ตีปี๊บบัตรเลือกตั้ง 2ใบเบอร์เดียวกัน ยังมึน‘คนยกร่าง’

"ณัฐวุฒิ" เผยแก้ รธน.ในชั้นกรรมาธิการฯ ยังมีความเห็นขัดแย้งอยู่หลายประการ โดยเฉพาะคณะบุคคลที่จะมายกร่างรัฐธรรมนูญ ควรเป็นรูปแบบกรรมาธิการหรือ ส.ส.ร.  ตีปี๊บเห็นด้วยบัตรเลือกตั้ง 2 ใบเบอร์เดียวกันทั่วประเทศ อ้างลดความสับสน

เมื่อวันที่ 31 ตุลาคม 2568 นายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญ พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม กล่าวถึงความคืบหน้าการแก้ไขรัฐธรรมนูญว่า ครั้งนี้เป็นการประชุมครั้งที่ 4 จึงไม่สามารถตอบได้ว่าการพิจารณาจะแล้วเสร็จเมื่อไหร่ และจะต้องมีการเปิดสมัยประชุมวิสามัญหรือไม่ ซึ่งในเนื้อหาสาระขณะนี้มีการพูดคุยถึงประเด็นต่างๆ ที่ยังมีความเห็นแย้งกันอยู่หลายประการ อย่างการไม่สามารถได้มาซึ่งผู้ร่างหรือผู้ยกร่างรัฐธรรมนูญโดยตรงได้ แต่ไม่ได้ตัดสิทธิ์การพิจารณาเลือกแบบทางอ้อม ในส่วนของรัฐสภาที่จะเป็นผู้เลือก รวมถึงหน้าตารูปแบบของกรรมาธิการยกร่างจะออกมาเป็นอย่างไร ควรจะมีสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) หรือไม่

เขากล่าวว่า อยากให้กระบวนการยกร่างรัฐธรรมนูญเป็นกระบวนการที่ประชาชนมีส่วนร่วมมากที่สุด และในท้ายที่สุดรัฐธรรมนูญใหม่จะต้องกำหนดรูปแบบ ขั้นตอนกระบวนการและหลักการพื้นฐาน ดังที่ปรากฏในคำวินิจฉัยของศาลรัฐธรรมนูญ หรือสามารถระบุข้อจำกัดหรือข้อห้ามที่จะไม่ให้มีการแก้ไขได้หรือไม่

นายณัฐวุฒิกล่าวต่อว่า ในประเด็นเหล่านี้ทาง กมธ.ได้มีการตั้งคณะทำงานจากทุกภาคส่วน มี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่านพรรคเพื่อไทย, นายเชวงศักดิ์ เร่งไพบูลย์วงษ์ สส.ชัยภูมิ พรรคภูมิใจไทย, นายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน, นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. และนายนรเศรษฐ์ ปรัชญากร สว. ซึ่งคณะทำงานเหล่านี้จะเป็นผู้ไปดำเนินการพิจารณาในแต่ละประเด็นที่ยังเห็นต่างกันอยู่ได้ตกผลึกหรือเป็นฉันทามติ เมื่อได้ข้อสรุปแล้วสัปดาห์หน้าก็จะเริ่มเข้าสู่การพิจารณารายมาตรา ซึ่งในกรณีที่หาฉันทามติได้อาจจะไม่จำเป็นจะต้องลงมติ แต่ในกรณีที่หาฉันทามติไม่ได้จะต้องมีการลงมติ

ประธาน กมธ.ยังกล่าวว่า ในประเด็นการกำหนดให้บัตรเลือกตั้ง สส.แบบเขตเลือกตั้งและบัญชีรายชื่อให้เป็นเบอร์เดียวกันทั้งประเทศเพื่อลดความสับสนของประชาชนว่า ในสภาผู้แทนราษฎรชุด 25 เคยมีการเสนอในประเด็นดังกล่าวมาแล้ว ในนามพรรคก้าวไกล โดยเสนอบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เบอร์เดียวกัน แต่กรรมาธิการและสภาในยุคนั้นไม่เห็นด้วย

 “มีหลายพรรคการเมืองที่เสนอในลักษณะเดียวกัน จริงๆ ไม่ใช่เรื่องเบอร์อย่างเดียว อะไรที่เป็นประโยชน์ที่สุดต่อประชาชน ก็ควรจะต้องแก้เสียทีเดียว เช่นกรณีบัตรเลือกตั้ง สามารถมีโลโก้ มีชื่อ มีสี หากพัฒนาได้บัตรเลือกตั้งที่มีสีสัญลักษณ์ของพรรคการเมืองต่างๆ ก็อาจทำให้ประชาชนสะดวกมากยิ่งขึ้นในการเลือกตั้ง” นายณัฐวุฒิกล่าว

ด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ โฆษกพรรคประชาชน กล่าวว่า เป้าหมายที่เราอยากจะเห็นในการเลือกตั้งทั่วไป จะมีการออกเสียงประชามติพร้อมกันไปด้วย คือความสะดวกของประชาชน ตนคิดว่ามี 2 ประเด็นสำคัญคือ 1.ตามคำถามเกี่ยวกับข้อมูลหรือเบอร์ของผู้สมัคร สส.แบบเขตและบัญชีรายชื่อของแต่ละพรรค ซึ่งมีคนเสนอว่าอยากให้เป็นเบอร์เดียวกันสำหรับผู้สมัครพรรคเดียวกันทุกเขตและบัญชีรายชื่อ ซึ่งตนคิดว่าการแก้ไขปัญหานี้มี 2 ระดับ ซึ่งข้อเสนอของนางสิริพรรณ ให้แก้ระดับข้อกฎหมาย ซึ่งต้องมีการให้แก้ไขรัฐธรรมนูญและพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ถ้าเรื่องนี้ทุกพรรคเห็นตรงกันเป็นฉันทามติ ในมุมหนึ่งก็อาจจะขับเคลื่อนได้ แต่ต้องพิจารณาดูว่าถึงเวลานั้นจะทันหรือไม่

นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า ถ้าเรามองการแก้ปัญหานี้อีกระดับหนึ่ง ซึ่งเดินหน้าได้เลยโดยไม่ต้องแก้ไขกฎหมาย คือการที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) พยายามใช้กฎหมายที่มีอยู่ในการทำให้พี่น้องประชาชนเห็นถึงข้อมูลในบัตรเลือกตั้งที่ชัดเจนขึ้น เช่น ถ้า กกต.สามารถดำเนินการได้เอง ทำให้เบอร์ของผู้สมัครจากพรรคเดียวกันทุกเขตเป็นเบอร์เดียวกันกับบัญชีรายชื่อ ก็ดำเนินการได้เลย เพราะไม่มีกฎหมายไหนห้ามไม่ให้ทำอยู่แล้ว หรือหากติดขัดจริงๆ สิ่งที่ กกต.ทำได้แน่นอนคือการเอาชื่อผู้สมัคร ชื่อพรรคการเมือง และโลโก้พรรคไปอยู่ในบัตรเลือกตั้ง หมายความว่าแม้สภาจะพิจารณากฎหมายไม่ทัน  กลายเป็นว่าเบอร์ของผู้สมัครแต่ละเขตยังเป็นคนละเบอร์กันอยู่ ถ้าเอาชื่อผู้สมัคร เบอร์ และโลโก้ ไปอยู่ในบัตรเลือกตั้ง ตนคิดว่าจะลดความสับสนลงมาได้เยอะมาก ตนขอรับข้อเสนอของนางสิริพรรณไว้พิจารณา และถ้าจะสำเร็จทันต้องเป็นฉันทามติของทุกพรรค และสามารถขับเคลื่อนได้ภายในระยะเวลาอันจำกัด

นายพริษฐ์กล่าวต่อว่า และ 2.เรื่องการออกเสียงประชามติล่วงหน้า ตนเห็นว่า กกต.ออกมาระบุว่าจะไม่ให้มีการออกเสียงประชามติล่วงหน้า หมายความว่า ถ้าจินตนาการว่าการเลือกตั้งทั่วไปพร้อมประชามติ ประชาชนที่ไปเลือกตั้ง สส.ล่วงหน้าวันนั้นจะไม่สามารถออกเสียงประชามติได้ ถ้าอยากออกเสียงประชามติต้องไปวันจริง เท่ากับว่าประชาชนต้องไปคูหา 2 รอบ  ตรงนี้ตนเห็นว่าเป็นไปตามเจตนารมณ์ของการจะพยายามอำนวยความสะดวกให้กับประชาชนในการทำประชามติพร้อมการเลือกตั้ง ตนก็รับฟังเหตุผลของ กกต.ว่าปัจจุบันกฎหมายอาจจะไม่เขียนชัดว่าต้องมีการจัดการออกเสียงประชามติล่วงหน้านอกเขต ตนเห็นว่ามีช่องกฎหมายที่สามารถทำได้ คือการออกเสียงทางไปรษณีย์ เพราะ พ.ร.บ.ประชามติฉบับปัจจุบันสามารถกำหนดให้ กกต.สามารถสั่งให้มีการออกเสียงทางไปรษณีย์ได้ และโดยนิยามการออกเสียงทางไปรษณีย์ ต้องเป็นการออกเสียงล่วงหน้าอยู่แล้ว

 “ฉะนั้นสิ่งที่ กกต.ทำได้เลยภายใต้กรอบกฎหมายปัจจุบัน คือการออกมาบอกว่าให้ออกเสียงทางไปรษณีย์ โดยวิธีการให้ไปที่สถานที่เดียวกันกับการเลือกตั้ง สส.ล่วงหน้า และไปออกเสียงประชามติทางไปรษณีย์ ณ สถานที่นั้น ซึ่งถือเป็นการใช้กลไกที่มีอยู่ภายใต้กฎหมายที่ใช้อยู่ปัจจุบัน อย่างไรก็ตาม เราไม่อยากเห็นประชาชนสับสนในการออกเสียงการเลือกตั้งและประชามติ หาก กกต.ดำเนินการก็จะทันเวลา ถ้า กกต.ต้องการที่จะให้ตนและ กมธ.การพัฒนาการเมืองฯ สภาผู้แทนราษฎร ไปพูดคุยรายละเอียดเพื่อช่วยกันแก้ไขปัญหาทางออก เราก็ยินดี” นายพริษฐ์ กล่าว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.

"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.