คนอีสานหนุน‘หนู’เป็นนายกฯ

โพลคนอีสานอยากให้ “อนุทิน” เป็นนายกฯ ส่วน "ลูกเขยชินวัตร-ลูกเจ๊แดง" ร่วงอยู่อันดับ 4-5 “สรวงศ์” งงกระแสข่าวเพื่อไทยทาบ “วราวุธ” นั่งแคนดิเดตนายกฯ เผยไม่แน่ใจ “อิ๊งค์”  คุยส่วนตัวหรือไม่ ชี้ทุกอย่างเป็นไปได้หมด “สมศักดิ์” ยันเป็นคนนอกหรือคนในพรรคไม่มีปัญหา  เชื่อเลือดน่าจะหยุดไหลแล้ว ยันไม่ย้ายไปไหน

เมื่อวันที่ 9 ตุลาคม 2568 รศ.ดร.สุทิน เวียนวิวัฒน์ หัวหน้าโครงการอีสานโพล เปิดเผยผลสำรวจอีสานโพล (E-Saan  Poll) คณะเศรษฐศาสตร์ มหาวิทยาลัยขอนแก่น เรื่อง “ดัชนีภาวะเศรษฐกิจครัวเรือนอีสาน ไตรมาส 3/2568  และคาดการณ์ไตรมาส 4/2568” และมีคำถามเพิ่มเติมเกี่ยวกับความนิยมของพรรคการเมือง ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 3-5 ตุลาคม 2568  จากกลุ่มตัวอย่างอายุ 18 ปีขึ้นไป 1,074 ราย ในเขตพื้นที่ภาคอีสาน 20 จังหวัด

เมื่อสอบถามว่า ถ้าเลือกตั้ง สส.วันนี้ ท่านมีแนวโน้มจะลงคะแนนให้ผู้สมัคร สส.เขตจากพรรคใด พบว่า อันดับหนึ่ง ร้อยละ 30.6 จะเลือกผู้สมัครจากพรรคประชาชน, อันดับ 2 ร้อยละ 27.4 พรรคเพื่อไทย, อันดับ 3 ร้อยละ 12.3 พรรคภูมิใจไทย  ตามมาด้วยพรรคอื่นๆ ร้อยละ 9.6 และร้อยละ 20.1 เป็นความคิดเห็นอื่นๆ และยังไม่แน่ใจ

สอบถามว่า ถ้าเลือกตั้ง สส.วันนี้ ท่านมีแนวโน้มจะลงคะแนน สส.บัญชีรายชื่อให้พรรคใด พบว่า อันดับหนึ่ง ร้อยละ 41.7 จะเลือกพรรคประชาชน, อันดับ 2 ร้อยละ 20.6 พรรคเพื่อไทย, อันดับ 3 ร้อยละ 12.6 พรรคภูมิใจไทย ตามมาด้วยพรรคอื่นๆ ร้อยละ 16.6 และร้อยละ 8.5 เป็นความคิดเห็นอื่นๆ และยังไม่แน่ใจ

และเมื่อสอบถามว่า ถ้าเลือกตั้งวันนี้  ท่านอยากให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีมากที่สุด (จากรายชื่อ 12 รายชื่อ) อันดับ 1 ร้อยละ 24.3 ระบุว่า อนุทิน ชาญวีรกูล, อันดับ 2 ร้อยละ 22.8 เท้ง ณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ, อันดับ 3 ร้อยละ 19.1 ชัชชาติ สิทธิพันธุ์, อันดับ 4 ณัฐพงษ์ คุณากรวงศ์ (เพื่อไทย), อันดับ 5 ร้อยละ 6.6 ยศชนัน วงศ์สวัสดิ์ (เพื่อไทย), อันดับ 6 ร้อยละ 6.3 สุดารัตน์ เกยุราพันธุ์, อันดับ 7 ร้อยละ 2.9 อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ, อันดับ 8 ร้อยละ 2.3 พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ,  อันดับ 9 ร้อยละ 2.2 นฤมล ภิญโญสินวัฒน์, อันดับ 10 ร้อยละ 1.7 พีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค,  อันดับ 11 ร้อยละ 0.9 วราวุธ ศิลปอาชา, อันดับ 12 ร้อยละ 0.7 ดร.เอ้ สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ขณะที่รายชื่ออื่นๆ มีเสนอมา ร้อยละ 0.9 และระบุว่ายังไม่มีคนที่ถูกใจ ร้อยละ 1.8

ยังไม่เด่นเท่า 'พิธา'

ผลสำรวจครั้งนี้มีข้อสังเกตว่า การที่คุณอนุทินมีคะแนนความนิยมสูงในช่วงนี้ (สูงกว่าคะแนนนิยมของพรรคภูมิใจไทย) เนื่องจากพรรคประชาชนยังไม่มีแคนดิเดตนายกฯ ที่โดดเด่นเทียบเท่าคุณพิธา ขณะเดียวกันพรรคเพื่อไทยยังไม่มีแคนดิเดตนายกฯ ที่ชัดเจน ส่งผลให้คนที่ชอบพรรคเพื่อไทยหรือพรรคประชาชน หรือคนที่ยังไม่มีพรรคที่ชอบเป็นพิเศษ โหวตให้คุณอนุทินบางส่วน ขณะที่คุณชัชชาติมีความนิยมสูงมาก หากพรรคใดทาบทามเป็นแคนดิเดตนายกฯ ได้จะทำให้ได้เปรียบเพิ่มขึ้นในการเลือกตั้งครั้งหน้า

ด้านนายสรวงศ์ เทียนทอง เลขาธิการพรรคเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์กรณีมีกระแสข่าวว่าพรรคเพื่อไทยจะทาบทามนายวราวุธ ศิลปอาชา หัวหน้าพรรคชาติไทยพัฒนา มาเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยในการเลือกตั้งสมัยหน้าว่า  ยังงงว่าข่าวนี้ออกมาได้อย่างไร ไม่รู้ว่าออกมาจากสื่อไหน แต่เพื่อเป็นการให้เกียรติ เซฟทั้งพรรคเพื่อไทยและพรรคชาติไทยพัฒนา การไม่มีที่มาของแหล่งข่าว ใครนึกอะไรได้แล้วมาพูดเป็นข่าวก็ไม่แฟร์กับทั้ง 2 พรรค และต้องถามกลับไปยังคนในพรรคชาติไทยพัฒนาว่าจะรู้สึกอย่างไร ต้องให้ความเป็นธรรมกับพวกตนที่โดนกล่าวถึง

ผู้สื่อข่าวถามว่า ในพรรคเพื่อไทยมีการพูดคุยกันถึงประเด็นดังกล่าวหรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า ยังไม่มี แต่ตนไม่แน่ใจว่า น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในฐานะหัวหน้าพรรค ได้พูดคุยกับนายวราวุธหรือไม่ ไม่ทราบว่าใครเป็นคนให้ข่าวนี้ เป็นไปได้หมด แต่ยังไม่ใช่การยืนยันจากพรรคเพื่อไทย และมองว่าไม่ใช่เรื่องแปลก

เมื่อถามว่า จะนำเรื่องนี้ไปหารือในที่ประชุมพรรคเพื่อไทยหรือไม่ นายสรวงศ์กล่าวว่า ต้องให้หัวหน้าของทั้ง 2 พรรคพูดคุยกันก่อน หากตนทราบรายละเอียดจะแจ้งอีกครั้ง ก่อนกล่าวว่า ทุกอย่างเป็นไปได้หมด แต่ตอนนี้ยังไม่ทราบว่าใครให้ข่าวนี้ แต่ไม่ได้มาจากกรรมการบริหารพรรคเพื่อไทย และชัดเจนว่าพรรคเพื่อไทยจะส่งแคนดิเดตนายกฯ 3 คน

คนนอกก็ได้

ขณะที่ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า เรื่องของนายกรัฐมนตรียังเร็วเกินไป ซึ่งนายวราวุธก็เป็นบุคคลหนึ่งที่สังคมให้การจับจ้อง และมีคะแนนโหวต ซึ่งก็เป็นคนรุ่นใหม่ มีบุคลิกท่าทางดี แต่การจะเป็นแคนดิเดตหรือไม่ ไม่มีใครตอบได้ เพราะเร็วเกินไป และยังไม่ถึงขั้นตอนที่จะเลือกแคนดิเดต บางทีท้ายสุด 1-2 สัปดาห์ก่อนที่จะสมัครรับเลือกตั้ง แต่ตามปฏิทินของรัฐบาลนายอนุทินก็ยังอีก 3 เดือนครึ่งถึงจะยุบสภา  หลังจากนั้นต่อไปอีกเป็นเดือนถึงจะมีแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เพราะฉะนั้นถ้าพูดวันนี้ยังเร็วเกินไป แต่ถ้าเป็นการโยนหินถามทางของสื่อมวลชน ก็ไม่มีปัญหา ก็เป็นสิ่งที่ทำได้

เมื่อถามย้ำว่า ก่อนหน้านี้พรรคเพื่อไทยได้พูดคุยกับนายวราวุธหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ก็เป็นพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกัน ก็ดี ไม่เห็นมีอะไรเสียหาย คิดว่าจะได้คนในพรรคหรือนอกพรรคก็ไม่เป็นไร ถ้าเป็นคนที่สังคมรับได้ก็เป็นสิ่งที่ดี ไม่ได้เน้นว่าต้องเป็นในพรรคหรือนอกพรรค ก็เอาคนที่เข้าใจบริบทของสังคม บางคนก็เข้าใจสังคมเมือง  บางคนไม่เข้าใจสังคมชนบทหรือสังคมระหว่างประเทศ ถ้ามีอะไรที่ครบเครื่องก็คงดีที่สุด แต่ถ้าหาไม่ได้ก็ค่อยลดสเปกลงมาค่อยว่ากันไป

ถามว่า การมีข่าวแบบนี้จะทำให้เพื่อไทยเลือดไหลหรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า ถึงเวลาเลือดน่าจะหยุดแล้ว

ส่วนกรณีที่นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ผู้อำนวยการเลือกตั้งพรรคเพื่อไทยฮึกเหิม ตั้งเป้าไว้ว่าจะคว้าเก้าอี้ สส.ถึง 200 นายสมศักดิ์กล่าวว่า นายสุริยะมั่นใจเพราะอาจจะมีสรรพกำลัง สามารถช่วยลูกพรรคได้ ส่วนตนก็มีหน้าที่ให้คำปรึกษาเพราะเป็นผู้แทนฯ มานาน แต่ก็ไม่ใช่เก่ง เพียงแต่นำประสบการณ์มาแลกเปลี่ยน การเลือกตั้งสมัยใหม่ ต้องมีของครบเครื่อง

เมื่อถามว่า เคยมีคำพูดว่านายสุริยะกับนายสมศักดิ์ เมื่อเลือกอยู่พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองนั้นก็จะได้เป็นรัฐบาลเสมอ วันนี้ยังคงใช้คำพูดนี้ได้หรือไม่ นายสมศักดิ์กล่าวว่า อย่าประมาทสังคม อย่าประมาทการเมือง แต่อดีตเป็นประวัติที่เกิดมาแบบนั้น ส่วนจะรักษาประวัติศาสตร์ทางการเมืองตรงนี้ไว้ได้หรือไม่ ตนไม่ทราบ ไม่กล้าวิพากษ์วิจารณ์ เพราะอาจจะเป็นเรื่องบังเอิญ

ยืนยัน 44 สส.บริสุทธิ์

นายสมศักดิ์ยังกล่าวถึงกรณีนายธนกฤต จิตรอารีย์รัตน์ อดีตผู้ช่วยรัฐมนตรีรองนายกฯ ไปนั่งตำแหน่งเลขานุการของนายอัครา พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จึงถูกตั้งข้อสังเกตว่านายสมศักดิ์อาจจะย้ายพรรคในอนาคตหรือไม่ ว่าตนไม่ได้ย้าย ซึ่งนายธนกฤตถือเป็นคณะทำงานในอดีตของตนเท่านั้น และอาจมองต่างมุมกับตนบ้าง โดยอาจเห็นว่าหัวหน้าพรรคกล้าธรรมจะเป็นนายกรัฐมนตรีได้ ก็คงจะไปสนับสนุน แต่ตนไม่ทราบ  คาดเดาไม่ได้ เป็นความคิดเห็นทางการเมืองตามระบอบประชาธิปไตย ไม่ได้ห้ามใครหรือสนับสนุนใคร แต่ในช่วงที่ทำงานกับตนตอนนั้นก็ทำงานได้ ไม่มีปัญหากัน

“แต่ผมกับน้องสาวยังอยู่พรรคเดียวกัน และจะไม่ไปไหน" นายสมศักดิ์กล่าวพร้อมหัวเราะ

นายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคประชาชน ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่โฆษกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ระบุว่า คดี 44 สส.ของอดีตพรรคก้าวไกลกรณีลงชื่อแก้ไขกฎหมายมาตรา 112 จะสามารถสรุปได้ในเดือน ธ.ค.นี้ว่า เรายืนยันเรื่องความบริสุทธิ์ของเราว่าการทำหน้าที่ของ สส.ของพรรคก้าวไกลเดิมไม่ได้ผิดกฎหมายและจริยธรรม  ยืนยันว่าทุกสิ่งไม่ได้ไปแอบทำ แต่เป็นเรื่องความโปร่งใส ที่พยายามทำหน้าที่ สส.ในอำนาจนิติบัญญัติ เมื่อเราดำเนินการแล้ว ไม่ได้หมายความว่าจะสำเร็จทันที แต่ต้องมีการถกเถียงกันในสภา และมีขั้นตอนอีกพอสมควร ซึ่งยังไปไม่ถึงขั้นนั้น เพราะประธานสภาผู้แทนราษฎรในขณะนั้น มองว่าไม่สามารถบรรจุวาระดังกล่าวได้

“เราอยู่กับเรื่อง 44 สส.มานาน ผมก็พยายามสู้คดีอย่างเต็มที่ ยืนยันถึงความบริสุทธิ์ใจ เราก็ทำหน้าที่ สส. และเตรียมพร้อมสู่การเลือกตั้ง ดังนั้นไม่มีอะไรต้องกังวล เพราะทุกอย่างอยู่บนโต๊ะ มีความโปร่งใส และยืนยันว่าประชาชนจะสนับสนุนพรรคประชาชนอย่างแน่นอน”.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.