ดีเอสไอส่งฟันแก๊งคุกVIP ‘ปปช.’เร่งสอบล่าตัวการ

“ดีเอสไอ" สรุปสำนวนสืบสวน “คดีคุกวีไอพีจีนเทา” ส่ง ป.ป.ช.ดำเนินคดี ม.157  “ผบ.เรือนจำพิเศษฯ และเลขานุการฯ" ปมเอื้อประโยชน์เปิดเยี่ยมญาติพิเศษวันอาทิตย์ในห้องลับใต้บันได ชี้หลักฐานชัดเจน พบ "ลายนิ้วมือ-คราบอสุจิ" ในที่เกิดเหตุ มัดข้อหาค้าประเวณี   ส่วนเส้นทางการเงินพบหมุนเวียนโยงกันทั้งขบวนการกว่า 100 ล้านบาท "ผู้ช่วยเลขาฯ  ป.ป.ช." ยันพร้อมตรวจสอบ-ขยายผล “กลุ่มคนนอก” ในคดีคุกวีไอพีจีนเทามีพฤติการณ์สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดหรือไม่ มีกรอบเวลา 30 วัน ก่อนมีมติส่ง อสส.ฟ้องศาลคดีทุจริตฯ

เมื่อวันที่ 16 ธันวาคม มีรายงานภายในกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เปิดเผยความคืบหน้าคดีการทุจริตภายในเรือนจำพิเศษกรุงเทพมหานคร ซึ่งมีคำสั่งให้ข้าราชการเรือนจำพิเศษฯ  รวม 6 ราย ออกจากราชการไว้ก่อน ประกอบด้วย  นายมานพ ชมชื่น ผบ.เรือนจำพิเศษฯ, นายไตรพล สีเขียวแก่ เลขานุการผู้บัญชาการเรือนจำพิเศษฯ, ผู้อำนวยการส่วนควบคุมผู้ต้องขัง เรือนจำพิเศษฯ และ 3 เจ้าหน้าที่ผู้คุมเรือนจำพิเศษฯ ว่า ภายหลังการสอบสวนปากคำเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษฯ และเจ้าหน้าที่กรมราชทัณฑ์ รวมถึงการรวบรวมพยานหลักฐานสำคัญ และจากการสืบสวน พบข้อเท็จจริงว่าขบวนการดังกล่าวไม่ได้มีเพียงแค่ในส่วนของอดีต ผบ.เรือนจำพิเศษฯ เลขานุการอดีต ผบ.เรือนจำพิเศษฯ เท่านั้น แต่ยังเชื่อมโยงไปถึงคนกลุ่มนอกอย่างทนายชายชื่อดัง อักษรย่อ ป. จากจังหวัดสมุทรปราการรายหนึ่ง ที่เข้ามามีบทบาทกับการจัดแจง ประสานงานการเยี่ยมญาติในส่วนของผู้ต้องขังชาวจีนในเรือนจำพิเศษฯ จำนวนมาก และยังมีเจ้าหน้าที่เรือนจำพิเศษฯ รายอื่นๆ อีกด้วย

รายงานระบุว่า หลักฐานสำคัญที่ทำให้เห็นความเชื่อมโยงของขบวนการดังกล่าวนี้คือ กรณีที่ทนายอักษรย่อ ป. มีปรากฏในข้อมูลทะเบียนประวัติการเยี่ยมญาติผู้ต้องขังชาวจีนและชาวไทยรวมกว่า 1,000 ราย และยังมีเส้นทางการเงินมากถึงหลักร้อยล้านบาทที่หมุนเวียนรับโอนเงินระหว่างกัน ทั้งในส่วนของทนายความ และบริษัทเอกชนบางแห่งที่จัดตั้งขึ้นมารับเงินตรงนี้ แต่ในส่วนของอดีต ผบ.เรือนจำฯ ไม่ได้ปรากฏเส้นทางการเงินรับโอนตรงเข้าบัญชีเจ้าตัว มีเพียงเส้นทางการเงินที่โอนเข้าบัญชีเจ้าหน้าที่คนใกล้ชิด ในการสอบปากคำพยานและการรวบรวมพยานหลักฐาน พบว่าอดีต ผบ.เรือนจำฯ มีพฤติการณ์การเอื้อประโยชน์ให้ผู้ต้องขังจีนเทาจริง โดยเฉพาะเรื่องการเยี่ยมญาติวันอาทิตย์ ซึ่งระเบียบของกรมราชทัณฑ์ไม่ได้มีกำหนดไว้อย่างชัดเจนว่า อำนาจของ ผบ.เรือนจำฯ จะสามารถอนุญาตให้ผู้ต้องขังเยี่ยมญาติในวันอาทิตย์ได้โดยใช้สถานที่ที่ไม่ใช่สถานที่เยี่ยมญาติรับรอง จึงทำให้ อดีต ผบ.เรือนจำฯ เข้าข่ายมีความผิดตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และในกรณีที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ตรวจพบร่องรอยนิ้วมือบุคคลที่สาม และยืนยันผลคราบอสุจิ ก็เป็นที่ชัดเจนแล้วว่า อดีต ผบ.เรือนจำฯ มีการปล่อยปละให้เกิดการค้าประเวณีขึ้นในสถานที่เกิดเหตุในวันหยุดราชการ

ล่าสุด ดีเอสไอได้มีการสรุปสำนวนการสืบสวน กล่าวหาดำเนินคดีกับข้าราชการ 2 รายคือ อดีต ผบ.เรือนจำฯ และเลขานุการอดีต ผบ.เรือนจำฯ ในฐานความผิดประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 “ผู้ใดเป็นเจ้าพนักงาน ปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ เพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ต้องระวางโทษจำคุกตั้งแต่หนึ่งปีถึงสิบปี หรือปรับตั้งแต่สองหมื่นบาทถึงสองแสนบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ” และ พ.ร.บ.ป้องกันและปราบปรามการค้าประเวณี พ.ศ.2539 ซึ่งกรณีดังกล่าวเป็นการกล่าวหาเจ้าพนักงานของรัฐกระทำความผิดฐานทุจริตต่อหน้าที่ หรือกระทำผิดต่อตำแหน่งหน้าที่ราชการ จึงอยู่ในหน้าที่และอำนาจของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ที่จะไต่สวนและวินิจฉัยตาม พ.ร.ป.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2561 คณะพนักงานสืบสวนจึงได้ดำเนินการส่งสำนวนดังกล่าวไปยังสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เรียบร้อยแล้ว

วันเดียวกัน เวลา 09.00 น. นายพัฒนพงศ์ จันทร์เพ็ชรพูล ผู้ช่วยเลขาธิการ ป.ป.ช. จะเป็นผู้แทนสำนักงาน ป.ป.ช. เดินทางเข้าพบนางพงษ์สวาท นีละโยธิน ปลัดกระทรวงยุติธรรม ที่กระทรวงยุติธรรม เพื่อหารือในคดีดังกล่าว จากนั้นนายพัฒนพงศ์เปิดเผยว่า เรื่องการสอบสวนทางอาญา ในส่วนของกรมสอบสวนคดีพิเศษดำเนินการ ซึ่งล่าสุดตนได้รับรายงานว่าคณะพนักงานสืบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ ได้มีการสรุปสำนวนการสืบสวนนำส่งให้แก่ ป.ป.ช.เมื่อวันที่ 15 ธ.ค.เรียบร้อยแล้ว หลังจากนี้ ป.ป.ช.จะดำเนินการตรวจสอบรายละเอียดข้อมูลที่ดีเอสไอทำการสอบสวนมา ไม่ว่าจะเป็นการสอบสวนปากคำพยาน พฤติการณ์ที่บ่งชี้ว่าใครมีส่วนเกี่ยวข้องอีกบ้าง และพยานหลักฐานเส้นทางการเงิน เพื่อที่ ป.ป.ช.จะได้รับไปดำเนินการสืบสวนต่อไป  และยังหมายรวมถึงผู้ที่ถูกกล่าวหารายอื่นเพิ่มเติมด้วย ในที่ประชุมยังได้หารือเรื่องการคุ้มครองพยานสำหรับผู้แจ้งเบาะแสในคดีอาญา และกฎหมายป้องกันการฟ้องปิดปาก (Anti-Slapp Law) ว่าทาง ป.ป.ช.และกระทรวงยุติธรรมจะมีความร่วมมือคุ้มครองพยานในคดีอาญากันอย่างไรบ้าง เพื่อที่ให้การบังคับใช้กฎหมายมีประสิทธิภาพต่อไป

นายพัฒนพงศ์กล่าวว่า ส่วนกรอบเวลาที่ ป.ป.ช.ต้องดำเนินการตามขั้นตอนภายหลังรับสำนวนการสืบสวนจากดีเอสไอนั้น เมื่อเราตรวจสำนวนของดีเอสไอเรียบร้อยแล้ว จะมีการเสนอไปยังคณะกรรมการ ป.ป.ช. และจึงจะมีความเห็นว่าในคดีการสืบสวนดังกล่าว ป.ป.ช.จะรับไว้ตรวจสอบไต่สวนเองหรือแจ้งข้อกล่าวหาเองหรือไม่ หรือส่งสำนวนดังกล่าวกลับหน่วยงานต้นเรื่องให้รับไปดำเนินการก็ได้ ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการ ป.ป.ช. ตามกฎหมายของ ป.ป.ช. ได้กำหนดให้พนักงานสอบสวนหรือหน่วยงานต้นเรื่อง จะต้องส่งสำนวนให้แก่ ป.ป.ช. ภายใน 30 วัน แม้ว่าตอนนี้ดีเอสไอจะมีการกล่าวหาเจ้าหน้าที่ของรัฐเพียง 2 รายมายัง ป.ป.ช. แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเราจะต้องตัดจบเท่านั้น เรายังสามารถไต่สวนเพิ่มเติมขยายผลเองได้ หากพบข้อเท็จจริงอันเป็นประจักษ์ว่ามีผู้เข้ามาเกี่ยวข้องเพิ่มเติมในการกระทำความผิดดังกล่าว ไม่ว่าบุคคลนั้นจะเป็นพลเรือนหรือเจ้าหน้าที่ของรัฐก็ตาม รวมไปถึงกรณีผู้หญิงชาวต่างชาติที่เข้าไปมีส่วนเกี่ยวข้องในสถานที่เกิดเหตุ เมื่อพบการกระทำความผิด ป.ป.ช.ก็จะต้องแจ้งดำเนินคดีเป็นผู้ต้องหาเช่นเดียวกัน

"ถ้าหากบุคคลใดก็ตามตัวการ ผู้ใช้ ผู้สนับสนุนให้เจ้าหน้าที่รัฐกระทำความผิด เราก็จะแจ้งข้อกล่าวหาดำเนินคดีเช่นเดียวกัน ภายหลังเสร็จสิ้นกระบวนการไต่สวนของ ป.ป.ช. ระยะเวลา 30 วันแล้วนั้น ตามขั้นตอนเราต้องสรุปสำนวนการไต่สวนไปยังอัยการสูงสุด เพื่อส่งฟ้องต่อศาลอาญาคดีทุจริตและประพฤติมิชอบกลางต่อไป".

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ป.ป.ช. ขยายผล 'กลุ่มคนนอก' คดีคุกวีไอพีจีนเทา ยันไม่จบแค่ ผบ.เรือนจำ-เลขาฯ

ผู้ช่วยเลขา ป.ป.ช. ยืนยันพร้อมตรวจสอบ-ขยายผล "กลุ่มคนนอก" ในคดีคุกวีไอพีจีนเทา มีพฤติการณ์สนับสนุนเจ้าหน้าที่รัฐกระทำผิดหรือไม่ หลัง "ดีเอสไอ" สรุปสำนวนสืบสวนส่ง ป.ป.ช. เชือดก่อน 2 ราย อดีต ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ - เลขา ผบ.เรือนจำพิเศษกรุงเทพฯ ระบุ อำนาจของ ป.ป.ช.

ดีเอสไอ สรุปสำนวนคดีคุกวีไอพีจีนเทา ส่ง ป.ป.ช. เชือด ’ผบ.เรือนจำ’ ม.157 - ค้าประเวณี 

จากกรณีเมื่อวันที่ 24 พ.ย. เจ้าหน้าที่สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เจ้าหน้าที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ กองคดีความมั่นคง คณะกรรมการตรวจสอบข้