"สีหศักดิ์" เล่าปัญหาชายแดนให้อินเดียฟัง เตรียมชงที่ประชุมอนุสัญญาออตตาวาตั้งทีมสอบ สันดานเขมรไม่เปลี่ยน ดาหน้าปัดปมชาวจีนเหยียบทุ่นระเบิด "มาลี" บอกข้ามจากฝั่งไทยไปเขมรเพราะมีเงินบาทเต็มกระเป๋า
เมื่อวันอาทิตย์ที่ 30 พฤศจิกายน 2568 ยังคงมีความต่อเนื่องจากเหตุชายชาวจีนลักลอบข้ามแดนจากกัมพูชาเข้ามาฝั่งไทยบริเวณบ้านหนองจาน ตำบลโนนหมากมุ่น อำเภอโคกสูง จังหวัดสระแก้ว และได้เหยียบทุ่นระเบิดจนได้รับบาดเจ็บ โดยนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวระหว่างการเดินทางเยือนสาธารณรัฐอินเดีย ระหว่างวันที่ 30 พ.ย.-1 ธ.ค.2568 ว่า จะใช้โอกาสนี้ในการชี้แจงทำความเข้าใจถึงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาให้อินเดียได้ทราบด้วย โดยอินเดียก็ติดตามสถานการณ์อยู่ตลอด ซึ่งจะได้ชี้แจงความคืบหน้าของสถานการณ์ว่าเป็นอย่างไร เกิดอะไรขึ้นบ้าง เหตุใดไทยต้องระงับการดำเนินการตามข้อตกลงที่ลงนามร่วมกันที่มาเลเซีย เพราะมีการเหยียบทุ่นระเบิดเกิดขึ้นอย่างต่อเนื่องหลายครั้ง ซึ่งถือว่าเป็นปัญหาอย่างมาก โดยเฉพาะล่าสุดมีชาวจีนที่ลักลอบเข้าเมืองผ่านช่องทางธรรมชาติก็เหยียบทุ่นระเบิดได้รับบาดเจ็บสาหัส
“หลังจากนี้จะเดินทางไปร่วมประชุมรัฐภาคีว่าด้วยอนุสัญญาออตตาวาที่กรุงเจนีวา ประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เบื้องต้นไทยได้รายงานเหตุการณ์ที่ฝ่ายไทยเหยียบทุ่นระเบิดไปแล้ว แต่การเดินทางไปครั้งนี้ก็จะไปให้ข้อมูลเพิ่มเติมกับเหตุการณ์ล่าสุด ซึ่งยังไม่เพียงพอ เพราะหลังจากที่ไทยรายงานไปแล้ว การชี้แจงของกัมพูชายังหลบหลีกในการตอบคำถามที่ไทยสอบถามไป ดังนั้น ไทยจะเสนอให้ตั้งคณะตรวจสอบข้อเท็จจริงที่มีความเป็นอิสระ เพื่อลงพื้นที่ตรวจสอบว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร เพื่อป้องกันกัมพูชาหลบเลี่ยงในการชี้แจงข้อเท็จจริง โดยองค์ประกอบของคณะกรรมการจะมีใครบ้าง ก็ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของที่ประชุมรัฐภาคี”
ขณะที่กระทรวงกลาโหมกัมพูชาออกข่าวประชาสัมพันธ์ว่า จากรายงานของภูมิภาคทหารที่ 5 ของกองทัพกัมพูชาระบุว่า เมื่อเวลา 15.20 น. ของวันที่ 29 พ.ย. หน่วยรักษาชายแดนที่ 503 ซึ่งประจำการอยู่ที่หมู่บ้านโจกเจย ต.โอเบยจาน อ.โอเจริว จ.บันเตียเมียนเจย ได้ยินเสียงระเบิดดังขึ้น และจากการตรวจสอบในภายหลังยืนยันว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นภายในทุ่งทุ่นระเบิดของกัมพูชาที่ปนเปื้อนไปด้วยวัตถุระเบิดเก่าที่ยังไม่ระเบิด ที่เป็นซากของความขัดแย้งในอดีต
“ชาวจีนที่ถูกระบุชื่อว่า SHI JINGUI ถือหนังสือเดินทางหมายเลข 2356975263 ซึ่งทางการไทยรายงานว่าเป็นเหยื่อนั้น ไม่มีชื่ออยู่ในบันทึกการเข้า-ออกประเทศของกัมพูชา ตามข้อมูลของกรมตรวจคนเข้าเมืองกระทรวงกลาโหมแห่งราชอาณาจักรกัมพูชา ขอปฏิเสธข้อกล่าวหาทั้งหมดของฝ่ายไทย กัมพูชาเคารพและยึดมั่นในกฎหมายระหว่างประเทศ และไม่เคยวางทุ่นระเบิดใหม่ นอกจากนี้ กัมพูชายังทำงานอย่างต่อเนื่องเพื่อกวาดล้างทุ่นระเบิดที่เหลือจากสงครามในอดีต เพื่อปกป้องชีวิต รับรองความปลอดภัย และสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคม ขณะเดียวกันก็มีส่วนร่วมอย่างแข็งขันในความพยายามกำจัดทุ่นระเบิดที่นำโดยสหประชาชาติ”
กระทรวงกลาโหมกัมพูชายังระบุอีกว่า ในเรื่องการกำจัดทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดนกัมพูชา-ไทย ศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดกัมพูชา (CMAC) และศูนย์ปฏิบัติการทุ่นระเบิดของไทย (TMAC) ภายใต้ชุดประสานงานร่วมเฉพาะกิจ (JCTF) ยังคงศึกษา ประเมิน และหารือเกี่ยวกับพื้นที่นำร่องในพื้นที่สำคัญอย่างที่บรรลุความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่อง กัมพูชาขอเรียกร้องให้ไทยปฏิบัติตามข้อตกลงที่ได้บรรลุไว้แล้วอย่างเต็มที่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการที่ปฏิบัติการกวาดล้างทุ่นระเบิดเพื่อมนุษยธรรมตามแนวชายแดนทั้งหมดจะต้องดำเนินการผ่าน JCTF และเป็นไปตามขั้นตอนปฏิบัติงานที่เป็นมาตรฐานตามที่ได้ตกลงไว้
สำนักข่าวเฟรชนิวส์และขแมร์ไทมส์รายงานว่า พล.ท.หญิงมาลี โสเจียตา โฆษก กห. ออกมากล่าวถึงเรื่องนี้ โดยปฏิเสธรายละเอียดข้อมูลของทางการไทยเกี่ยวกับกรณีดังกล่าว พร้อมระบุว่า จากรายงานของกองทัพภูมิภาคที่ 5 ของกัมพูชา พบว่าชายชาวจีนคนดังกล่าวเหยียบทุ่นระเบิดเมื่อเวลาประมาณ 03.20 น. บริเวณหลักเขตแดนที่ 48 และ 49 ในพื้นที่หมู่บ้านโจกเจย จังหวัดบันเตียเมียนเจย จากการตรวจสอบพบว่าพื้นที่ที่ชายชาวจีนคนดังกล่าวเหยียบทุ่นระเบิดเป็นพื้นที่ที่มีทุ่นระเบิดหลงเหลืออยู่จากสงครามในอดีต เป็นเหตุให้ข้อเท้าซ้ายขาด กองทัพกัมพูชาซึ่งประจำอยู่ในพื้นที่ดังกล่าวพยายามเข้าไปช่วยเหลือ แต่ทหารไทยเข้าถึงตัวชายชาวจีนคนดังกล่าวได้ก่อน เพราะทหารกัมพูชาต้องเคลียร์เส้นทางปลอดภัยระยะทาง 200 เมตร เพื่อเข้าไปถึงจุดเกิดเหตุ
“พื้นที่ทุ่นระเบิดดังกล่าวเพิ่งได้รับการสำรวจโดยศูนย์ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งชาติกัมพูชา (CMAC) ศูนย์ปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิดแห่งประเทศไทย (TMAC) ภายใต้คณะทำงานประสานงานร่วม (JCTF) เมื่อวันที่ 7 พ.ย. ตามด้วยการหารือทางเทคนิค เมื่อวันที่ 10 พ.ย. เพื่อเตรียมวางแผนสำหรับปฏิบัติการเก็บกู้ทุ่นระเบิด แต่ความร่วมมือดังกล่าวยุติลงหลังไทยประกาศระงับปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ในวันเดียวกัน”
พล.ท.หญิงมาลียังระบุว่า กระทรวงมหาดไทยของกัมพูชาไม่พบชื่อของชายชาวจีนคนดังกล่าวในฐานข้อมูลบุคคลเข้า-ออกของสำนักงานตรวจคนเข้าเมืองกัมพูชา แต่หลักฐานต่างๆ ชี้ว่าชาวจีนคนดังกล่าวพยายามข้ามฝั่งจากไทยเข้ามากัมพูชา ซึ่งขัดแย้งกับการรายงานของไทยที่บอกว่าเดินทางจากกัมพูชาเข้ามาไทย เพราะจุดที่เกิดเหตุอยู่ห่างจากถนนลาดยางของไทยเพียง 100 เมตร และห่างจากถนนของกัมพูชาประมาณ 210 เมตร และชาวจีนมีแค่เงินไทยพกติดตัวเท่านั้น และกัมพูชายังไม่ทราบมูลเหตุจูงใจว่าทำไมชาวจีนคนดังกล่าวจึงข้ามแดนเข้ามาในกัมพูชาด้วยวัตถุประสงค์ใด.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
เปิดสภา10ธค. แก้รธน.วาระ2 แนะโหวตต้นมค.
"ปธ.วันนอร์” นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้ รธน.วาระสอง
ปลุกชรบ.ชายแดนพร้อมรุกรบ
กรมพระศรีสวางควัฒนฯ พระราชทานเงิน 121,089,300 บาท
หนูโต้ไม่ให้สัญชาติเบนสมิธเหตุพ้นมท.1
วงแตก! “อนุทิน” รับรู้จัก “เบน สมิธ” แต่ไม่สนิท ไม่มีธุรกิจร่วมกัน
จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่
นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา
แบบพระเมรุมาศเสร็จม.ค. สานพระราชปณิธานผ้าไทย
"อธิบดีกรมศิลป์" เผยแบบก่อสร้างพระเมรุมาศ “พระพันปีหลวง” แล้วเสร็จ ม.ค.69
หนูคาดเบลต์กั๊กยุบสภา12ธ.ค.
"อนุทิน" ส่งสัญญาณ 12 ธ.ค. คาดเข็มขัดนิรภัย ปัดญาติดีเพื่อไทยหลีกทางยื่นซักฟอก บอกทำงานทุกวันไม่ได้คุย ขีดเส้นอยู่ไม่เกิน 31 ม.ค.


