“ภราดร” รับถ้ายุบสภา 12 ธ.ค. แก้รัฐธรรมนูญแท้งแน่ ลั่นไม่ได้ผิด MOA เหตุการเมืองเป็นแบบนี้ ปัดหยิบ รธน.เป็นตัวประกัน "พริษฐ์” เตือน “อนุทิน” ยุบสภาก่อนแก้ร่าง รธน. เสร็จไม่เป็นผลดีต่อตัวเอง เปรียบเหมือนผู้รับเหมาทิ้งงานปิดกิจการหนีการตรวจสอบ "จุลพันธ์" ถามนายกฯ ห่วงอะไรถึงกลัวตรวจสอบ ซัดใช้เรื่องแก้ รธน.เป็นตัวประกัน โอ่ พท.มุ่งแก้ รธน.ตลอด ไม่เหมือนบางพรรควอล์กเอาต์ "หมอชลน่าน” ชี้ "นายกฯ หนู" ขู่ฝ่ายค้าน แย้มอาจยืดเวลาซักฟอก หากทบทวน-แก้ไขสูตรเลือก กมธ.ร่าง รธน.ได้ ยันทั้งแก้ รธน.-อภิปรายต้องไปด้วยกัน
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 21 พ.ย.2568 นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย ระบุหากมีการยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจมาตรา 151 อาจมีการยุบสภาในวันที่ 12 ธ.ค.ว่า เป็นอำนาจของนายกฯ ในการยุบสภา ต้องดูการตัดสินใจของนายกฯ จะยุบสภาหรือไม่ หากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจอย่างไรก็โหวตแพ้ เพราะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อย
"ขอให้รอดูวันที่ 12 ธ.ค. เหตุการณ์การเมืองจะเป็นแบบไหน ซึ่งหากยุบจริงพรรคภูมิใจไทย (ภท.) พร้อมเลือกตั้งมาตั้งแต่เดือน มิ.ย. ตั้งแต่ร่วมรัฐบาลที่แล้ว" นายภราดรกล่าว
ถามว่า ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา หากยุบสภาวันที่ 12 ธ.ค. จะกระทบต่อการแก้ไข รธน.หรือไม่ นายภราดรกล่าวว่า โดยไทม์ไลน์ก็ไม่ทันอยู่แล้ว อาจจะได้เข้าพิจารณาวาระ 2 หากมีการเปิดประชุมสภาสมัยวิสามัญ แต่วาระ 3 ตามข้อบังคับต้องเว้นระยะ 15 วัน ดังนั้นอย่างไรก็ไม่ทัน และหากยุบสภาก็เท่ากับว่าร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญนั้นหายไปเลย ไม่มีค้างในสภา ต้องเริ่มนับหนึ่งใหม่
ซักว่าจะถือเป็นการผิด MOA กับพรรคประชาชน (ปชน.) หรือไม่ นายภราดรย้อนถามว่า MOA บอกว่าอะไร บอกว่าต้องยุบสภาภายใน 120 วัน ผลักดันการแก้ไข รธน.และทำประชามติ ซึ่งตนคิดว่าเราทำตาม MOA แล้ว แต่เหตุการณ์การเมืองเป็นแบบนี้
พอถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตเป็นการเอาเรื่องการแก้ไข รธน.เป็นตัวประกันหรือไม่ นายภราดรกล่าวว่า ไม่ครับ คนละเรื่อง
ด้านนายพริษฐ์ วัชรสินธุ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรค ปชน. กล่าวว่า หากนายกฯ จะยุบสภาเพื่อหลีกหนีการตรวจสอบหรือปัดความรับผิดชอบเรื่องรัฐธรรมนูญ ก็ไม่ต่างอะไรกับผู้รับเหมาที่ทิ้งงานหรือปิดกิจการเพื่อหนีการตรวจสอบ แม้เวลานี้ยังมีการถกเถียงในเชิงข้อกฎหมายอยู่ว่าเมื่อยื่นอภิปรายแล้วจะยุบสภาได้หรือไม่ ตนคิดว่าเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญก็เขียนไว้ชัดว่าไม่ต้องการให้นายกฯ ใช้อำนาจในการยุบสภาหนีการตรวจสอบ แม้ว่าจะถกกันว่ากฎหมายตีความอย่างไร
"ผมคิดว่าในเชิงความรับผิดรับชอบทางการเมือง หากนายกฯ ตัดสินใจยุบสภา ก็ย่อมไม่ส่งผลดีต่อมุมมองของประชาชนที่มีต่อนายกฯ โดยเฉพาะในสนามเลือกตั้งที่จะมาถึง" นายพริษฐ์กล่าว
โฆษกพรรค ปชน.กล่าวว่า เงื่อนไขในการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจของพรรค ปชน. ประกาศชัดเจนใน 3 เงื่อนไข 1.หากนายกฯ ไม่ยุบสภาภายในวันที่ 31 ม.ค.2569 ก็จะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ เพราะถือว่าขัดเงื่อนไข MOA 2.หากการแก้ไข รธน.ไม่เสร็จสิ้นในวาระ 3 ภายในสิ้นปีนี้เราจะยื่นอภิปราย 3.นอกเหนือจาก 2 เงื่อนไขข้างต้น หากมีการดำเนินนโยบายอะไรที่เราเห็นว่าสร้างความเสียหายให้ประชาชน เราจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจ
ชี้ยุบสภาเหมือนหนีตรวจสอบ
"เราไม่ได้เป็นฝ่ายค้านพรรคเดียว ซึ่งเป็นสิทธิ์อันชอบธรรมของพรรคอื่นที่จะพิจารณายื่นอภิปรายตามมาตรา 151 ด้วยเงื่อนไขของตัวเอง แต่หากเป็นเช่นนั้น เราก็พร้อมที่จะทำหน้าที่ของเราในสภา" โฆษก ปชน.กล่าว
ถามว่า หากยุบสภาในวันที่ 12 ธ.ค. แก้ รธน.ยังไม่เสร็จ จะถือว่าพรรค ภท.ผิดข้อตกลงกับพรรค ปชน.หรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า MOA ที่ลงนามกันไว้มี 2 ประเด็นหลักคือ ต้องมีการยุบสภาภายใน 31 ม.ค.2569 และการผลักดันการแก้ไข รธน.เพื่อนำไปสู่รัฐธรรมนูญฉบับใหม่ และหากไม่มี 2 คำถามในการทำประชามติพร้อมกับการเลือกตั้ง ก็ถือว่าผิดเงื่อนไข MOA
ซักว่ามองนายกฯ พูดพยายามส่งสัญญาณทางการเมืองอะไรหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ไม่รู้ว่าเบื้องหลังเป็นอย่างไร แต่ตนขอย้ำจุดยืนเดิมว่า ถ้ายุบสภา ก็เหมือนผู้รับเหมาทิ้งงานหรือปิดกิจการเพื่อหนีการตรวจสอบ แต่ช่วงใกล้เลือกตั้งแบบนี้ก็คงไม่ส่งผลดีแน่นอนต่อตัวนายกฯ เพราะนายอนุทินได้ประกาศไปแล้วว่าจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคภูมิใจไทยไปแล้ว
ถามว่า หากยุบสภาก่อนจนทำให้การแก้ไข รธน.ไปไม่ถึงปลายทาง พรรค ปชน.จะสนับสนุนนายกฯ ในการลงมติอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า ภารกิจของทุกพรรคการเมืองตอนนี้คงไม่ใช่แค่พรรค ปชน.อยากเห็นการแก้ไข รธน.ไปสู่ รธน.ฉบับใหม่ สิ่งที่เราพยายามทำคือการจูงมือทุกฝ่ายเพื่อทำให้การผลักดันร่างแก้ไข รธน.เสร็จเร็วที่สุด และเราเข้าใจดีว่าเรื่องนี้จะสำเร็จต้องอาศัยทุกฝ่าย
เมื่อถามว่า หากชะลอการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจจะเป็นผลดีกับทุกฝ่ายหรือไม่ นายพริษฐ์กล่าวว่า คิดว่าการตัดสินใจของพรรคเพื่อไทยจะอภิปรายหรือไม่ ยื่นใคร ไม่ยื่นใคร ยื่นเมื่อไหร่ ก็เป็นสิทธิ์ของพรรค พท.
ขณะที่ นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ สส.เชียงใหม่ ในฐานะหัวหน้าพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณีนายกฯ ส่งสัญญาณยุบสภาวันที่ 12 ธ.ค. หากมีการยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจว่า พรรค พท.พร้อมเลือกตั้งไม่ได้ติดขัดอะไร และการยุบสภาเป็นอำนาจของนายกฯ โดยชอบ จะยุบเมื่อไหร่สามารถทำได้ แต่ยืนยันกระบวนการในการยุบสภา หากมีการเสนอญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้วอำนาจไม่ได้อยู่ที่นายกฯ อีกต่อไปท่านไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะจะขัดต่อรัฐธรรมนูญ
“พวกผมชี้ประเด็นการตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยในสภาหลายครั้งว่าขัดต่อหลักการประชาธิปไตย เพราะเดินหน้าไม่ได้เกิดปัญหา แต่ท่านเลือกเดินทางนี้ จุดนี้พรรค พท.ย้ำเตือนหลายครั้ง คราวนี้กระบวนการในการทำ MOA ผู้คุมไม่ได้เกี่ยว และมีการพูดคุย ซึ่งพรรค ปชน.ส่งสัญญาณมาแล้วว่าในกรณีที่รัฐบาลไม่ได้กระทำความผิดอะไรร้ายแรงก็จะไม่ยื่น ไม่ลงมติไม่ไว้วางใจ เช่นนี้แสดงว่ารัฐบาลมีชนักหรือไม่ ท่านห่วงพะวงว่าได้กระทำที่ขัดต่อกฎหมาย กระทำที่เกิดความเสียหายกับประเทศหรือไม่ จึงกลัวว่าหากอภิปรายแล้วจะสามารถโน้มน้าวพรรคการเมืองอื่นให้ร่วมลงมติได้ ถ้าไม่ได้ทำความผิดก็ไม่ต้องกลัว พวกผมหากอภิปรายแล้วไม่มีข้อมูล ไม่มีเนื้อหา สุดท้ายความเสียหายตกกับพวกผม แต่กระบวนการตรวจสอบต้องเกิด” นายจุลพันธ์กล่าว
หัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า การยื่นอภิปรายเมื่อไหร่เป็นอำนาจหน้าที่ของพรรค พท. ซึ่งจะต้องมีการหารือกัน เช่น คณะกรรมการยุทธศาสตร์ของพรรค ที่จะถามว่าขอเวลาที่เหมาะสม และกระบวนการในการเดินหน้าการอภิปรายจังหวะที่เหมาะสมคือเมื่อไหร่ ยังต้องหารือกันอยู่
ซัดรบ.ใช้แก้รธน.เป็นตัวประกัน
ถามว่า ปัจจัยหลักคือเรื่องแก้ไข รธน.ที่มีการมองว่า รธน.คือตัวประกันหลัก หัวหน้าพรรค พท.กล่าวว่า ถูกครับ ใช้คำว่าตัวประกัน เพราะเห็นอาการได้ชัดมาตั้งแต่ต้นว่ารัฐบาลพยายามใช้เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญเป็นตัวประกัน ไม่ให้มีกระบวนการในการยื่นอภิปราย
"การลงมติแก้ไข รธน. หากผ่านแล้วหมายความว่ารัฐบาลดำเนินการตามข้อตกลง คือให้มีการแก้ไข รธน.และอนุญาต สว.เสียงส่วนใหญ่มาร่วมลงมติผ่านแล้ว กระบวนการทุจริตคอร์รัปชัน หรือกระบวนการความเสียหายให้กับประเทศ พรรคฝ่ายค้าน พท.จะต้องยกให้ทั้งหมด ฉะนั้นเรื่องความเสียหายต่อประเทศ และการกระทำที่ผิดต่อกฎหมาย ในฐานะนักการเมืองไม่สามารถเว้นได้ มีความจำเป็นที่ต้องดำเนินการครบถ้วน หากมีอะไรที่เป็นเรื่องที่ต้องกระทำให้ถูก พรรคการเมืองฝ่ายค้านจะต้องดำเนินการ ส่วนรัฐบาลเป็นเวทีที่มีโอกาสตอบ" หัวหน้าพรรค พท.กล่าว
ถามว่า มีการพูดคุยกับหัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) แล้วหรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า มีการพูดคุยกันแล้ว ขณะนี้ยังไม่มีความชัดเจนว่าพรรค ปชน.จะร่วมเข้าชื่อลงญัตติด้วยหรือไม่ เมื่อถามว่ามองว่าพรรค ภท.มีความจริงใจในการแก้ไข รธน.แค่ไหน นายจุลพันธ์กล่าวว่า คนที่พยายามแก้ไข รธน.มาโดยตลอดคือพรรค พท.และพรรค ปชน. หากติดตามจะรู้ว่ากระบวนการแก้ไขรัฐธรรมนูญที่ผ่านมาติดตรงไหน มีบางพรรคการเมืองวอล์กเอาต์ การไม่สามารถรวบรวมเสียง สว. 1 ใน 3 เสียงได้ ก็เป็นข้อสงสัยว่าวุฒิสภาสีอะไร แต่ในส่วนของรัฐบาลชุดปัจจุบัน โจทย์มีความชัดเจนตั้งแต่แรกว่า ไม่แก้ แต่เพื่อต้องการเข้าสู่อำนาจรัฐ จึงมีข้อตกลงกันขึ้นมา ที่เกิดขึ้นจาก 2 ฝ่าย ฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าอีกฝ่ายจะสามารถกำกับวุฒิสภาเสียงข้างมากได้ ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งเชื่อว่าจะเข้าไปแล้วสามารถเป็นรัฐบาล
ซักว่า พรรค พท.ต้องไปคุยกับพรรค ปชน. เพื่อหารือกับพรรค ภท. ให้เปิดการประชุมสภาสมัยวิสามัญเร็วขึ้นหรือไม่ นายจุลพันธ์กล่าวว่า พรรค พท.คงไม่ไปพูดคุย แต่ถ้าพรรค ปชน.ไปพูดคุยกับฝ่ายรัฐบาลได้ก็เป็นเรื่องดี เพราะถือเป็นส่วนหนึ่งในการจัดตั้งรัฐบาล
ที่รัฐสภา นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สส.น่าน พรรค พท. ในฐานะกรรมาธิการ (กมธ.) พิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติม รัฐสภา กล่าวถึงกรณีนายกฯ บอกจะยุบสภาวันที่ 12 ธ.ค. หากมีการอภิปรายมาตรา 151 ว่า เป็นการท้าทายและขู่ฝ่ายค้านที่เตรียมยื่นญัตติเพื่อขออภิปรายทั่วไป เพื่อลงมติไม่ไว้วางใจ ซึ่งมีนัยส่งถึงการแก้ไขเพิ่มเติม รธน. เนื่องจากนายกฯ บอกหากมีอะไรเกิดขึ้นให้ไปรับผิดชอบกันเอง อย่าโทษนายกฯ เท่ากับเอาร่าง รธน.เป็นตัวประกัน
นพ.ชลน่านกล่าวว่า การยื่นซักฟอกและการแก้ไข รธน. เป็น 2 ประเด็นที่พรรคอยากได้ทั้งคู่ โดยเฉพาะการแก้ไข รธน.มีประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ เนื้อหาของการแก้ รธน.เพื่อนำไปสู่การจัดทำ รธน.ฉบับใหม่ ว่าเป็นไปตามวัตถุประสงค์หรือไม่ หากไม่สามารถไปสู่ความคาดหวังได้ โดยเฉพาะที่มาของ กมธ.ร่าง รธน.ที่พบว่าเสียงข้างมากถูกครอบงำจากสีใดสีหนึ่ง ซึ่งส่งผลให้การจัดทำรัฐธรรมนูญไม่สามารถได้รัฐธรรมนูญฉบับที่ดีที่สุด และดีกว่ารัฐธรรมนูญ 2560 ไม่ได้ จึงเป็นความชอบธรรมที่พรรคเพื่อไทยจะยื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจ หลังการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแก้ไขเพิ่มเติมในวาระสองแล้วเสร็จ
เมื่อถามว่า หากเนื้อหาพอรับได้ เป็นไปได้หรือไม่จะทบทวนเรื่องเวลายื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจคือหลังโหวตร่าง รธน.แก้ไขเพิ่มเติมในวาระสาม นพ.ชลน่านกล่าวว่า ขณะนี้ กมธ.พิจารณาเนื้อหาครบทุกมาตรา แต่ยังรอพิจารณาไว้ 16 มาตรา ซึ่งเป็นบทประกอบเท่านั้น แต่บทหลักผ่านไปแล้ว
นพ.ชลน่านกล่าวว่า การประชุม กมธ.วันนี้ (21 พ.ย.) ตนจะเสนอให้ทบทวนเนื้อหา ทั้งการตัดส่วนที่ให้ประชาชน 100 คนรับรอง ซึ่งเป็นการปิดกั้นผู้สมัครอิสระ เพื่อเปิดให้มีตัวเลือกมากขึ้น และประเด็นการกันไม่ให้จัดตั้ง จะเสนอให้กำหนดสัดส่วนไว้ เช่นรายพื้นที่ 20 ที่ใช้เกณฑ์รายภาค ตามความเชี่ยวชาญอาชีพต่างๆ แม้จะมีการจัดตั้ง แต่ส่วนหนึ่งมั่นใจว่ามีตัวแทนกระจายไม่ใช่หยิบคนของตัวเองได้
นอกจากนี้ ในส่วนวิธีเลือก กมธ.ร่าง รธน.เพื่อป้องกันเสียงข้างมากครอบงำ ตนเสนอวิธีให้ใช้เห็นพ้องต้องกันของทุกฝ่าย โดย กมธ.ร่าง รธน.ต้องได้เสียงเห็นด้วย จากฝ่ายค้าน 20% และเสียง สว. 1 ใน 5 ด้วย ทั้งนี้ หากใช้สูตร 20 หยิบ 1 จะหนีจากการจัดตั้ง ชี้นำและครอบงำไม่ได้ ซึ่งพรรคเพื่อไทยมีโอกาสได้แก้ไขทั้งในชั้น กมธ.และในวาระสองต่อที่ประชุมรัฐสภา
“จากที่เสนอไปแล้ว และเท่าที่ฟัง หลายฝ่ายพยายามคัดค้าน แต่ กมธ.ของเพื่อไทยพยายามเรียกร้องสิทธิ แต่การให้ทบทวนหรือไม่ ขึ้นอยู่กับมติเสียงข้างมากและความเป็นเหตุเป็นผล ความไม่สมบูรณ์ของตัวร่าง หากเห็นว่าวิธีที่ผมเสนอ กมธ.ร่าง รธน.ต้องได้รับฉันทามติและเห็นร่วมจากทุกฝ่ายอย่างแท้จริง อาจจะเอาด้วยเพราะพรรค ปชน.อยากได้แบบนั้น ส่วนพรรค พท.ก็อยากได้ พรรค ปชน.อาจจะเอาด้วยก็ได้” นพ.ชลน่านกล่าว
พท.แย้มช่องอาจยืดซักฟอก
เมื่อถามว่า หากมีการทบทวนและแก้ไขตามประเด็นที่เสนอได้ จะพิจารณายืดเวลายื่นญัตติอภิปรายไม่ไว้วางใจหรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เป็นข้อพิจารณา เพราะพรรค พท.มีวัตถุประสงค์อยากได้ทั้งสองอย่าง ไม่ผูกมัด แต่ไปด้วยกันได้
ต่อข้อถามว่า พรรค ปชน.พยายามเสนอเพื่อไม่ให้ผู้ร่างถูกกินรวบ นพ.ชลน่านกล่าวว่า ตนยอมรับว่ากินรวบไม่ได้ หากเทียบกับการใช้เสียงข้างมากลงมติ แต่วิธี 20 หยิบ 1 จะมีเสียงข้างน้อยได้บ้าง เพื่อทัดทานเท่านั้น แต่สุดท้ายเสียงข้างมากจะกำกับและกำหนดได้ เพราะใช้มติตัดสิน เมื่อถามว่าเท่ากับจะเปิดช่องฟอกขาวทำได้แต่เนื้อในไม่ใช่หรือไม่ นพ.ชลน่านกล่าวว่า เป็นความกังวล แต่ในชั้นการพิจารณาต้องติดตาม เพราะสิ่งที่พูดคือทิศทางจะเกิด แต่อาจไม่เกิดก็ได้ เพราะ กมธ.ที่เลือกมาอาจตั้งใจทำ รธน.จริง โดยไม่เอาการเมืองหรือผลประโยชน์การเมืองมาเกี่ยวข้อง
วันเดียวกัน กลุ่มประชาชนร่างรัฐธรรมนูญ (Con for All) เดินทางเข้ายื่นหนังสือถึงนายณัฐวุฒิ บัวประทุม สส.บัญชีรายชื่อพรรค ปชน. ในฐานะประธานคณะกรรมาธิการพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่ ...) พุทธศักราช .... เพื่อขอให้รัฐสภายึดมั่นว่าผู้ร่างรัฐธรรมนูญต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน
เนื้อหาในหนังสือตอนหนึ่งระบุว่า การจัดทำ รธน.ฉบับใหม่นั้น เป็นอำนาจของประชาชนโดยแท้จริง และประชาชนได้มอบอำนาจนั้นผ่านการเลือกตั้งให้กับสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นในการพิจารณาเรื่องวิธีการได้มาซึ่งผู้ยกร่าง รธน.ฉบับใหม่ รัฐสภาจึงมีอำนาจและหน้าที่ออกแบบกระบวนการให้ประชาชนได้ตัดสินใจเลือกผู้ร่าง รธน.ได้โดยตรง ไม่ใช่เก็บอำนาจไว้ในมือและให้อำนาจแก่สมาชิกรัฐสภาเท่านั้นเป็นผู้คัดเลือกผู้ร่างรัฐธรรมนูญเอง.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
โอนเงินเยียวยาน้ำท่วม สำเร็จแล้ว 4.9 พันล้าน 5 แสนครัวเรือน
'ภราดร' เผยยอดโอนเงินเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย ช่วง 1-4 ธ.ค. โอนสำเร็จแล้ว 548,126 ครัวเรือน วงเงินรวม 4.9 พันล้านบาท
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69


