ถวายพระเกียรติยศเทียบเท่าพระมหากษัตริย์

"ในหลวง-พระราชินี" ทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ “พระพันปีหลวง” วันที่ 2 ทรงได้รับการถวายพระเกียรติยศพิเศษสูงสุดเทียบเท่าพระมหากษัตริย์ ทูตต่างประเทศ ผู้นำศาสนา พสกนิกร หลั่งไหลถวายสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์วันแรก "พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ฯ" เปิดให้ประชาชนเข้าชมฉลองพระองค์ สัมผัสความงามผ้าไทย น้อมสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ "สปน." ประชุมเตรียมความพร้อมจัดงานพระราชพิธีพระบรมศพอย่างสมพระเกียรติ "รมว.วธ." สำรวจราชรถ-ราชยาน เตรียมขอฤกษ์บวงสรวงเริ่มงานบูรณะ "กรมศิลป์" วางไทม์ไลน์ 90 วัน ร่างแบบพระเมรุมาศ 

เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2568 เวลา 19.14 น. พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จพระราชดำเนินโดยรถยนต์พระที่นั่ง จากพระที่นั่งอัมพรสถาน พระราชวังดุสิต ไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลสวดพระอภิธรรมพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง

 ในการนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงจุดธูปเทียนเครื่องทองน้อยถวายราชสักการะพระบรมศพ

 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระดำเนินไปทรงจุดธูปเทียนเครื่องนมัสการพานทองสองชั้นบูชาพระพุทธรูปประจำพระชนมวาร ที่หน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร ทรงกราบ

จากนั้นทรงพระดำเนินผ่านแถวข้าราชการที่มาเฝ้าฯ  ไปที่หน้าพระแท่นเตียงพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรรมตั้งอยู่ด้านตะวันออกและด้านตะวันตก ณ มุขเหนือพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ทรงจุดธูปเทียนเครื่องบูชากระบะมุกที่หน้าพระแท่นเตียงพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ทรงคม ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ ประทับพระราชอาสน์

เมื่อพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมครบ 4 จบ เจ้าพนักงานนิมนต์พระราชาคณะ 1 รูป ที่จะถวายอดิเรกและพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม 8 รูป นั่งยังอาสน์สงฆ์พร้อมแล้ว เจ้าพนักงานลาดพระภูษาโยง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระดำเนินไปทรงทอดผ้าไตร ประทับพระราชอาสน์ พระสงฆ์สดับปกรณ์  พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงหลั่งทักษิโณทก พระสงฆ์ถวายอนุโมทนา ถวายอดิเรก ถวายพระพรลา ออกจากพระที่นั่ง

พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระดำเนินไปทรงกราบที่หน้าเครื่องนมัสการหน้าพระแท่นพระนพปฎลมหาเศวตฉัตร พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี ทรงพระดำเนินไปที่หน้าพระโกศ  ทรงกราบ ทรงรับการถวายความเคารพของผู้มาเฝ้าฯ           

 พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี เสด็จออกจากพระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ลงทางบันไดมุขกระสันพระที่นั่งพิมานรัตยา โดยลิฟต์ ไปประทับรถยนต์พระที่นั่ง เสด็จพระราชดำเนินกลับ

ในช่วงเช้า เวลา 07.41 น. สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี เสด็จพระราชดำเนินไปทรงบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ พระที่นั่งดุสิตมหาปราสาท ในพระบรมมหาราชวัง ในการพระพิธีธรรมรับพระราชทานฉันเช้าแด่พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ซึ่งเป็นพระสงฆ์จากวัดพระเชตุพนวิมลมังคลาราม ราชวรมหาวิหาร และวัดราชสิทธารามราชวรวิหาร รวม 8 รูป ทั้งนี้ พระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรมจะมีในช่วงเวลา 06.00 น. เวลา 09.00 น. เวลา 12.00 น. เวลา 15.00 น. เวลา 19.00 น. และเวลา 21.00 น.

โอกาสนี้ทรงวางพวงมาลาที่หน้าพระโกศ สำหรับ พระโกศทองใหญ่ทรงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง แห่งมหาจักรีบรมราชวงศ์ ประดิษฐานเหนือพระแท่นสุวรรณเบญจดล ภายใต้นพปฎลมหาเศวตฉัตร แวดล้อมด้วยเครื่องสูงหักทองขวาง มีชุมสายฉัตร 5 ชั้น บังแทรกฉัตร 7 ชั้น ต้นไม้ทองเงิน

 นับเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ไทย ที่สมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินีนาถ ทรงได้รับการถวายพระเกียรติยศพิเศษสูงสุดเทียบเท่าพระมหากษัตริย์

โอกาสเดียวกันนี้ สมเด็จพระเจ้าน้องนางเธอ เจ้าฟ้าจุฬาภรณวลัยลักษณ์ อัครราชกุมารี กรมพระศรีสวางควัฒน วรขัตติยราชนารี, สมเด็จพระเจ้าลูกยาเธอ เจ้าฟ้าทีปังกรรัศมีโชติ มหาวชิโรตตมางกูร สิริวิบูลยราชกุมาร, พระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าสิริภาจุฑาภรณ์ และพระเจ้าวรวงศ์เธอ พระองค์เจ้าอทิตยาทรกิติคุณ โปรดให้ผู้แทนพระองค์วางพวงมาลาที่หน้าพระโกศด้วย

ทั้งนี้ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมให้มีพระพิธีธรรมสวดพระอภิธรรม ประจำทั้งกลางวัน กลางคืน รับพระราชทานฉันเช้าวันละ 8 รูป รับพระราชทานฉันเพลวันละ 8 รูป และประโคมย่ำยามกำหนด 100 วัน

 วันเดียวกัน ตั้งแต่เวลา 08.30-16.00 น. ที่อาคารหน่วยราชการในพระองค์ 904 ศาลาสหทัยสมาคมฯ และเต็นท์สนามหญ้าข้างอาคารลูกขุนใน ในพระบรมมหาราชวัง สำนักพระราชวัง ได้เปิดให้พสกนิกรทุกหมู่เหล่าเข้าถวายสักการะเบื้องหน้าพระฉายาลักษณ์ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง เป็นวันแรก พร้อมจุดลงนามถวายความอาลัย โดยมีบุคคลสำคัญ คณะบุคคล คณะทูตานุทูต ผู้นำศาสนา หน่วยงานภาครัฐ ภาคเอกชน องค์กรอิสระ ประชาชนทั่วไปเข้าถวายสักการะและลงนามถวายความอาลัยด้วยความจงรักภักดี

อาทิ คุณหญิงพจมาน ณ ป้อมเพชร, น.ส.พินทองทา ชินวัตร คุณากรวงศ์, นางจิราภรณ์ ฉายแสง, เอกอัครราชทูตโมร็อกโก ประจำประเทศไทย, เอกอัครราชทูตคาซัคสถาน ประจำประเทศไทย, เอกอัครราชทูตนอร์เวย์  ประจำประเทศไทย, เอกอัครราชทูตสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว ประจำประเทศไทย, เอกอัครราชทูตโอมาน ประจำประเทศไทย, เอกอัครราชทูตเม็กซิโก ประจำประเทศไทย, เอกอัครราชทูตชิลี ประจำประเทศไทย, เอกอัครราชทูตบรูไน ประจำประเทศไทย,  สำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ, คณะกรรมาธิการเศรษฐกิจและสังคมแห่งสหประชาชาติสำหรับเอเชียและแปซิฟิก (UNESCAP), คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ตูนิเซีย, คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ฮอนดูรัส, คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ โอมาน, อุปทูตมาเลเซีย ประจำประเทศไทย, คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติโอมาน เป็นต้น

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ร่วมน้อมรำลึกถึงพระมหากรุณาธิคุณในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ  พระบรมราชชนนีพันปีหลวง โดยเปิดให้ประชาชนเข้าชมฟรีทุกวัน ตั้งแต่วันจันทร์ที่ 27 ตุลาคม 2568 เป็นต้นไป ตั้งแต่เวลา 09.00-16.30 น. ซึ่งวันแรกของการเปิดให้เข้าชมฟรี บรรยากาศตั้งแต่ช่วงเช้ามีประชาชนทยอยเข้าชมอย่างต่อเนื่อง โดยมีคณะเจ้าหน้าที่พิพิธภัณฑ์ผ้าในสมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ ให้คำแนะนำและอำนวยความสะดวกการเยี่ยมชม

ที่ทำเนียบรัฐบาล นางยุพา ทวีวัฒนะกิจบวร ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมผู้บริหารสำนักงานสำนักนายกรัฐมนตรี เพื่อเตรียมความพร้อมการจัดงานพระราชพิธีพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง ณ ห้องประชุม 109 สำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี โดยมีหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วม

โดยนางยุพาเปิดเผยว่า การประชุมครั้งนี้เป็นการประชุมภายในของข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะที่เป็นฝ่ายเลขาฯ คณะกรรมการจัดงานพระราชพิธีพระบรมศพฯ ที่มีนายกรัฐมนตรีเป็นประธาน ซึ่งนายกฯ ได้สั่งการให้จัดงานอย่างสมพระเกียรติมากที่สุด จึงได้มีการประชุมเตรียมความพร้อมทุกฝ่าย ซึ่งนอกจากจะมีการตั้งคณะกรรมการทั้ง 8 คณะขึ้นมาแล้ว ยังได้มีการจัดตั้งศูนย์ประสานงานการจัดงานพระราชพิธีถวายพระเพลิงพระบรมศพ สมเด็จพระนางเจ้าสิริกิติ์ พระบรมราชินีนาถ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง  (ศปพ.) เพื่อให้เกิดความเรียบร้อยทั้งส่วนงานราชการและภาคีเครือข่าย

นางยุพากล่าวว่า นายกฯ เน้นย้ำเสมอว่าขอให้ดูแลการจัดงานให้เป็นไปด้วยความเรียบร้อย มีนโยบายให้ข้าราชการไว้ทุกข์ 1 ปี และลดธงครึ่งเสา 30 วัน การไว้ทุกข์ของประชาชนไม่ใช่ 30 วัน อาจเป็นการสื่อสารข้อมูลที่ผิดพลาด แต่การไว้ทุกข์ของประชาชนจะเป็นไปตามความเหมาะสมที่จะเป็นการแสดงออกซึ่งความจงรักภักดี ขณะเดียวกันจะมีการตั้งศูนย์ประสานงานยังสำนักปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีด้วย ทั้งนี้ที่ประชุมได้มีการเตรียมความพร้อมเรื่องการจัดพิธีทำบุญครบสัตตมวาร (7 วัน), ปัณรสมวาร (15 วัน), ปัญญาสมวาร (50 วัน) และสตมวาร (100 วัน) ด้วย

น.ส.ซาบีดา ไทยเศรษฐ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (วธ.) เปิดเผยภายหลังการประชุม เพื่อรับทราบแนวทางการดำเนินงานของกรมศิลปากรในเรื่องที่ได้รับมอบหมาย รวมทั้งแผนการปฏิบัติงานด้านต่างๆ โดยให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามโบราณราชประเพณี มีความสง่างามสมพระเกียรติในฐานะแม่แห่งแผ่นดิน อันเป็นที่รักยิ่งของปวงชนชาวไทย ทั้งนี้ วธ.โดยกรมศิลปากรจะขอรับพระราชวินิจฉัยจากองค์ที่ปรึกษาตามขั้นตอน และปฏิบัติงานอย่างเต็มความสามารถตามข้อสั่งการของรัฐบาล

"กรมศิลปากรได้มอบหมายภารกิจให้หน่วยงานในสังกัด ได้แก่ การออกแบบและจัดสร้างพระเมรุมาศ สิ่งปลูกสร้างประกอบพระเมรุมาศ ดำเนินการโดยสำนักสถาปัตยกรรม การบูรณปฏิสังขรณ์ราชรถ พระยานมาศ และโบราณวัตถุ ศิลปวัตถุ ดำเนินการโดยสำนักพิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ การจัดสร้างเครื่องประกอบพระเมรุมาศ และเครื่องสังเค็ด ดำเนินการโดยสำนักช่างสิบหมู่  การประโคมในพระราชพิธีสวดพระอภิธรรมและการบำเพ็ญพระราชกุศลถวายพระบรมศพฯ ตลอดระยะเวลาการจัดงานพระราชพิธี ดำเนินการโดยสำนักการสังคีต และการจัดทำหนังสือจดหมายเหตุงานพระบรมศพ งานพระราชพิธีถวายพระเพลิงฯ"

 น.ส.ซาบีดากล่าวว่า ได้เข้าสังเกตการณ์การดำเนินงานสำรวจตรวจสอบสภาพราชรถ ราชยาน ณ โรงราชรถ พิพิธภัณฑสถานแห่งชาติ พระนคร เพื่อเตรียมการอนุรักษ์ บูรณะ ซ่อมแซม และตกแต่งให้งดงามสมพระเกียรติ ซึ่งขั้นตอนแรกนักวิทยาศาสตร์ ภัณฑารักษ์ และช่างสิบหมู่ จะร่วมกันสำรวจสภาพปัจจุบันก่อน เพื่อวางแผนงานอนุรักษ์ บูรณะ ซ่อมแซม ตลอดจนการตกแต่งให้งดงามตามแบบศิลปกรรมไทยประเพณี คาดว่าจะดำเนินการบูรณะราชรถ ราชยาน คานหามทุกองค์ ให้แล้วเสร็จภายในระยะเวลาไม่เกิน 1 ปี โดยหลังจากวันนี้จะได้ขอฤกษ์สำหรับวันทำพิธีบวงสรวงราชรถ ราชยาน และเครื่องประกอบพระเกียรติยศ เพื่อเริ่มงานบูรณะราชรถตามขนบธรรมเนียมประเพณีต่อไป กรมศิลปากรจะปิดให้บริการเข้าชมโรงราชรถตั้งแต่วันที่ 29 ตุลาคม เป็นต้นไป จนกว่าการพระราชพิธีจะแล้วเสร็จ

นายพนมบุตร จันทรโชติ อธิบดีกรมศิลปากร กล่าวว่า การออกแบบพระเมรุมาศและอาคารประกอบ ขณะนี้อยู่ระหว่างการจัดทำแบบร่างเพื่อนำเสนอองค์ที่ปรึกษาให้คำแนะนำ และจะได้นำแบบร่างที่ทรงให้ความเห็นชอบไปพัฒนาเพื่อเขียนแบบก่อสร้างจริงต่อไป ในขั้นตอนนี้คาดว่าจะใช้เวลา 2-3 เดือน หลังจากแบบก่อสร้างแล้วเสร็จ จะนำไปสู่การประมาณราคาและเสนอของบประมาณไปยังรัฐบาล คาดว่าจะใช้ระยะเวลาในการก่อสร้างไม่เกิน 1 ปี.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชวนทำบุญ อิ่มใจ ร้านกาชาด กฟผ. จัดเต็มสอยดาวฉลากเบอร์ 5 ชมนิทรรศการแสงแห่งพระเมตตา สถิตย์ในใจประชานิจนิรันดร์ รำลึก’พระพันปีหลวง’

เริ่มแล้วงานกาชาดประจำปี 2568 จัดขึ้นภายใต้แนวคิด “ร้อยดวงใจปวงประชา น้อมสำนึกพระเมตตา องค์สภานายิกาสภากาชาดไทย”