้ชัดเจนในวันนี้ ว่าอำนาจในการตัดสินใจที่เกี่ยวกับพรรค ทิศทางการเมืองของพรรคจะอยู่ที่หัวหน้าพรรคและกรรมการบริหารของพรรค ต่อจากนี้จะไม่มีเส้นทางลัดและเส้นทางเลี้ยวอ้อมไปทางไหน มีแต่เส้นทางตรงและชัดเจนในการตัดสินใจ ในการเปลี่ยนแปลงและทำให้เป็นเอกภาพ
อิ๊งค์ร่ายปฏิรูปพรรค
“โครงสร้างใหม่ที่พูดถึงนี้คงไม่ได้พูดแค่ภาพสวยหรู แต่เป็นโครงสร้างที่เกิดขึ้นจริง สามารถรวมความเป็นเอกภาพของพรรคเพื่อไทยไว้ ต่อจากนี้พลังของพรรคเพื่อไทยจะแน่วแน่ มั่นคง โปร่งใส และจะไม่มีใครมาลดทอนอำนาจนี้ได้ เราจะจัดคณะกรรมการบริหารพรรคที่จะรับคำปรึกษาจากคณะกรรมการทั้งสองส่วน คือคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านยุทธศาสตร์ และคณะกรรมการที่ปรึกษาด้านการเมือง”
น.ส.แพทองธารกล่าวอีกว่า ด้านการทำงานเชิงปฏิบัติโครงสร้างจะแบ่งเป็นสี่เสาหลัก คือสำนักงานกิจการสภาผู้แทนราษฎร จะดูแลการประสานงานการประชุมสภา ประสานงาน สส.และกรรมาธิการ ส่วนสำนักนโยบายจะเป็นเรื่องของการวิจัย เป็นดีเอ็นเอของพรรค พท. สำนักเลขาธิการพรรค โดยมีเลขาธิการพรรคเป็นหัวเรือใหญ่ บริหารจัดการกิจการทั้งหมดของพรรค และสำนักสื่อสาร จะมีฝ่ายยุทธศาสตร์สื่อสาร วางแผนร่วมกับกองงานโฆษกในการสื่อสารกับประชาชน ที่จะบอกกล่าวว่าพรรคเพื่อไทยกำลังทำอะไรอยู่ เพื่อลดช่องว่างระหว่างพรรคการเมืองกับประชาชน
หัวหน้าพรรค พท.กล่าวอีกว่า ยังมีกิจกรรมที่จะเกิดขึ้นเพื่อเป็นรากฐานที่สำคัญของการคิดนโยบายเชิงยุทธศาสตร์ คือการจัดตั้งเวทีตาดูดาวเท้าติดดิน หรือ Moon Shot Forum เป็นเวทีศึกษาวิจัยหาทางออกที่มีวิกฤตผันผวนมากมายทางด้านการเมือง เศรษฐกิจ สังคม ก็จะเป็นเวทีที่จะมาพูดคุยแลกเปลี่ยนเพื่อเป็นประโยชน์ในการผลักดันนโยบายประเทศชาติต่อไป พรรค พท.จะเริ่มทำเวทีดังกล่าวที่สำนักงานใหญ่กรุงเทพฯ ภายในเดือน ต.ค. จากนั้นจะขยายพื้นที่จากกรุงเทพฯ ไปต่างจังหวัด เราจะรับฟังความคิดเห็นทั้งจากทุกภาคส่วน
น.ส.แพทองธารกล่าวอีกว่า บทเรียนที่เราเป็นรัฐบาลมา 2 ปี เราเริ่มเห็นว่าระบบนิเวศทางการเมือง ระบบการทำงานของราชการมีปัญหา พรรคเพื่อไทยอยากเปลี่ยนค่านิยมของข้าราชการทั้งหมด จากที่ว่าไม่ทำให้ไม่ผิด เป็นทำเต็มที่เพื่อพี่น้องประชาชน เราจะยกเครื่องระบบการทำงานแบบบูรณาการระหว่างราชการ และส่งเสริมให้เอกชนเข้ามาร่วมด้วยในเรื่องของแนวความคิดในเรื่องของสิ่งที่เขาเชี่ยวชาญอยู่แล้ว เราจะใช้เอกชนทำงานราชการอำนวยความสะดวก ซึ่งตรงนี้ได้ทำแล้วผ่านทาง Soft Power ของ THACCA ซึ่งตรงนี้ทำและประสบความสำเร็จอย่างมาก โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ใช้เวลาเพียง 1 ปีเท่านั้น
“ในการเลือกตั้งครั้งหน้าที่จะเกิดขึ้นในสี่เดือนข้างหน้า พรรคเพื่อไทยเราพร้อมแล้ว ดิฉันได้แต่งตั้งนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ เป็นผู้อำนวยการเลือกตั้ง และมีผู้อำนวยการเลือกตั้งอีกหลายๆ ท่านที่ผ่านการเลือกตั้งมาหลายครั้งมากๆ ในวันนี้ทุกคนอาจมองว่ามีแคนดิเดตนายกฯ อยู่หรือไม่ จริงๆ แล้วดิฉันอยากเป็นแคนดิเดตมากเลย แต่ว่าเสียใจเป็นแคนดิเดตไม่ได้ ก็ไม่เป็นไร ขอให้ความมั่นใจว่าเราจะเปิดชื่อสามแคนดิเดตในเวลาที่เหมาะสม และมั่นใจว่าสามชื่อนี้จะเป็นชื่อแห่งความหวังให้พี่น้องประชาชนในทุกระดับแน่นอน” น.ส.แพทองธารกล่าว และว่า ขอสัญญาว่าจะทำให้เต็มที่ ทุ่มเทแรงกายแรงใจ จะยืนสู้เคียงบ่าเคียงไหล่กับทุกท่านไปจนสุดทาง และมั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าถ้าทุกท่านทุ่มเทแรงกายแรงใจเช่นกัน ชัยชนะจะเป็นของเรา และเราจะมีโอกาสได้ไปสร้างโอกาสให้กับชีวิตของพี่น้องประชาชนทุกๆ คน
น.ส.แพทองธารให้สัมภาษณ์เพิ่มเติมถึงกรณีมีการประเมินว่าการเลือกตั้งครั้งหน้า พรรค พท.จะได้ สส.ไม่เท่าเดิมว่า มีการประเมินต่างๆ นานา ถ้าการประเมินผลออกมาไม่ค่อยดี เราก็มีโอกาสปรับปรุง เราพยายามให้ความมั่นใจกับทุกคน
เมื่อถามถึงแคนดิเดตนายกฯ พรรค พท. ที่บอกว่าจะเปิดตัวในเวลาที่เหมาะสม ได้ทาบทามไว้แล้วหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า มีแล้ว แต่ยังไม่บอก ยังเป็นความลับ สื่อจะได้ตื่นเต้น
ถามย้ำว่า ใน 3 คนมีมาจากในตระกูลชินวัตรหรือไม่ น.ส.แพทองธารกล่าวว่า “ไม่มี ยังไม่มี”
ด้านนายสุริยะกล่าวว่า ตั้งเป้า สส.ของพรรคจะได้ไม่น้อยกว่า 200 คน บวกลบ 10% ส่วนพรรคประชาชนที่กระแสตกลงไปจะได้ สส.ไม่เกิน 100 ที่นั่ง ส่วนพรรคภูมิใจไทยที่มี สส.เดิม 70 ที่นั่ง เมื่อรวมกับ สส.ที่ดึงมาจากพรรคอื่น น่าจะมี สส.ประมาณ 120 ที่นั่ง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พร้อมหน้า นายกฯหนู โพสต์ภาพพาครอบครัวกินห่านพะโล้ในวันพ่อแห่งชาติ
นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย โพสต์ภาพพร้อมข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า พาพ่อ แม่เมีย น้อง หลาน ไปกินห่านพะโล้เนื่องในวันพ่อ #ฉั่วคิมเฮง
'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน
'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน


