“สีหศักดิ์” เผยหลายประเทศถามถึงปัญหาไทย-กัมพูชา ขณะที่ “นิกรเดช” ระบุเดินหน้าปักหมุดเรียบร้อยดี อึ้ง! อดีต รมว.กต.โผล่โวรัฐบาลอิ๊งค์เจรจาสหรัฐ-จีน กดดันกัมพูชาเคารพข้อตกลงสันติภาพได้สำเร็จ ข้องใจปฏิญญาสันติภาพดึงประเทศที่สามเข้ามาจุ้น
เมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2568 นายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ให้สัมภาษณ์ในระหว่างการเข้าร่วมประชุม Indo-Pacific Ministerial Forum ที่กรุงบรัสเซลส์ ประเทศเบลเยียม กรณีมีการสอบถามถึงสถานการณ์ที่ทหารไทยเหยียบทุ่นระเบิดหรือไม่ ว่าทุกคนห่วงใย รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง แต่เวทีนี้ไม่ได้พูดถึง เพราะเชื่อว่าให้ไทยกับกัมพูชาแก้ปัญหาระดับทวิภาคี แต่ในโอกาสที่หารือทวิภาคีกับบางประเทศ อย่างรัฐมนตรีต่างประเทศเอสโตเนียได้สอบถามถึงเรื่องนี้ จึงเล่าให้ฟังว่าสถานการณ์เป็นอย่างไร การที่ไทยระงับการปฏิบัติการตามข้อตกลงสันติภาพระหว่างไทยและกัมพูชา เพราะมีการละเมิดจากฝ่ายกัมพูชา เรื่องทุ่นระเบิดเป็นครั้งที่ 7 แล้ว
“ถ้าฝ่ายกัมพูชารับผิดชอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เพราะทุ่นระเบิดที่วางเป็นทุ่นใหม่ ถือว่าผิดสัญญาออตตาวา แต่ตอนนี้ในการเก็บกู้เขาไม่ได้ขัดขวางในการรุกล้ำตามแนวชายแดนที่รุกล้ำเข้ามา เขาก็พร้อมหารือพูดคุยดำเนินการในด้านเทคนิค เพื่อปักปันหมุดชั่วคราว จริงๆ ก็ทำงานร่วมกันแล้ว”
นายนิกรเดช พลางกูร อธิบดีกรมสารนิเทศและโฆษก กต. กล่าวถึงพัฒนาการล่าสุดในสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาว่า การสำรวจและวางหมุดชั่วคราวในพื้นที่บ้านหนองจานและบ้านหนองหญ้าแก้ว เมื่อวันที่ 19 พ.ย. ชุดสำรวจร่วมของคณะกรรมาธิการเขตแดนร่วมไทย-กัมพูชา หรือ JBC ได้เริ่มลงพื้นที่สำรวจและวางหมุดชั่วคราว ในหลักเขตแดนที่ 42-47 ซึ่งดำเนินการเป็นไปด้วยดี เพราะบริเวณหลังดังกล่าวเป็นพื้นที่ทั้งสองฝ่ายให้ความสำคัญ ซึ่งการที่สองฝ่ายตกลงดำเนินการวางหมุดชั่วคราวในพื้นที่ได้ เป็นการสะท้อนให้เห็นว่ากลไกทวิภาคี โดยเฉพาะ JBC ยังคงทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ
นายนิกรเดชยังกล่าวถึงการเผยแพร่ข้อมูลเท็จและข้อมูลบิดเบือนโดยฝ่ายกัมพูชาที่ยังดำเนินอย่างต่อเนื่องว่า คนแรกที่ตอบโต้จะเป็นฝ่ายความมั่นคง เพราะอยู่ในพื้นที่ เช่น กรณีเสียงประทัดกองทัพเรือได้ออกมาตอบโต้ทันที กต.จึงได้ออกมาย้ำอีกครั้งว่า หนึ่งในความตกลงของถ้อยแถลงในปฏิญญา Joint Declaration คือการยุติการกระทำการยั่วยุหรือการใช้ข่าวเท็จ เพื่อให้เกิดความเข้าใจผิดและสับสน ดังนั้นไทยจะตอบโต้แบบนี้ แต่ไม่ใช่เพียงช่องทางเดียว เพราะไทยมีศูนย์ตอบโต้ข่าวปลอมอยู่แล้วภายใต้กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม หรือดีอี ซึ่งได้ประสานงานร่วมกันอย่างใกล้ชิด เพื่อตอบโต้เป็นรายวัน ทั้งกระทรวงการต่างประเทศ หน่วยงานความมั่นคง กระทรวงดีอี และกรมประชาสัมพันธ์
ขณะที่ นายมาริษ เสงี่ยมพงษ์ อดีต รมว.กต. กล่าวถึงพัฒนาการล่าสุดของความขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาว่า สร้างความสนใจอย่างกว้างขวางในสังคมไทยทั้งในมิติความมั่นคง ปัญหาเขตแดน และบทบาทของประเทศที่สามในกระบวนการเจรจา ซึ่งเหตุการณ์เหล่านี้สะท้อนให้เห็นถึงคำถามเกี่ยวกับทิศทางและความสอดคล้องของยุทธศาสตร์การต่างประเทศของไทย ในสภาพแวดล้อมภูมิรัฐศาสตร์ที่ซับซ้อนขึ้นเรื่อยๆ
นายมาริษกล่าวต่อว่า ที่ผ่านมารัฐบาลภายใต้การนำของ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร อดีตนายกฯ ได้ยืนยันอย่างชัดเจนว่าประเด็นความขัดแย้งไทย-กัมพูชา ต้องแก้ไขด้วยการเจรจาทวิภาคีไม่ต้องการให้ประเทศที่สามมีบทบาทเป็นคนกลางเข้ามาไกล่เกลี่ย เพราะไทยไม่เคยละเมิดข้อตกลงใดๆ ที่ทำไว้กับกัมพูชา บทบาทของประเทศที่สามจึงเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์ ในฐานะสมาชิกประชาคมระหว่างประเทศ เพื่อไม่ให้กัมพูชาบิดพลิ้วต่อข้อตกลงสันติภาพ แต่การลงนามข้อตกลงสันติภาพ Joint Declaration หรือ JD ที่กรุงกัวลาลัมเปอร์โดยมีผู้นำสหรัฐอเมริกาและมาเลเซียร่วมลงนามด้วย จึงทำให้เกิดข้อสงสัยว่า ไทยยอมรับบทบาทของประเทศที่สามในฐานะผู้ไกล่เกลี่ยโดยปริยายหรือไม่
“รัฐบาล น.ส.แพทองธาร มีมิตรประเทศและมหาอำนาจคือสหรัฐอเมริกาและจีนเป็นสักขีพยานข้อตกลง จึงประสบความสำเร็จในการเจรจาให้ประเทศเหล่านั้นช่วยกดดันกัมพูชาให้เคารพข้อตกลงสันติภาพฯ แต่หากมิตรประเทศและประเทศมหาอำนาจกลายเป็นผู้ไกล่เกลี่ย ประเทศไทยก็หลีกหนีแรงกดดันไม่พ้น”
นายมาริษกล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่รัฐบาลเปิดเผยว่าประธานาธิบดีสหรัฐฝากผ่านนายกฯ มาเลเซียมาอีกครั้งหนึ่ง ที่สหรัฐจะไม่นำเรื่องการระงับปฏิญญาสันติภาพของไทยมาเกี่ยวข้องกับการเจรจาภาษีการค้าระหว่างไทยกับสหรัฐ กรณีนี้ทำให้เกิดความสับสนว่า การสื่อสารกับมหาอำนาจเช่นสหรัฐในเรื่องที่มีผลต่อความมั่นคง และผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจที่สำคัญของไทย เหตุใดจึงต้องสื่อสารผ่านประเทศที่สามทั้งที่ควรเป็นการสื่อสารโดยตรง
นายมาริษกล่าวต่อว่า ขอเสนอแนวทางแก้ไขเชิงยุทธศาสตร์ให้กับรัฐบาลต่อขัดแย้งระหว่างไทย-กัมพูชาว่า รัฐบาลควรกลับมายืนหยัดในช่องทางทวิภาคีกับกัมพูชาอย่างจริงจังในประเด็นที่เป็นเรื่องอ่อนไหวสำหรับอธิปไตยของไทย และใช้บทบาทของประเทศที่สามกดดันกัมพูชาให้ปฏิบัติตามข้อตกลงกับประเทศไทย พร้อมประเมินผลกระทบก่อนกำหนดท่าที ลงนาม หรือดำเนินการใดๆ ในเวทีระหว่างประเทศ รวมถึงจะต้องบาลานซ์ความสัมพันธ์ทางการทูตและสื่อสารโดยตรงกับมหาอำนาจ ในกรณีของสหรัฐ ไทยควรประสานงานผ่านช่องทางการทูตระดับสูงและระดับเจ้าหน้าที่ เพื่อให้ไทยสามารถสื่อสารประเด็นสำคัญได้โดยตรงไม่ผ่านชาติที่สาม พร้อมรณรงค์ผ่านกลไกทวิภาคีให้จีน ในฐานะสักขีพยานข้อตกลงหยุดยิงให้ทราบถึงข้อเท็จจริงที่กัมพูชาเป็นฝ่ายละเมิด เพื่อช่วยกดดันกัมพูชาให้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิง 4 ข้อ และสร้างความสมดุลระหว่างประเทศมหาอำนาจ
ส่วนสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้านบ้านชำราก ต.ชำราก อ.เมืองฯ จ.ตราด ล่าสุด หน่วยเฉพาะกิจนาวิกโยธินตราดยังคงตรึงกำลังทหารหน้าแนว พร้อมการเก็บกู้ทุ่นระเบิดต่อเนื่อง แม้ว่าสถานการณ์ช่วงนี้มีความตึงเครียดมากขึ้น หลังจากฝ่ายข่าวความมั่นคงรายงานว่า กัมพูชาเสริมกำลังส่งหน่วยพิเศษประจำการหน้าแนวติดชายแดนตราด ขณะที่เทศบาลตำบลชำราก นำโดยนายทัธนา อินทผลึก นายกเทศมนตรีตำบลชำราก พร้อมชาวบ้าน นำข้าวกล่อง เครื่องดื่มและขนม ไปมอบแก่ทหารแนวหน้าและหน่วยเก็บกู้ทุ่นระเบิด เพื่อเป็นขวัญกำลังใจให้กับทหารในการปฏิบัติหน้าที่
ด้านนางพรทิพย์ ไทรใหญ่ อายุ 68 ปี ชาวบ้าน ม.4 บ้านชำราก กล่าวว่า ถ้าจะรบกันก็รบพังกันไปข้างหนึ่ง และเริ่มรู้สึกรำคาญ เนื่องจากส่งผลกระทบต่อการทำมาหากิน ไม่สามารถประกอบอาชีพได้สะดวก.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69


