จ่ายศพละ2ล.อีก8จว. ขยายเยียวยานํ้าท่วมใต้ ตั้ง5อนุครบวงจรใช้ทุกที่

นายกฯ ประเดิมนั่งหัวโต๊ะถอดบทเรียนรับมือมหาอุทกภัย ตั้ง 5 อนุกรรมการแก้ครบวงจร พยากรณ์-เตือนภัย-เยียวยา ทำระบบให้ใช้ได้ทุกพื้นที่ รายงานผลทุก 2 สัปดาห์ "บวรศักดิ์" นำทีมลงดูหน้างานจริงวันเดียวกับ "อนุทิน" ไปสงขลา  6 ธ.ค. หวังคนหาดใหญ่นอนหลับสบายใจ "ภราดร"       เผยขยายเยียวยาเหยื่อน้ำท่วมใต้ศพละ 2 ล้านเพิ่มอีก 8 จว. "สนธิญา” ร้อง “ดีเอสไอ" เอาผิด "นายกแป้น-ผู้ว่าฯ สงขลา" ผิด ม.157 ปล่อยคนหาดใหญ่จมน้ำ

ที่ทำเนียบรัฐบาล วันที่ 4 ธ.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและ รมว.มหาดไทย เป็นประธานการประชุมคณะกรรมการถอดบทเรียนและเตรียมความพร้อมรับมือมหาอุทกภัย ครั้งที่  1/2568 ซึ่งถือเป็นครั้งแรกภายหลังจากมีคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 459/2568 แต่งตั้งคณะกรรมการชุดดังกล่าวจำนวน 33 ราย เพื่อศึกษาและถอดบทเรียนจากมหาอุทกภัยที่ จ.สงขลา โดยเฉพาะที่ อ.หาดใหญ่ รวมทั้งมหาอุทกภัยปี 2554  เสนอเป็นแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดความเสียหายใหญ่จากอุทกภัยในอนาคต

นายบวรศักดิ์ อุวรรณโณ รองนายกรัฐมนตรี  แถลงผลการประชุมว่า การถอดบทเรียนครั้งนี้ เพื่อให้รู้ว่าหากเกิดเหตุขึ้นแบบนี้อีกใครจะต้องทำอะไร อย่างไร โดยหลังเสร็จการถอดบทเรียนครั้งนี้ จะเสนอต่อคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่าจะทำอย่างไรต่อไปในอนาคต โดยได้มีการตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมา 5 คณะ

1.คณะอนุกรรมการเตรียมความพร้อมในการรับภัย จะดูเรื่องพยากรณ์อากาศ วิเคราะห์ว่าจะเกิดอุทกภัยขนาดไหน และจะมีระบบเตือนภัยอย่างไร โดยจะให้เลขาธิการสำนักงานทรัพยากรน้ำแห่งชาติ (สทนช.) เป็นประธาน 2.คณะอนุกรรมการป้องกันและลดผลกระทบ ดูแลเรื่องการอพยพ  โรงพยาบาล ระบบสาธารณสุข และสาธารณูปโภคทั้งหลาย รวมถึงการสื่อสารที่ต้องไม่ให้ล่ม ไม่ใช่ว่ามีแต่ระบบไฟฟ้า แต่ต้องมีระบบไว้แบ็กอัป โดยให้ปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน 3.คณะอนุกรรมการในภาวะฉุกเฉิน ดูแลเรื่องการช่วยเหลือผู้ประสบภัย การขอความร่วมมือจากกองทัพและส่วนราชการทั้งหลาย ซึ่งต้องอาศัยคนที่มีทรัพยากร จึงจะขอให้ผู้บัญชาการทหารสูงสุด (ผบ.ทสส.) เป็นประธาน

4.คณะอนุกรรมการจัดการหลังเกิดภัย ดูแลการเยียวยา การจัดการขยะ ทำความสะอาด และดูแลสุขภาพจิต โดยจะให้ปลัดสำนักนายกรัฐมนตรีและปลัดกระทรวงมหาดไทยเป็นประธาน และ 5.คณะอนุกรรมการชุดประสานงาน โดยตนจะเป็นผู้ดูแลเอง จะดูเรื่องของเอไอและแพลตฟอร์มที่จะนำมาใช้วิเคราะห์ข้อมูลปัญหาอื่นๆ ของคณะอนุกรรมการทั้งหมด เพราะหากทุกคนต่างคิดค้นแอปพลิเคชันขึ้นมา ประชาชนจะสับสนไม่รู้จะใช้อันไหน แต่หากมีแพลตฟอร์มกลางจะใช้ได้ที่เดียว

"ในวันเสาร์ที่ 6 ธ.ค.นี้ ผมจะเชิญกรรมการถอดบทเรียนฯ ลงไปดูพื้นที่จริง ว่าหากปีหน้าน้ำมาเราจะป้องกันอย่างไร ขณะที่นายกรัฐมนตรีมีกำหนดการลงพื้นที่หาดใหญ่วันดังกล่าวด้วยเช่นกัน และหวังว่างานของคณะกรรมการชุดนี้จะเสร็จภายใน 3 เดือน และเสนอต่อ ครม. เพื่อกำหนดการเตรียมความพร้อมรับมือในอนาคต ให้คนหาดใหญ่สบายใจ" นายบวรศักดิ์กล่าว

ตั้ง 5 อนุฯ ถอดบทเรียนอุทกภัย

ถามว่า อะไรคือโจทย์ใหญ่ที่สุดจากการถอดบทเรียนครั้งนี้ นายบวรศักดิ์กล่าวว่า ทั้ง 5 คณะอนุกรรมการที่ตั้งขึ้นคือโจทย์ใหญ่ เพราะไม่มีสูตรสำเร็จ ซึ่งปัญหามีหลายเรื่อง และคนในพื้นที่และข้าราชการทำอย่างเต็มที่ โดยวันจันทร์ที่ 8 ธ.ค.นี้ จะขอพบกับผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และขอประชุมกับเจ้าหน้าที่ สตง.ภาคใต้ ว่าช่วงสถานการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ ความบกพร่องของท่าน ต้องไม่ให้เป็นงานของเรา ทั้งนี้ หากไม่ได้เป็นเรื่องของการทุจริต แต่เป็นการแก้ไขปัญหาเฉพาะหน้า  ก็ควรจะเข้าใจสถานการณ์

ซักว่าจะต้องมีการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพิ่มเติมหรือไม่ เพราะอย่างคลอง ร.1 ก็ใช้มานานแล้ว โดยนายเสรี ศุภราทิตย์ หนึ่งในกรรมการถอดบทเรียนฯ กล่าวว่า ในอนุกรรมการทุกชุดที่ตั้งขึ้นมาต้องไปตรวจสอบดูว่าในแต่ละแผนไม่คิดกิจกรรมอะไรที่สำเร็จหรือเป็นช่องว่าง เช่น ปัญหาเรื่องคลอง ร.1 ก็อยู่ในอนุกรรมการชุดที่สอง ที่ต้องไปดูว่าสาธารณูปโภคขั้นพื้นฐานรับได้หรือไม่ ก็จะมีคำตอบอยู่ในนั้น

จากนั้นนายบวรศักดิ์กล่าวว่า ทางคณะกรรมการฯ อาจจะพิจารณาจัดทำเป็นคู่มือสำหรับประชาชน เพื่อให้คำแนะนำว่าหากเกิดสถานการณ์ระดับเบื้องต้น รวมทั้งต้องบูรณาการแก้ไขกฎหมาย  อย่างไรก็ตาม หลังจากนี้จะให้คณะอนุกรรมการฯ  แต่ละชุดรายงานการทำงานทุก 2 สัปดาห์

ส่วนนายแก้วสรร อติโพธิ กรรมการถอดบทเรียนฯ กล่าวว่า หลังจากนี้ขอให้เลิกตั้งคำถามเกี่ยวกับเรื่องของจำนวนผู้เสียชีวิต แต่ควรมาคิดว่าเราจะแก้ไขปัญหาได้ดีกว่านี้หรือไม่ เช่น การเตือนภัยล่วงหน้าก่อน 5 ชั่วโมง สามารถทำได้หรือไม่ เป็นเพราะข้อมูลไม่เพียงพอหรือว่าฮาร์ดแวร์ไม่มีหรือไม่ หรือขาดการประสานงาน เราควรจะไปดูในเรื่องของเนื้องาน

ต่อมา นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลประชุมคณะกรรมการถอดบทเรียนฯ ว่า นายกฯ เน้นย้ำการนำผลการปฏิบัติงานการแก้ไขปัญหามหาอุทกภัยที่เกิดขึ้นในภาคกลางเมื่อปี 2554 รวมทั้งที่จังหวัดเชียงราย และล่าสุดมหาอุทกภัยในพื้นที่อำเภอหาดใหญ่ ที่มีการปฏิบัติงานทั้งประสบผลสำเร็จและมีจุดบกพร่อง นำมาทบทวนสู่กระบวนการถอดบทเรียน รวมถึงการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขกฎหมายที่เกี่ยวข้องให้สอดคล้องกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจริง

"วันเสาร์ที่ 6 ธ.ค. นายกฯ พร้อมด้วยนายพิพัฒน์ รัชกิจประการ รองนายกฯ และ รมว.คมนาคม จะเดินทางลงพื้นที่จังหวัดสงขลา เพื่อติดตามการดำเนินการเยียวยาฟื้นฟูในพื้นที่ด้วย"  โฆษกประจำสำนักนายกฯ กล่าว

ขณะที่ นายภราดร ปริศนานันทกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ในฐานะผู้อำนวยการศูนย์ปฏิบัติการแก้ไขสถานการณ์ฉุกเฉินอุทกภัย (ศป.กฉ.) เป็นประธานการประชุม ศป.กฉ. ครั้งที่ 8/2568 โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดภาคใต้ที่ประสบอุทกภัยร่วมประชุมผ่านวิดีโอคอนเฟอเรนซ์

เพิ่ม 8 จว.จ่ายปลงศพน้ำท่วม 2 ล.

นายภราดรกล่าวในที่ประชุมว่า ขอแจ้งข่าวดีสำหรับผู้เสียชีวิต ทางรัฐบาลจะดำเนินการค่าปลงศพให้เหมือนกับในพื้นที่ประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ฝากแจ้งชาวบ้านด้วย โดยนางพาตีเมาะ สะดียามู ผู้ว่าฯ ปัตตานี ได้สอบถามว่าค่าปลงศพในที่นี้เหมือนกับที่เป็นข่าวรายละ 2 ล้านบาทใช่หรือไม่  โดยนายภราดรตอบว่า ใช่ครับ ผู้ว่าฯ ปัตตานีจึงถามย้ำอีกครั้งว่า ในส่วนของปัตตานีด้วยใช่หรือไม่  นายภราดรตอบอีกครั้งว่า ครับ

ผู้ว่าฯ นราธิวาสได้รายงานสถานการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ ระหว่างนี้นายภราดรได้สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม เนื่องจากเงินช่วยเหลือ 9,000  บาท เพิ่งจะเบิกจ่ายได้แค่ประมาณ 7,000 ครัวเรือน ยังไม่ถึง 10% ซึ่งก็ได้รับคำชี้แจงจากผู้ว่าฯ  นราธิวาสว่า ช่วงประมาณ 13.30 น. วันที่ 4 ธ.ค. จะมีการประชุมคณะกรรมการให้ความช่วยเหลือผู้ประสบภัยพิบัติจังหวัด (ก.ช.ภ.จ.) ในเรื่องดังกล่าว ซึ่งนายภราดรกำชับช่วงนี้ขอให้ขยับเร่งประชุมทุกวัน

ต่อมา นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษก ศป.กฉ. แถลงว่า สำหรับการช่วยเหลือเยียวยาผู้เสียชีวิตจากสถานการณ์อุทกภัยพื้นที่ภาคใต้ศพละ 2 ล้านบาท ซึ่งการประชุม ครม.ที่ผ่านมา ได้มีมติจัดหางบประมาณ โดยแบ่งเป็น 2 ส่วนคือ จากงบกลาง 1 ล้านบาท และอีก 1 ล้านบาท มาจากกองทุนเงินช่วยเหลือผู้ประสบสาธารณภัย สำนักนายกรัฐมนตรี ซึ่งได้มีการโอนไปที่จังหวัดเรียบร้อยแล้ว  ซึ่งแนวทางในการพิจารณาเยียวยา ไม่ใช่เฉพาะ จ.สงขลา แต่จะเพิ่มจังหวัดที่ประสบอุทกภัยในครั้งนี้อีก 8 จังหวัด ได้แก่ ตรัง นครศรีธรรมราช นราธิวาส ปัตตานี พัทลุง ยะลา สตูล และสุราษฎร์ธานี ซึ่งใน จ.สุราษฎร์ธานี ไม่มีรายงานผู้เสียชีวิต เมื่อรวมกับ จ.สงขลา จะครอบคลุม 9 จังหวัด

นายสิริพงศ์กล่าวว่า แต่ละจังหวัดจะมีการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อพิจารณา มีผู้ว่าฯ เป็นประธาน ซึ่งคำจำกัดความของการเสียชีวิตในครั้งนี้ คือ 1.จมน้ำเสียชีวิต 2.เสียชีวิตในที่พักอาศัย หรือโรงพยาบาลที่ถูกน้ำท่วมขังหรือน้ำล้อมรอบ 3.เสียชีวิตระหว่างเคลื่อนย้าย หรืออพยพออกจากพื้นที่น้ำท่วมไปยังโรงพยาบาลศูนย์พักพิงชั่วคราวหรือสถานที่ปลอดภัย มีกรอบระยะเวลาวันที่ 22-27  พ.ย. ซึ่งจะเป็นเงื่อนไขในการพิจารณา

 สำหรับผู้เสียชีวิต มีเอกสารที่ญาติจะต้องใช้คือ 1.ใบมรณบัตร 2.ใบรายงานคดี 3.คำวินิจฉัยแพทย์ในกรณีที่ไม่สามารถหาข้อสรุปได้ และจำเป็นจะต้องมีการสอบพยานแวดล้อมเพิ่มเติม ซึ่งต้องมีใบสอบปากคำ ปค.14 เพิ่มเติมในกรณีที่มีปัญหาเรื่องการวินิจฉัยและตีความ และต้องมีการยืนยันตัวตนและสถานะของทายาทโดยธรรมที่จะเป็นผู้รับเงินเยียวยา

"ขอแจ้งให้ทราบว่าเว็บไซต์ ปภ.ไม่ล่มแล้ว สามารถดำเนินการได้ตามปกติ เมื่อเช้าวันนี้มีการทดลองแล้วสามารถดำเนินการได้ จะเห็นได้ว่าประสิทธิภาพในการลงทะเบียนสูงขึ้น คาดว่าสถานการณ์จะคลี่คลายได้เร็วที่สุด" โฆษก ศป.กฉ.

นายสิริพงศ์เปิดเผยด้วยว่า นายกรัฐมนตรีได้ลงนามประกาศยกเลิกสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตท้องที่จังหวัดสงขลา ซึ่งประกาศไว้เมื่อวันที่ 25  พ.ย.2568 หลังสถานการณ์มหาอุทกภัยคลี่คลายลง โดยจะมีผลตั้งแต่วันที่ 5 ธันวาคม 2568 เป็นต้นไป

น.ส.รัชดา ธนาดิเรก โฆษก ศป.กฉ. เสริมว่า  จำนวนการโอนเงินเยียวยาผู้ประสบภัยน้ำท่วมใน 3 วันที่ผ่านมา (1-3 ธ.ค.) มีจำนวน 186,330 ครัวเรือน จำนวน 1,676,970,000 บาท และในวันนี้ (4 ธ.ค.) มีการโอนเงินให้กับ 368,099 ครัวเรือน รวมเป็นวงเงิน 3,312,891,000 บาท ซึ่งพบว่าปัญหาในวันนี้ยังเป็นเรื่องของระบบอินเทอร์เน็ต โดย กสทช.ได้กู้เสาอินเทอร์เน็ตเรียบร้อยแล้ว ซึ่งจะทําให้การลงทะเบียนออนไลน์และออนไซต์เพื่อขอรับเงินเยียวยาสามารถทําได้ดีขึ้น

 วันเดียวกัน นายสนธิญา สวัสดี นักเคลื่อนไหว เดินทางมาที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ยื่นหนังสือถึง พ.ต.ต.ยุทธนา แพรดำ อธิบดีดีเอสไอ  ขอให้ดำเนินการตรวจสอบนายณรงค์พร ณ พัทลุง หรือนายกแป้น นายกเทศมนตรีนครหาดใหญ่ และนายรัฐศาสตร์ ชิดชู ผู้ว่าราชการจังหวัดสงขลา  กรณีละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ เพิกเฉย จนเกิดเหตุน้ำท่วมหาดใหญ่ สร้างความเสียหายต่อชีวิตและทรัพย์สินของประชาชนจังหวัดสงขลา

ถามว่า เหตุใดไม่แจ้งดำเนินคดีนายกฯ, ปลัดมหาดไทย และอธิบดี ปภ. นายสนธิญากล่าวว่า  อยากบอกว่าเรื่องน้ำท่วมถือเป็นเรื่องธรรมชาติ แต่น้ำท่วมหาดใหญ่ ปภ.แจ้งเตือนไป 7 ครั้ง กรมอุตุฯ แจ้งเรื่องน้ำท่วมหนักในพื้นที่ภาคใต้ตอนล่าง ซึ่งถ้าหากผู้ว่าฯ สงขลากับนายกแป้นได้ดูแผนที่อากาศ จะเห็นว่าฝนจะตกแช่อยู่ตรงนั้น 4-5 วัน ท่านจะรู้ว่าต้องเร่งวินิจฉัยอพยพประชาชนหาดใหญ่อย่างรวดเร็ว ความเสียหายจะได้เกิดขึ้นน้อยกว่านี้ ซึ่งตนไม่โทษว่าระบบมีปัญหา เพราะระบบทำงานเต็มที่แล้ว.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'อนุทิน' ยันยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟูหาดใหญ่ต่อ จ่อขนนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียน

'อนุทิน' ยอมรับยังกังวลน้ำท่วมหาดใหญ่ ยัน ยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉินแล้วยังฟื้นฟู-เยียวยาต่อ หยอด อำนาจอยู่ที่ มท.1แล้ว 'นายกฯ คงไม่ขัดอะไร' เผยขั้นตอนนำผู้ประสบภัยกลับบ้าน ทำไปแล้วกว่า 90% จ่อขนกองทัพนักวิชาการลงพื้นที่ถอดบทเรียนพรุ่งนี้

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ 'เบน สมิธ' ต้องรุกกลับปราบสแกมเมอร์ให้สิ้นซาก

'จตุพร' แนะ 'อนุทิน' อย่าพะวงกับรูปถ่ายร่วมเฟรม 'เบน สมิธ' อย่ามัวแต่พูดอธิบายภาพ อ้างไม่สนิท จี้ปฏิบัติให้จริง รุกกลับปราบ'แก๊งสแกมเมอร์' ให้ราบคาบจากไทย ลั่นรู้นะ คนปล่อยรูปหวังทำลายการเมือง

นายกฯ ลั่นหากเกิดเหตุชายแดนหลังยุบสภา รัฐบาลรักษาการยังมีอำนาจสนับสนุนเต็มที่

นายกฯ ย้ำไม่มีปัจจัยบอกเหตุ ก็ต้องมีแผนป้องกัน โดยเฉพาะตามแนวชายแดน มั่นใจผู้ว่าฯ ดูแลได้ หากอยู่ในช่วงยุบสภา ปฎิเสธข่าวการเจรจาที่ออตตาวาไม่เป็นผล