‘ไชยชนก’ชี้สินบนจบ1ด. โรมจี้แม้วเคลียร์ปมเบน!

“ไชยชนก” เบี้ยวแจง กมธ.ไอซีที  ปมสินบน 40 ล้าน อ้างเหตุไม่อยากเปิดเผยข้อมูล หวั่นกระทบงานสอบสวน คาด 1 เดือนรู้ผล ให้รอชม! ด้าน "ผบช.ก." เผยอยู่ระหว่างรวบรวมข้อเท็จจริง ยันมีข้อมูล "คิว" ตัวละครของเรื่อง  ขณะที่ “โรม” อยากให้ “ทักษิณ” แจงความสัมพันธ์กับนักธุรกิจสีเทา “เบน สมิธ” ยันข้อมูลแก๊งคอลเซ็นเตอร์ไหลมาเรื่อยๆ ไม่ใช่แค่ 48 หน้า

เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2568 นายไชยชนก ชิดชอบ รมว.ดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ไม่ได้เดินทางไปชี้แจงต่อคณะกรรมาธิการ (กมธ.) การสื่อสาร โทรคมนาคม และดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม  เรื่องสินบน 40 ล้านบาทว่า มันมีเรื่องของข้อมูล  และขณะนี้อยู่ระหว่างการดำเนินการ กังวลว่าหากให้ข้อมูลไปจะส่งผลต่อการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าพนักงานในเรื่องการดำเนินคดี ขอให้รอและให้เป็นไปตามกระบวนการ

ผู้สื่อข่าวถามว่า หลังจากนี้จะไม่ให้ข้อมูลแล้วใช่หรือไม่ รมว.ดีอีตอบว่า ครับ หลังจากได้ข้อสรุปจากกระบวนการ ตนก็จะมาให้ข้อมูล ยืนยันว่าพร้อมชี้แจงอยู่แล้ว ยืนยันว่าเป็นเรื่องจริง  ดังนั้นขอให้รอการสืบสวนก่อน ให้ผู้รับผิดชอบไปปฏิบัติหน้าที่อย่างเต็มที่ เกรงว่าหากมีข้อมูลอะไรหลุดไปจะส่งผลกระทบแน่นอน หากจะให้มีการจับได้จริงก็ไม่อยากให้มีฝ่ายไหนออกมาพูดก่อน

เมื่อถามว่า มีบุคคลที่เกี่ยวข้องประมาณกี่คน นายไชยชนกตอบว่า ขอให้รอดูการสืบสวนสอบสวน ซึ่งน่าจะซัดทอดต่อไปเรื่อยๆ ดูข้อมูลจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องว่าจะออกมาอย่างไร ส่วนกรอบระยะเวลาการดำเนินการคาดว่าไม่ถึง 1 เดือน ขอให้รอชม

ซักว่าได้รับการติดต่อมาทั้งหมดกี่ครั้ง รมว.ดีอีชี้แจงว่า เขามีความพยายามหลายครั้ง แต่เข้ามาถึงตนเพียงครั้งเดียว ผ่านทีมงานของตนตามที่เป็นข่าว เรื่องนี้แก้ไขปัญหาโดยหน่วยงานเดียวไม่ได้ เนื่องจากมีความเกี่ยวข้องกับหลายหน่วยงาน เชื่อว่าคนในรัฐบาลชุดนี้ให้ความสำคัญและดำเนินการอย่างสุดความสามารถ

ด้าน พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ เชาวนาศัย ผู้บัญชาการตำรวจสอบสวนกลาง (ผบช.ก.) กล่าวว่า ขณะนี้ ตำรวจ กก.1 บก.ป. ได้ดำเนินสืบสวนสอบสวนไปแล้วส่วนหนึ่ง อยู่ระหว่างรวบรวมพยานหลักฐาน ล่าสุดได้พูดคุยกับทีมชุดคลี่คลายคดีดังกล่าว ทราบว่าอยู่ระหว่างสืบหาพยานหลักฐานบางอย่างเพิ่มเติม หากมีความคืบหน้าชัดเจนจะชี้แจงต่อสื่อมวลชนให้ทราบ

ผบช.ก.กล่าวต่อว่า สำหรับเรื่องนี้หากพบการกระทำผิดจริง ตามข้อกฎหมายจะเป็นเรื่องเกี่ยวกับคดีทุจริต การพิจารณาคดีจะอยู่ในอำนาจหน้าที่ของ ป.ป.ช. ซึ่งในส่วนของตำรวจ  ตอนนี้ยังคงพอมีเวลาในการดำเนินการสืบสวนรวบรวมพยานหลักฐาน เชื่อว่าแล้วเสร็จทันภายในกรอบระยะเวลา 30 วัน

มีข้อมูล 'คิว' หมดแล้ว

ส่วนเรื่องพยานบุคคลต่างๆ ที่มีการกล่าวอ้างหรือถูกพาดพิงถึง จำเป็นต้องติดตามตัวมาสอบปากคำ แต่จะเป็นการเรียกสอบในฐานะพยาน เพื่อซักถามข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้น เช่นเดียวกับพยานหลักฐานบางส่วนที่ต้องพยายามเร่งสืบหามาประกอบสำนวนคดีให้ครบถ้วน ยืนยันว่าหากพบการกระทำผิดไม่ว่าบุคคลใด ไม่ละเว้นแน่นอน

ผู้สื่อข่าวถามว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจมีข้อมูลหรือประวัติของนายคิว ตัวละครสำคัญของเรื่องนี้หรือไม่ พล.ต.ท.ณัฐศักดิ์ยืนยันว่า ตอนนี้เรามีข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับนายคิวหมดแล้ว แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด

ที่กองบัญชาการตำรวจสืบสวนสอบสวนอาชญากรรมทางออนไลน์ (บช.สอท.) เมืองทองธานี พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์ คล้ายคลึง รอง ผบช.สอท., พล.ต.ต.ศิริวัฒน์ ดีพอ ผบก.สอท.1 เปิดเผยถึงกรณีที่นายรังสิมันต์ โรม รองหัวหน้าพรรคประชาชน แถลงโรดแมปการปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ ซึ่งมีตอนหนึ่งพาดพิงถึงการทำงานของตำรวจไซเบอร์และหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  ว่ายังทำงานล่าช้าและมีอุปสรรคปัญหาในเรื่องข้อกฎหมาย

พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์กล่าวว่า การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจไซเบอร์รวดเร็วหรือไม่สื่อมวลชนทราบดีอยู่แล้ว ประชาชนทราบดีอยู่แล้ว ไม่ต้องตอบเยอะ การจับกุมก็มีเป็นจำนวนมาก  เห็นได้จากการแถลงข่าวในวันนี้ที่มีเป็นจำนวนมาก ซึ่งการที่นายรังสิมันต์กล่าวพาดพิงถึง ก็จะรับฟังไว้ แต่ผลงานที่ออกมาจะชัดเจนเอง ซึ่งผู้ที่จะตัดสินคือสื่อมวลชนและประชาชนเอง

เมื่อถามว่า การที่มีผลจับกุมเยอะ แต่มีปัญหาเรื่องการดำเนินคดีกับตัวผู้ต้องหาหรือไม่ พล.ต.ต.ศิริวัฒน์กล่าวว่า ตลอด 3 ปี 6 เดือนที่ผ่านมา มีผู้เสียหาย 1 ล้านเคสไอดี มีความเสียหายกว่า 100,000 ล้านบาท ระงับเงินได้ทัน 10,000 ล้านบาท ตำรวจไซเบอร์เน้นการป้องกันไม่ให้ประชาชนตกเป็นเหยื่อ แต่บุคคลภายนอกอาจอยากให้เน้นเรื่องการปราบปราม แต่สิ่งที่ชาวบ้านต้องการจริงๆ คือการต้องการเงินคืน ไม่ใช่การจับกุม ซึ่งที่ผ่านมามีนโยบายเชิงรุกหลายอย่าง ทั้งเรื่องการคืนเงินได้เร็ว และเรื่องการระงับบัญชีธุรกรรมการเงิน แต่ก็ยอมรับว่าได้รับผลกระทบกับประชาชน

สายสัมพันธ์ 'ทักษิณ-เบน สมิธ'

ยืนยันว่ากองบัญชาการตำรวจไซเบอร์ไม่ได้หยุดนิ่ง ซึ่งมีข้อเท็จจริงเห็นได้ทุกวัน สามารถฟังได้เห็นได้เองทุกคน ส่วนเลขคดีเยอะ สำนวนเยอะ เป็นเพราะมีสำนวนคดีกว่า 1 ล้านเคสไอดี ต้องประสานจากหลายหน่วยงานบางบริษัท บางหน่วยงานไม่สามารถสั่งการได้ ต้องเป็นการขอความร่วมมือ ซึ่งตอนนี้ธนาคารและ กสทช.ให้ความร่วมมือแล้ว

ส่วนกรณีของนายเบน สมิธ ที่นายรังสิมันต์มีการกล่าวถึง พล.ต.ต.ชัชปัณฑกาณฑ์กล่าวว่า  ขอให้นายรังสิมันต์นำข้อมูลดังกล่าวมามอบให้กับตำรวจไซเบอร์ได้เลย โดยที่ตำรวจไซเบอร์จะยังไม่เรียกนายรังสิมันต์เข้ามาให้ข้อมูล และไม่ว่าผู้ที่เกี่ยวข้องจะเป็นชาวบ้านทั่วไป ผู้ใหญ่หรือนักการเมือง ก็พร้อมดำเนินการสืบสวนสอบสวนให้ตลอด

ด้านนายรังสิมันต์ โรม สส.บัญชีรายชื่อและรองหัวหน้าพรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ กิจการชายแดนไทย ยุทธศาสตร์ชาติและการปฏิรูปประเทศ สภาผู้แทนราษฎร แถลงโรดแมปการติดตามเปิดโปงกลุ่มทุนเทายึดประเทศว่า จำได้หรือไม่ว่าทีมงานของ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรสหกรณ์ เขาพูดว่านายเบน สมิธ ที่ปรึกษาประธานวุฒิสภากัมพูชา ทำธุรกิจกับนักการเมืองไทยหลายคน แต่ไม่มีชื่อ ร.อ.ธรรมนัส มันก็ทำให้เราอยากรู้ว่าหลายคนคือใคร ดังนั้นก็คงจะต้องมีการตรวจสอบและแสวงหาข้อมูลเรื่องนี้มากยิ่งขึ้น

ขณะที่ความสัมพันธ์ระหว่างนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีกับนายเบน สมิธ น่าเสียดายที่นายทักษิณอาจจะไม่ได้ใช้โอกาสในการชี้แจง

 “แต่ถ้ามีโอกาส หากคุณอุ๊งอิ๊ง (น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี) ฟังอยู่ หรือคนในครอบครัวชินวัตรฟังอยู่ ผมอยากให้คุณทักษิณได้มีโอกาสชี้แจง ฝากมาได้ ผมเชื่อว่าท่านก็ไปเยี่ยมอยู่บ่อยๆ ดังนั้นเรื่องนี้เป็นเรื่องที่ผมอยากเห็นผู้ที่เกี่ยวข้องทั้งหลายออกมาพูดความจริงให้สังคมได้รับรู้และให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ ถ้าให้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ว่าใครเกี่ยวข้องกับใครบ้าง เหมือนอย่างที่คุณธรรมนัสพูด ต้องชมท่านอยู่อย่างหนึ่งนะครับ ถึงแม้จะไม่ค่อยให้ความร่วมมือ แต่ท่านบอกเองว่าท่านรู้จักกับเบน สมิธ เพราะคุณทักษิณเป็นคนแนะนำ ก็เป็นหนึ่งในข้อมูลที่เป็นประโยชน์ที่เราจะต้องมีการตรวจสอบเรื่องนี้ต่อไป ผมไม่ได้เป็นคนพูดเองว่าใครเป็นคนแนะนำ แต่เป็นคุณธรรมนัสเป็นคนพูดที่ยืนยันความสัมพันธ์ระหว่างคุณทักษิณและเบน สมิธ รู้จักกันมานานตั้งแต่ที่ดูไบ”

ข้อมูลเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ

เมื่อถามว่าหลักฐาน 48 หน้า และที่แถลงวันนี้ยังไม่ได้ใหม่เลย นายรังสิมันต์กล่าวว่า ขอยกตัวอย่างประการที่ใหม่ เช่น ตอนนี้ตนได้พยานหลักฐานที่เป็นเอกสารที่เรียกว่าตราตั้งของฮุน เซน ต่อนายเบน สมิธ เลยก็ได้ เอกสารที่มีบริษัทใดบ้างที่เกี่ยวข้องกับเครือข่ายพวกนี้ มีรายชื่อผู้ถือหุ้น มีชื่อบริษัทเป้าหมาย มีบุคคลที่เป็นเครือข่ายที่เกี่ยวข้อง ถ้าติดตามไปเรื่อยๆ วันที่ 30 ต.ค.นี้ เราขยายไปที่นายวรภัค ธันยาวงษ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง

 “เราจะขยายไปเรื่อยๆ หลักฐานนี้เราเห็นกำพืดของนายเบน สมิธ ความยาว 48 หน้า ผมเองยืนยันกับพี่น้องสื่อมวลชนว่าข้อมูลตรงนี้เป็นข้อมูลที่มันเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ และถ้าติดตามในการโจมตีที่นำไปสู่คนที่อยู่เบื้องหลัง เรื่องนี้รู้ว่าสิ่งที่เกิดขึ้นคือเทียนเทียนเวนเจอร์ มีการจัดการแสดงวิธีการที่ทำให้เกิดความน่าเชื่อถือ ถึงขั้นมีการจ้างดาราเพื่อมาแสดงเรื่องนี้” นายรังสิมันต์กล่าว

เมื่อถามว่า ที่มาของเอกสารสามารถเชื่อถือได้หรือไม่ นายรังสิมันต์กล่าวว่า ตนได้มีการตรวจสอบว่าพยานหลักฐานข้อมูลหลายหลายอย่างมีหลักฐานประกอบที่น่าเชื่อถือ ดังนั้นถ้าต้องฟ้องตนในศาล ตนพร้อมที่จะเอาข้อมูลเหล่านี้ไปนำเสนอต่อศาล รวมไปถึงนำไปสู่การขยายผล เพื่อจะนำไปสู่การปราบปรามแก๊งสแกมเมอร์ต่อไป ตอนนี้ข้อมูลไม่ได้แค่ 48 หน้า แต่ไหลมาเรื่อยๆ

นายรังสิมันต์เปิดเผยว่า บริษัทที่เกี่ยวข้องไม่ใช่บริษัทพลังงานเพียงอย่างเดียว มีความหลากหลาย บางบริษัทที่ไม่ได้ใหญ่ ก็มีลักษณะที่คล้ายกับการปกปิดซ่อนตัวเอง บางบริษัทเกี่ยวข้องกับโครงสร้างพื้นฐาน บางบริษัทกลุ่มที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายนี้ มักเป็นกลุ่มที่หน่วยงานของรัฐไปถือหุ้นอยู่ในบริษัทนั้น แสดงว่ามีความสามารถในการกำกับหรือชี้นำในสัดส่วนหุ้นที่เป็นของรัฐได้ เช่น อาจจะให้พยายามที่ทำให้ประกันสังคมขายหุ้นบางจากให้กับกลุ่มทุนนิรนามกลุ่มหนึ่ง เป็นต้น.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘ไชยชนก’ ถอดบทเรียนมหาอุทกภัยใต้ เดินเครื่องยกระดับระบบเตือนภัยไทยสู่ระดับโลก ใช้ดาวเทียม-AI เพิ่มความแม่นยำ เร่งบูรณาการข้อมูล พร้อมจัดงบฯ ฟื้นเครือข่ายวิทยุสื่อสาร ตามรอยในหลวง ร.9

นายไชยชนก ชิดชอบ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม (ดีอี) กล่าวถึงการถอดบทเรียนจากเหตุการณ์มหาอุทกภัยภาคใต้ และการดำเนินโครงการความร่วมมือทางยุทธศาสตร์ ระหว่างกรมอุตุนิยมวิทยา กับ Tomorrow.io เพื่อยกระดับระบบการเตือนภัยของประเทศไทย