“ในหลวง” ทรงห่วงน้ำท่วมภาคใต้ มีพระราชกระแสรับสั่งเร่งอพยพชาวบ้านออกจากพื้นที่อันตราย “นายกฯ” ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินน้ำท่วมสงขลา มีผลถึง 25 ก.พ.69 มอบอำนาจ "ผบ.ทสส." อำนวยการเหตุการณ์ ลั่นไม่ซ้ำซ้อน ศนภ. ยันแก้ปัญหาน้ำท่วมไม่ล่าช้า จ่อตั้งทีมโฆษกจ้อเหตุการณ์รายวัน ยกเลิกภารกิจบินไปมาเลย์ “ครม.” ไฟเขียวเพิ่มเงื่อนไข-กรอบวงเงินช่วยผู้ประสบภัยน้ำท่วม 3,814 ล้าน ขยายเยียวยาเพิ่มเติมอีก 7 จังหวัด “ธรรมนัส” มั่นใจฝนไม่ตกเพิ่ม 3 วันหาดใหญ่คลี่คลาย “แกนนำพรรคการเมือง” แห่ลงพื้นที่น้ำท่วม “อภิสิทธิ์” แนะรัฐบาลเร่งวางระบบ-ตั้งศูนย์ประสานงานช่วยเหลือ ปชช. “เท้ง” เสนอแบ่งโซนทำงาน ชี้ "ผบ.เหตุการณ์" สำคัญต้องบูรณาการทุกภาคส่วนได้จริง “พท.” ระดมเรือ 100 ลำ เจ็ตสกี 10 ลำ อาหารวันละ 1 พันกล่อง ช่วยชาวหาดใหญ่ “จุลพันธ์” ติง รบ.จัดศูนย์พักพิงน้อยเกินไป
ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 25 พฤศจิกายน 2568 เวลา 10.00 น. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย และ พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ สุขวิมล ราชเลขานุการในพระองค์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เป็นประธานการประชุมติดตามสถานการณ์น้ำจังหวัดภาคใต้ โดยมีนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกรัฐมนตรีและ รมว.คมนาคม, นายโสภณ ซารัมย์ รองนายกฯ, นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกฯ, พล.ท.อดุลย์ บุญธรรมเจริญ รมช.กลาโหม, นายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุข, นายภราดร ปริศนานันทกุล รมต.ประจำสำนักนายกฯ, น.ส.ศุภมาส อิศรภักดี รมต.ประจำสำนักนายกฯ, นายฉัตรชัย บางชวด เลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.), นายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่ง (สทนช.), นายปกรณ์ นิลประพันธ์ เลขาธิการคณะกรรมการกฤษฎีกา, พล.อ.พนา แคล้วปลอดทุกข์ ผบ.ทบ., พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ผบ.ทร., พล.อ.อ.เสกสรร คันธา ผบ.ทอ. และหน่วยงานที่เกี่ยวข้องเข้าร่วมประชุม โดย ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รองนายกฯ และ รมว.เกษตรและสหกรณ์ และ พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ได้วิดีโอคอลเข้ามารายงานสถานการณ์จากพื้นที่
พล.อ.อ.สถิตย์พงษ์ได้เชิญพระราชกระแสรับสั่งของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่มีต่อประชาชนในพื้นที่ภาคใต้ที่ประสบภัยน้ำท่วมในครั้งนี้ ซึ่งได้พระราชทานความช่วยเหลือทั้งหมดกับผู้ที่ได้รับความเดือดร้อน พร้อมให้ระดมสรรพกำลังทั้งหมด ทั้งพลเรือน ทหาร ตำรวจ และข้าราชการต่างๆ ได้นำเรือเข้าไปช่วยเหลือราษฎรให้ออกมาจากพื้นที่อันตราย ไปอยู่ในพื้นที่ที่ปลอดภัย และให้มีการจัดสรรเสบียง ทั้งอาหาร น้ำดื่ม ลงไปให้ความช่วยเหลือ ทั้งกองทัพเรือ กองทัพอากาศ และกระทรวงมหาดไทย ที่มีหน้าที่ดูแลประชาชนทั่วไปด้วยความแม่นยำและรวดเร็วที่สุด พร้อมทั้งชื่นชมจิตอาสาทั่วประเทศที่เข้าไปให้ความช่วยเหลือ ซึ่งไม่ใช่แค่ภาคใต้อย่างเดียว แต่รวมถึงจิตอาสาที่ระดมกันมาช่วยเหลือประชาชนที่ผ่านมาด้วย
จากนั้นนายกรัฐมนตรีได้กล่าวสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ น้อมเกล้าฯ รับพระราชกระแส โดยรัฐบาลได้ระดมสรรพกำลังทั้งหมดลงพื้นที่ เพื่อให้ความช่วยเหลือและบรรเทาความเดือดร้อนในพื้นที่ ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะที่จังหวัดสงขลาเพียงแห่งเดียว แต่เกิดขึ้นหลายจังหวัดในภาคใต้ ทางผู้ว่าราชการจังหวัดทุกจังหวัดที่ประสบภัยได้ประกาศให้เป็นพื้นที่ประสบภัยพิบัติ เพื่อให้เกิดการบูรณาการช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเต็มที่ในพื้นที่ สถานการณ์ที่เกิดขึ้นนั้นเกินขีดความสามารถในระดับจังหวัด โดยเฉพาะที่อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จึงมีความจำเป็นต้องยกระดับสถานการณ์และประกาศเป็นสถานการณ์ฉุกเฉิน ขณะเดียวกัน กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยจะยกระดับความเข้มข้นของสถานการณ์เป็นระดับ 4 พร้อมจัดตั้งศูนย์บริหารสถานการณ์ เพื่อเร่งช่วยเหลือพี่น้องประชาชนอย่างเป็นระบบและทันต่อเหตุการณ์
“ความปลอดภัยของพี่น้องประชาชนเป็นเรื่องสำคัญเร่งด่วนอันดับแรก ขอให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งช่วยเหลือผู้ป่วย กลุ่มเปราะบาง ผู้ตกค้างที่ต้องการออกจากพื้นที่ให้อพยพออกมายังโรงพยาบาลหรือศูนย์อพยพในพื้นที่ปลอดภัย รวมทั้งการจัดส่งอาหาร เชื้อเพลิง และการสื่อสาร ขณะนี้ทุกเหล่าทัพได้ระดมอากาศยาน เฮลิคอปเตอร์ เรือ เจ็ตสกีเข้าพื้นที่ เพื่อช่วยเหลือประชาชนผู้ประสบอุทกภัยแล้ว” นายกรัฐมนตรีสั่งการ
ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินสงขลา
ต่อมา ในการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ที่มีนายอนุทินเป็นประธาน มีมติประกาศพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน จังหวัดสงขลาทั้งจังหวัด โดยนายกฯ ได้
ได้ลงนามประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่จังหวัดสงขลาดังกล่าว เนื้อหาระบุว่า โดยที่ปรากฏสถานการณ์ภัยพิบัติสาธาธารณะที่เป็นผลมาจากการที่ฝนตกหนัก จนเกิดมหาอุทกภัยในเขตท้องที่จังหวัดสงขลา ซึ่งมีความร้ายแรงอย่างไม่เคยมีมาก่อน อันส่งผลกระทบต่อการดำรงชีวิตโดยปกติสุขและก่อให้เกิดอันตรายต่อชีวิตของประชาชน รวมทั้งสร้างความเสียหายแก่ทรัพย์สินทั้งของประชาชนและราชการเป็นวงกว้าง กรณีจึงจำเป็นต้องมีมาตรการเร่งด่วนเพื่อรักษาไว้ซึ่งความปลอดภัยของประชาชน ความสงบเรียบร้อยและแก้ไขเยียวยาความเสียหายที่เกิดขึ้น รวมทั้งเพื่อป้องปัดหรือแก้ไขเยียวยาความเสียหายจากภัยพิบัติสาธารณะอันมีมาอย่างฉุกเฉินร้ายแรง และไม่อาจแก้ไขปัญหาด้วยการบริหารราชการในรูปแบบปกติได้
อาศัยอำนาจตามความในมาตรา 5 และมาตรา 7 วรรคสาม และวรรคสี่ แห่งพระราชกำหนดการบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน พ.ศ.2548 นายกรัฐมนตรีโดยความเห็นชอบของคณะรัฐมนตรี จึงให้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่จังหวัดสงขลา และแต่งตั้งให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด เป็นพนักงานเจ้าหน้าที่ตามกฎหมาย และเป็นหัวหน้าผู้รับผิดชอบในการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินดังกล่าว ทั้งนี้ ตั้งแต่วันที่ 25 พ.ย.2568 จนถึงวันที่ 25 ก.พ.2569
นายอนุทินให้สัมภาษณ์ว่า มีการประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินในพื้นที่จังหวัดสงขลา และได้มอบให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นผู้อำนวยการสถานการณ์ คือการบูรณาการความช่วยเหลือทั้งหมดในการสั่งการ ในการอนุมัติ และในการคุ้มครองผู้ปฏิบัติงานทุกอย่างมีความเบ็ดเสร็จอยู่ในนั้น
“ตอนนี้พื้นที่มีทุกหน่วยงานระดมความช่วยเหลือประชาชนอยู่ที่นั่นอยู่แล้ว และเรากำลังกระจายคนเข้าไปรับประชาชนในทุกที่ตอนนี้ โดย ร.อ.ธรรมนัส ในฐานะผู้อำนวยการบริหารจัดการน้ำในสถานการณ์ภัยพิบัติทางธรรมชาติ (ศนภ.) และ พล.อ.ณัฐพลอยู่ในพื้นที่แล้ว ส่วนนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม กำลังเดินทางลงพื้นที่ ซึ่งตอนนี้เราต้องบริหารสถานการณ์เรื่องการระบายน้ำ ทำหลายอย่างควบคู่กันไป และเรื่องของอาหาร เรื่องของการดำรงชีพ ทุกอย่างตอนนี้มีความพร้อมหมด ทางเหล่าทัพได้จัดเตรียมยานพาหนะต่างๆ ทั้งเครื่องบิน เฮลิคอปเตอร์ เรือ และรถ ระดมกันลงไปช่วยเหลือพี่น้องในพื้นที่เกิดเหตุ” นายอนุทินกล่าว
ถามว่า ความล่าช้าก่อนหน้านี้เป็นเพราะอะไร นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้ล่าช้า ในการปฏิบัติไม่ล่าช้า เมื่อถามอีกว่ามันติดขัดเรื่องอะไร นายกฯ กล่าวว่า ไม่ได้ติดขัด ทำงานกันอย่างเต็มที่ ในช่วงที่เกิดเหตุใหม่ๆ ทุกคนต้องกระจายกำลัง กระจายทรัพยากรกระจายกำลังพลลงไปช่วยเหลือชีวิต ความปลอดภัยของประชาชนเป็นลำดับแรกก่อน ตอนนี้เมื่อเราทราบปัญหาหลายเรื่องแล้ว เราถึงมาเร่งจัดตั้งกองบัญชาการทั้งส่วนหน้า ส่วนสนับสนุนและใช้พระราชกำหนด (พ.ร.ก.) สถานการณ์ฉุกเฉินในการกำกับดูแล
เมื่อถามอีกว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่ารัฐบาลตั้งวอร์รูมศูนย์เผชิญเหตุค่อนข้างช้า นายกฯ ย้อนถามว่า ใคร รัฐบาลไม่ได้ช้า แล้วแต่เขา คนทำงานไม่ได้ช้า ตอนนี้รัฐบาลช่วยเหลือเต็มที่ทั้งงบประมาณ ทรัพยากร และการสนับสนุนจากทุกองค์กรที่รัฐบาลกำลังดูแลอยู่ รวมถึงความร่วมมือที่เราได้จากทางองค์กรต่างๆ ภาคเอกชน เราสนับสนุนลงไปเต็มที่
ซักว่า ทางหน่วยงานมีข้อมูลที่จะเข้าไปช่วยอพยพประชาชน แต่ละพื้นที่มีกี่จุดและยังมีประชาชนตกค้างจำนวนเท่าไหร่ นายกฯ กล่าวว่า ในรายละเอียดจะให้โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรีเป็นผู้แถลง มีหลายหน่วยงานหลายภารกิจ เดี๋ยวจะตั้งเป็นคณะโฆษกที่จะแถลงเหตุการณ์ในแต่ละวันเหมือนสมัยที่เราทำช่วงสถานการณ์โควิด-19 กำลังดำเนินการอยู่ โดยวอร์รูมจะเซตไว้ที่ตึกภักดีบดินทร์ ทำเนียบรัฐบาล แต่ไม่ใช่วอร์รูม เป็นศูนย์ปฏิบัติการที่เราจะเชื่อมต่อกับทางหน่วยงานส่วนหน้า โดยหน่วยงานต่างๆ ได้ลงไปจัดตั้งศูนย์ปฏิบัติงานแล้ว แต่คนที่จะรวบรวมการดำเนินงานทั้งหมดคือผู้อำนวยการสถานการณ์
ตั้ง ผบ.ทสส.สั่งการไม่ซ้ำซ้อน
ถามต่อว่า ตอนนี้รัฐบาลยังควบคุมสถานการณ์ ไม่มีอะไรเกินมือใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า เราก็ควบคุมสถานการณ์ และไม่ใช่แค่ควบคุมอย่างเดียว แต่ดำเนินการช่วยเหลือและบรรเทาสถานการณ์ให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ องคาพยพทั้งหลายก็ระดมไปอยู่ในพื้นที่หมดแล้ว
เมื่อถามว่า ในหลวงมีพระราชกระแส ทรงห่วงเรื่องการอพยพคน นายอนุทินกล่าวว่า มีพระราชกระแสรับสั่งมา และได้พระราชทานสิ่งของเครื่องใช้ให้ไปดูแลด้วย ส่วนในเรื่องของการระดมสรรพกำลังต่างๆ พาหนะ เครื่องมือต่างๆ ตรงนี้เป็นหน้าที่ของรัฐบาลที่เราได้เร่งดำเนินการไปแล้ว การช่วยคนที่ติดอยู่ต้องทำแข่งกับเวลาอยู่แล้ว
พอถามว่า ได้ประเมินสถานการณ์น้ำและเรื่องปริมาณฝนหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า มีตลอด สถานการณ์ตอนนี้ที่นั่นก็รอการระบายน้ำออกไปให้เร็วที่สุด ถ้าไม่มีฝนเติมมา และฝนวันนี้ดีกว่าเมื่อวาน ฉะนั้นถ้าไม่มีฝนเติมเข้ามาและไม่มีน้ำไหลมาจากที่อื่น เพราะอำเภอหาดใหญ่เป็นแอ่งกระทะ ก็จะค่อยๆ ระบายมวลน้ำที่อยู่ในเมืองออกไปได้ เมื่อถึงระดับที่เราเข้าไปให้การช่วยเหลือ โดยไม่มีอุปสรรคใดๆ แล้ว เราก็ระดมเรื่องการช่วยเหลือเข้าไปอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่า นายกฯ จะลงพื้นที่ไปติดตามสถานการณ์อีกหรือไม่ นายอนุทินกล่าวว่า ตอนนี้ตนคิดว่าจะติดตามอยู่ที่นี่ เพราะมีบุคลากรที่อยู่หน้างานสั่งการและมีอำนาจโดยตรงอยู่ในพื้นที่เต็มแล้ว ที่ตนลงไปในพื้นที่ 2 วันแรกเพื่อจะได้เห็นสภาพ ซึ่งเวลามารับฟังรายงาน พอเห็นภาพก็มอบหมายงาน สั่งงานได้คล่องตัวขึ้น ตอนนี้ภาพ 2 วัน ที่ได้ลงพื้นที่ไปอยู่ตรงนั้นก็พอเห็นสภาพความเสียหาย ทำให้สามารถตัดสินใจได้รวดเร็วขึ้น
ถามย้ำว่า ตกลงคนที่มีอำนาจตัดสินใจในพื้นที่เป็นของ ผบ.ทสส.หรือ ร.อ.ธรรมนัส นายอนุทินกล่าวว่า ร.อ.ธรรมนัสถ้าเขาไปเจอหน้างาน อย่างเช่นถ้าผ่านไปโรงพยาบาล สมมุติว่าเกิดเหตุการณ์ไฟดับ ซึ่งไม่ได้เกี่ยวกับกระทรวงท่าน ท่านก็สามารถสั่งการได้เลย เพราะทำในฐานะรัฐบาลคือนายกฯ เป็นคนสั่งการ ตนบอกแล้วรัฐมนตรีทุกคนสั่งการเปรียบเสมือนนายกฯ สั่งการ ก็ช่วยกันสั่งการไป ไม่ใช่อำนาจอยู่ที่ใครคนใดคนหนึ่ง ทุกคนอยู่หน้างานสามารถสั่งการได้ให้เกิดประโยชน์สูงสุด และเป้าหมายคือความปลอดภัยของประชาชน ส่วน ผบ.ทสส. ทำหน้าที่บูรณาการทั้งหมด
“ขอย้ำว่าอำนาจไม่ได้ซ้ำซ้อนกัน ตอนนี้เมื่อทุกคนกระจายความช่วยเหลือไปหมดแล้ว เดี๋ยวเขาจะมารายงานสถานการณ์ความเป็นไปต่างๆ ซึ่ง ผบ.ทสส.ในฐานะผู้อำนวยการสถานการณ์ ก็จะรวบรวมสถานการณ์ทั้งหมดและจัดหน่วยงานความรับผิดชอบไปตามหน่วยงานต่างๆ ทั้งนี้ รัฐบาลกับ ผบ.ทสส.เป็นคนเดียวกัน และบูรณาการการทำงานร่วมกันภายใต้กฎหมาย” นายอนุทินกล่าว
เมื่อถามว่า มีการวิพากษ์วิจารณ์ว่าการที่ ร.อ.ธรรมนัสเป็นผู้อำนวยการ แต่กลับไม่มีแผนบริหารจัดการ และในการประชุมแก้ปัญหาสถานการณ์น้ำที่ทำเนียบรัฐบาล เมื่อวันที่ 24 พ.ย. ร.อ.ธรรมนัสทำไมไม่อยู่ในพื้นที่ประสบภัยจังหวัดสงขลา แต่ไปอยู่ที่จังหวัดเชียงใหม่ นายกฯ กล่าวว่า “คุณพูดอย่างนี้ได้อย่างไร เขาลงไปคนแรกเลย ลงไปถึงก่อนผมอีก ไม่เกี่ยวกับเรื่องการเมืองเลย ร.อ.ธรรมนัสลงไปพร้อมกับอธิบดีกรมชลประทาน และอธิบดีกรมชลประทานยังอยู่ในพื้นที่ เพื่อบัญชาการเรื่องการระบายน้ำ ขณะนี้ยังไม่ได้กลับ และช่วงที่ผมลงพื้นที่ก็ได้หารือกับอธิบดีกรมชลประทาน และเมื่อวันที่ 24 พ.ย. ร.อ.ธรรมนัสพยายามลงพื้นที่ แต่ฟ้าปิด ทำให้เครื่องบินไม่สามารถลงได้ และท่านบอกกับผมว่าจะรีบลงไปให้เร็วที่สุด”
เมื่อถามว่า ในวันที่ 26 พ.ย. นายกฯ จะลงพื้นที่ใช่หรือไม่ นายกฯ กล่าวว่า ตนจะลงพื้นที่หาดใหญ่ จ.สงขลา
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วันนี้นายกฯ ได้ยกเลิกวาระงาน เวลา 13.00 น. ในการเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการข้าราชการตำรวจ (ก.ตร.) โดยมอบให้ พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. เป็นประธาน และงานเวลา 15.00 น. นายกฯ มอบหมายนายพัฒนา พร้อมพัฒน์ รมว.สาธารณสุข เป็นประธานในพิธีเปิดการประชุมวิชาการโรคมะเร็งแห่งชาติ ครั้งที่ 16
นอกจากนี้ นายกฯ ยังได้ยกเลิกภารกิจงานต่างๆ นอกทำเนียบรัฐบาล และภารกิจลงพื้นที่ต่างจังหวัดในสัปดาห์นี้ รวมถึงยกเลิกเดินทางเยือนเมืองปูตราจายา และกรุงกัวลาลัมเปอร์ ประเทศมาเลเซีย อย่างเป็นทางการ ในวันที่ 26 พ.ย.นี้ เพื่ออยู่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมจังหวัดสงขลาด้วยตัวเอง
นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุม ครม.ว่า ที่ประชุม ครม.มีมติเห็นชอบเพิ่มเติมเงื่อนไขและกรอบวงเงินช่วยเหลือสำหรับผู้ประสบปัญหาอุทกภัย เนื่องจาก มติ ครม.เมื่อวันที่ 21 ต.ค.2568 รัฐบาลให้ความเห็นชอบการจัดสรรงบประมาณจากงบกลาง จำนวน 6,169 ล้านบาท ช่วยเหลือเยียวยาผู้ประสบอุทกภัย 685,554 ครัวเรือน ครัวเรือนละ 9,000 บาท ครอบคลุม 65 จังหวัด รวมถึงการช่วยเหลือเยียวยากรณีน้ำท่วมขังเป็นขั้นบันได คือ หากท่วมขังถึง 2 เดือน จะได้รับเพิ่มอีกครัวเรือนละ 5,000 บาท, กรณีท่วมขังนาน 3 เดือน จะได้รับเพิ่มอีก 10,000 บาท หากท่วมขังถึง 4 เดือน จะได้รับเพิ่ม 15,000 บาท ท่วมขังเกิน 4 เดือน จะได้รับเพิ่ม 20,000 บาท
“ในรอบที่แล้วผู้ที่ประสบอุทกภัยจะได้รับการเยียวยาไม่เกิน 29,000 บาทต่อครัวเรือน และในครั้งนี้ ครม.มีมติเห็นชอบเพิ่มเติมอีก 7 จังหวัด ได้แก่ ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พัทลุง ลพบุรี และสงขลา โดยเห็นชอบกรอบวงเงินเพิ่มเติมอีก 3,814 ล้านบาท โดยให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จหลังจากที่สถานการณ์คลี่คลายให้เยียวยาให้แล้วเสร็จภายใน 90 วัน” โฆษกประจำสำนักนายกฯ ระบุ
ธรรมนัสชี้ฝนลด 3 วันคลี่คลาย
ที่ศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกลาโหมส่วนหน้า จ.สงขลา พล.อ.ณัฐพลเป็นประธานประชุมศูนย์บรรเทาสาธารณภัยกลาโหมส่วนหน้า โดยกองบัญชาการกองทัพไทย ในพื้นที่ภัยพิบัติ พล.ท.นรธิป โพยนอก แม่ทัพภาคที่ 4 รายงานว่า กระแสน้ำในพื้นที่ไหลแรงไม่สามารถใช้เรือท้องแบนได้ จึงจำเป็นจะต้องใช้เรือเจ็ตสกีเพื่อเข้าช่วยเหลือประชาชนในพื้นที่ รวมทั้งให้กองทัพอากาศเตรียมเครื่องบินลำเลียง C130 ในการลำเลียงกำลังพล, เครื่องมือ และสิ่งของเพื่อมาช่วยเหลือประชาชน และสนับสนุนสถานการณ์ให้ทันท่วงที พร้อมกันนี้ยังได้มีการประสานจัดชุดแพทย์เคลื่อนที่มาสนับสนุนในพื้นที่
ส่วน ร.อ.ธรรมนัสให้สัมภาษณ์ว่า กรมอุตุนิยมวิทยาคาดการณ์วันนี้ (25 พ.ย.) จะเป็นวันสุดท้ายของฝน และวันพรุ่งนี้ (26 พ.ย.) จะเบาเบาลง ดังนั้นการระบายน้ำจึงเป็นหน้าที่ของกรมชลประทาน ก็จะมีการระบายน้ำให้เร็วที่สุด ซึ่งขณะนี้บานประตูทุกบานของลำน้ำเปิดไว้หมดแล้ว คาดว่าจะใช้เวลาประมาณ 3 วันสถานการณ์จะคลี่คลาย
นายอรรถพล ฤกษ์พิบูลย์ รมว.พลังงาน กล่าวว่า ได้สั่งตั้งจุดศูนย์กลางที่จะคอยกระจายน้ำมันไปยังจุดต่างๆ ซึ่งเราใช้สถานีบริการน้ำมันที่อยู่รอบนอกเป็นเซ็นเตอร์ในการกระจายไปแต่ละจุด และหน่วยงานราชการของ ปตท. จะมีการประสานงานกับหน่วยงานราชการทุกหน่วยเพื่อที่จะส่งน้ำมันให้กับทุกหน่วยที่ไปส่งน้ำมันในทุกพื้นที่ ซึ่งจุดส่งมอบแต่ละจุดมีการประสานงานไว้หมดแล้ว
พล.ร.อ.ไพโรจน์ เฟื่องจันทร์ ผบ.ทร. กล่าวว่า ขณะนี้ได้สั่งให้เรือหลวงจักรีนฤเบศรพร้อมเฮลิคอปเตอร์ไปช่วยเหลือ ซึ่งจะออกจากที่ตั้งได้ในช่วงบ่ายวันเดียวกันนี้ (25 พ.ย.) ซึ่งเรือหลวงจักรีนฤเบศรจะเดินทางไปเป็นระลอกแรก หลังจากนั้นจะมีเรือหลวงอ่างทองและเรือหลวงช้างตามไปอีกระลอก
พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ กล่าวว่า รล.จักรีนฤเบศร จะนำสิ่งของอุปโภค บริโภค น้ำดื่ม ข้าวสาร วัตถุดิบเพื่อทำการปรุงเป็นอาหารสำเร็จประมาณ 20 ตัน และยังของบริจาคที่มีประชาชนทยอยส่งมาที่ท่าเรือ คาดจะใช้เวลาทางเดินทางประมาณ 20-22 ชม. เมื่อเรือไปถึงจะทอดสมอลอยลำบริเวณหน้าหาดสมิลา จ.สงขลา เพื่อเป็นฐานในการส่งความช่วยเหลือด้วยการใช้เฮลิลคอปเตอร์ ส่วนชุดปฏิบัติการของหน่วยบัญชาการสงครามพิเศษทางเรือ กองเรือยุทธการ จะเคลื่อนย้ายทางรถยนต์จาก จ.ชลบุรี คาดว่าใช้เวลาประมาณ 10 ชม. เมื่อถึงที่หมายสามารถเข้าปฏิบัติการในการเข้าพื้นที่วิกฤตได้ทันที
พล.อ.อ.เสกสรร คันธา ผบ.ทอ. กล่าวว่า ทอ.เตรียมพร้อมเต็มที่ ที่ผ่านมาได้มีการลำเลียงโดยอากาศยานของกองทัพอากาศไปแล้ว หลังจากนี้จะมีการระดมสรรพกำลังและบริหารทรัพยากรของกองทัพกับส่วนราชการอื่น ยืนยันว่าเป็นเรื่องเร่งด่วน ประชาชนต้องเข้าถึงประชาชนที่ติดอยู่ในพื้นที่ให้ได้ก่อน
พล.ต.อ.กิตติ์รัฐ พันธุ์เพ็ชร์ ผบ.ตร. สั่งการด่วนเร่งระดมกำลังตำรวจ พร้อมรถ เรือ และอุปกรณ์ เร่งบรรเทาภัยประชาชนที่ประสบภัยน้ำท่วมภาคใต้ โดยเฉพาะจุดที่สถานการณ์ขั้นวิกฤตในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา กำชับให้เข้าช่วยประชาชนออกจากพื้นที่เสี่ยงอย่างทันท่วงที โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง ผู้ป่วย ผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ให้นำน้ำ อาหาร ยารักษาโรค สิ่งของจำเป็น พร้อมเปิดค่ายตำรวจตระเวนชายแดนเป็นศูนย์พักพิง ตั้งโรงครัวส่งเสบียง และสั่งการกองบินตำรวจพร้อมส่งกำลังสนับสนุนการปฏิบัติ
หลายพรรคแห่ลงพื้นที่น้ำท่วม
วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ตลอดทั้งวันที่ 25 พ.ย. ได้มีแกนนำพรรคการเมืองต่างๆ ทยอยลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วม ทั้งในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา และจังหวัดใกล้เคียง โดยนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปช.) พร้อมด้วยผู้บริหารพรรค อาทิ นายชัยชนะ เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช รองหัวหน้าพรรค ดูแลพื้นที่ภาคใต้, นายวีระพงษ์ ประภา รองหัวหน้าพรรค ตามภารกิจ และนายพงศกร ขวัญเมือง โฆษกพรรค ได้เดินทางลงพื้นที่ติดตามสถานการณ์น้ำท่วมและให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัย ซึ่งคณะได้ลงเรือเข้าไปช่วยผู้ประสบภัยที่ยังติดอยู่ในบ้านให้ออกมาอยู่ในพื้นที่ปลอดภัย โดยนายชัยชนะกับนายพงศกรได้ลงน้ำลอยคอเข้าไปช่วยผู้ประสบภัยให้ได้ขึ้นเรือ
นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขณะนี้สิ่งสำคัญที่สุดรัฐบาลจำเป็นจะต้องมีการจัดตั้งศูนย์ประสานงาน เพื่อให้ประชาชน อาสาสมัคร สามารถเชื่อมต่อประสานกันได้ เพราะการสื่อสารในขณะนี้ก็เป็นไปด้วยความยากลำบาก ทำให้การอพยพเป็นไปด้วยความยากลำบากและได้น้อย จึงจำเป็นที่จะต้องขอหน่วยงานอื่นระดมความร่วมมือ เพื่อให้เกิดการสื่อสารอย่างเป็นระบบ จัดวางและแจ้งให้ประชาชนสามารถเชื่อมข้อมูลกันได้ นี่คือหัวใจที่จะทำให้การช่วยเหลือมีประสิทธิภาพที่สุด
ส่วนนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน (ปชน.) เดินทางลงพื้นที่ อ.หาดใหญ่ เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมเช่นกัน พร้อมระบุว่า อยากมาลงพื้นที่รับฟังปัญหาประชาชนและหน่วยงานในพื้นที่ ทั้งส่วนราชการและภาคประชาชน อย่างน้อยสิ่งที่เป็นความจำเป็นเร่งด่วนที่ต้องการสั่งจากส่วนกลางมากที่สุดคืออะไร ตั้งแต่ลงเครื่องมาได้พบปะพูดคุยกับหลายคน พบว่ามีคนติดค้างในสนามบินอยู่จำนวนมาก ตนได้พบกับเจ้าหน้าที่สถานทูตสิงคโปร์ เขาก็บอกว่ามีชาวสิงคโปร์ติดอยู่ประมาณ 100 คน ทางสถานทูตจึงส่งเจ้าหน้าที่มาเพื่อประสานงาน ตนคิดว่ามหาอุทกภัยครั้งนี้กระทบกับชาวต่างประเทศด้วย ถือว่าเป็นอีกประเด็นหนึ่งที่ต้องอาศัยรัฐบาลส่วนกลางมาแก้ไขปัญหา
นายณัฐพงษ์กล่าวว่า รัฐบาลใช้ช่องอำนาจในการประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้ ผบ.สูงสุดเข้ามาบริหารสถานการณ์ ซึ่งก็ไม่ได้ผิดอะไร แม้ใช้ช่องทางกฎหมายได้ก็ตาม แต่สิ่งที่สำคัญที่สุด ผบ.เหตุการณ์ควรเป็นคนประจำในพื้นที่แล้วสามารถบูรณาการทุกภาคส่วนได้จริง จากที่ตนได้สอบถามมูลนิธิต่างๆ ที่ไปประจำยังมีข้อจำกัดอยู่บ้างในเรื่องการประสานข้อมูล คิดว่าการลงพื้นที่น่าจะช่วยเติมเต็มอะไรบางอย่างได้
“เบื้องต้นผมว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดยังไม่ต้องพูดถึงตัวข้อมูลที่เป็นดิจิทัลก็ได้ แค่ระบบการบริหารจัดการว่าแบ่งโซนการทำงาน โซนนี้ใครไปดูแล โซนนั้นใครไปดูแล เริ่มด้วยการสำรวจก่อนว่ามีคนติดค้างหรือไม่พบกลุ่มเปราะบางหรือไม่ หากพบแล้วแนวปฏิบัติเป็นอย่างไร เพื่อให้หน่วยกู้ชีพเข้าไปจะได้รู้วิธีการปฏิบัติต่างๆ เหล่านี้ เรื่องการเผชิญเหตุแผนเผชิญเหตุกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัยมีหมดอยู่แล้วทุกจังหวัด เพียงแต่ว่าตอนปฏิบัติจริงจะปฏิบัติได้อย่างมีประสิทธิภาพมากน้อยแค่ไหน สิ่งสำคัญก็มีต้องมีผู้บัญชาการเหตุการณ์ที่บังคับบัญชาบูรณาการทุกภาคส่วนได้จริง” นายณัฐพงษ์กล่าว
ขณะที่ นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค หัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ลงพื้นที่ตำบลปันแต อ.ควนขนุน จ.พัทลุง เพื่อติดตามสถานการณ์น้ำท่วมภาคใต้ พร้อมนำถุงยังชีพ 1,000 ชุด มอบให้ชาวบ้านกว่า 500 ครัวเรือน
ที่พรรคเพื่อไทย (พท.) นายจุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ หัวหน้าพรรค พท. แถลงถึงสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ว่า ขอแสดงความห่วงใยโดยเฉพาะพี่น้องชาวใต้ ที่ตลอดหลายวันที่ผ่านมาได้เห็นถึงความลำบาก การเผชิญกับสถานการณ์น้ำท่วมหนักหลายรอบหลายพื้นที่ ศูนย์อพยพบางแห่งยังไม่พร้อมตามที่ควรจะเป็น ทั้งเรื่องอาหาร น้ำดื่ม การดูแลผู้สูงอายุ เด็กเล็ก ผู้ป่วยติดเตียง ขณะที่การสั่งการจากส่วนกลางยังมีความล่าช้า ไม่ทันกับสถานการณ์จริง เบื้องต้นพรรค พท.ขอให้กำลังใจรัฐบาล ขอให้ดำเนินการแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนได้อย่างทันท่วงทีและประสบผลสำเร็จ
“เราได้ประสานงานกับสมาคมประมง จ.สงขลาและสมาชิกพรรคในหลายจังหวัด เพื่อระดมจัดเตรียมเรือหางยาว จำนวน 100 ลำ เจ็ตสกี 10 ลำ เพื่อลำเลียงสิ่งของจำเป็นและช่วยเหลืออพยพประชาชนไปยังศูนย์อพยพที่ทางรัฐจัดให้โดยปลอดภัยโดยเร็ว นอกจากนี้พรรคได้เตรียมอาหารสดวันละ 1,000 กล่อง และกำลังรวบรวมในเรื่องของอาหารแห้ง น้ำดื่ม ยารักษาโรคและอุปกรณ์ไปมอบให้ด้วย” นายจุลพันธ์กล่าว
ด้านนายดนุชา พิชยนันท์ เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) ยอมรับว่า ครั้งนี้ปริมาณน้ำฝนหนักมากในรอบ 300 ปี ซึ่งการบริหารจัดการน้ำในอนาคต ต้องขุดลอกคลอง ร.1 ให้ลึกขึ้น ขยายคลองอู่ตะเภา เพื่อรองรับสถานการณ์ที่นานๆ ครั้งจะเกิดขึ้น.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน
'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก
'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา


