ผู้อพยพกลับบ้านวัดใจเขมร

กองทัพภาคที่ 2 แจ้งประชาชนตามแนวชายแดนไทย-เขมร กลับบ้านได้แล้ว ขอให้ใช้ความระมัดระวังและคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ "อนุทิน" บินไปบุรีรัมย์ ส่งผู้อพยพกลับบ้าน สั่งตรวจสอบข่าวเครื่องบินเบลารุสลงจอดพนมเปญ "บิ๊กเล็ก" เผย “หยุดยิงแบบมีเงื่อนไข” ทดสอบความจริงใจ ไม่ใช่ถอยหรือยอมแพ้ รองโฆษกกองทัพบกระบุไม่อนุญาตให้ชาวเขมรกลับเข้าบ้านหนองจาน

เมื่อวันที่ 28 ธันวาคม 2568 กองทัพภาคที่ 2  แจ้งประชาชนทางเพจของกองทัพภาคที่ 2 ว่า  "ประกาศสถานการณ์" จากเหตุการณ์การสู้รบที่ผ่านมา ขณะนี้สถานการณ์ได้คลี่คลายลงแล้ว กองทัพภาคที่ 2 แจ้งพี่น้องประชาชนสามารถเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนา และที่พักอาศัยได้ตามปกติ  โดยขอให้ใช้ความระมัดระวัง และคำนึงถึงความปลอดภัยเป็นสำคัญ

ทั้งนี้ กองทัพภาคที่ 2 ยังคงปฏิบัติภารกิจด้วยความมุ่งมั่นและเต็มกำลัง ในการปกป้องอธิปไตยของชาติ รวมถึงดูแลรักษาความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของพี่น้องประชาชนอย่างต่อเนื่องและไม่หยุดยั้ง

นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เดินทางไปจังหวัดบุรีรัมย์ เพื่อดูแลประชาชนที่อพยพในจังหวัดบุรีรัมย์ ในการทยอยเดินทางกลับบ้าน

ผู้สื่อข่าวถามว่า ประชาชนสามารถบ้านได้ 100% แล้วหรือไม่ นายกฯ ตอบว่า น่าจะโอเคแล้ว ซึ่งการปะทะรอบที่แล้วมีการอนุมัติเงินช่วยเหลือเยียวยาให้กับประชาชนที่ต้องอพยพในศูนย์พักพิง  หลังจากนี้ก็จะดำเนินการตามกฎหมาย เพราะมีรูปแบบที่ดำเนินการอยู่แล้ว

เมื่อถามว่า ส่วนจะเชื่อใจกัมพูชาได้หรือไม่  เพราะขณะนี้มีกระแสข่าวกรณีเครื่องบินขนส่งอาวุธจากประเทศเบลารุสบินอ้อมไทย และไปลงจอดที่กรุงพนมเปญ นายอนุทินกล่าวว่า ข่าวแบบนี้ยังเชื่อถือไม่ได้ ฝ่ายความมั่นคงและฝ่ายกองทัพมีการข่าวและการตรวจสอบอยู่แล้ว ถ้าหากเป็นข้อเท็จจริงหรือมีความเสี่ยงต้องมีการรายงานมา

ซักว่า มีคนเป็นห่วงว่าช่วงหยุดยิงกัมพูชาจะมีการเติมอาวุธและเติมกำลัง นายอนุทินบอกว่า เรามีกฎของการปะทะอยู่แล้ว และกัมพูชาเป็นฝ่ายที่เรียกร้องให้มีการเจรจาหยุดยิง ซึ่งฝ่ายกัมพูชาก็ให้ความร่วมมือ และมาประชุม 3 วัน โดยในเนื้อหาของ Joint Statement มีความชัดเจนว่าทั้งสองฝ่ายจะไม่ละเมิดกันและกันอีก ซึ่งก็หวังว่าครั้งนี้ทางฝ่ายกัมพูชาจะรักษาสัญญา นอกจากนี้รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศของจีน เชิญรัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของทั้งไทยและกัมพูชา ไปประชุมที่นครคุนหมิง เพราะจีนก็หวังให้เกิดสันติภาพภายในพื้นที่ ก็คงจะต้องมีการตอกย้ำและพูดคุยกัน พร้อมย้ำว่าทุกอย่างนั้นมีรายละเอียดชัดอยู่ใน Joint Statement

ด้าน พล.อ.ณัฐพล นาคพาณิชย์ รมว.กลาโหม ย้ำว่า การหยุดยิงครั้งนี้ไม่ใช่การยอมจำนน แต่เป็นการตัดสินใจเชิงยุทธศาสตร์เพื่อพิสูจน์ความจริงใจของอีกฝ่าย ไทยเห็นชอบการหยุดยิงแบบมีเงื่อนไข เพื่อทดสอบว่าอีกฝ่ายสามารถยุติการใช้อาวุธและการคุกคามได้จริงหรือไม่  ความสงบต้องวัดจากพฤติกรรมที่เกิดขึ้นในพื้นที่จริง ไม่ใช่จากคำประกาศหรือถ้อยแถลงฝ่ายเดียว

ไม่กระทบต่อศักดิ์ศรี

"หากการหยุดยิงไม่เกิดขึ้นจริง หรือมีการละเมิดข้อตกลง ไทยยังคงมีสิทธิชอบธรรมตามกฎหมายระหว่างประเทศในการป้องกันตนเอง โดยการใช้กำลังจะอยู่ภายใต้หลักความจำเป็น ความได้สัดส่วน และการคุ้มครองประชาชนเป็นสำคัญ"

สำหรับประชาชนในพื้นที่ชายแดน การกลับเข้าที่อยู่อาศัยจะเกิดขึ้นได้เมื่อการหยุดยิงดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง สถานการณ์สงบ และได้รับการยืนยันด้านความปลอดภัยจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง  โดยรัฐจะดูแลและสนับสนุนการกลับเข้าพื้นที่อย่างรอบคอบเป็นขั้นตอน

ด้านมาตรการด้านมนุษยธรรม ทั้งสองฝ่ายเห็นพ้องให้มีการเก็บกู้ทุ่นระเบิดผ่านกลไกความร่วมมือร่วม (JCTF) เพื่อให้พื้นที่มีความปลอดภัยก่อนจะเข้าสู่กระบวนการสำรวจและจัดทำหลักเขตแดนในอนาคต โดยย้ำว่าต้องดำเนินการอย่างเป็นระบบ โปร่งใส และปลอดภัย

การติดตามและตรวจสอบการหยุดยิงจะมีกลไกหลายระดับ ทั้งผู้สังเกตการณ์ในระดับภูมิภาค เช่น อาเซียน และกลไกระดับพื้นที่อย่างสำนักงานประสานงานชายแดนไทย-กัมพูชา เพื่อยืนยันข้อเท็จจริงและลดความเข้าใจผิดที่อาจนำไปสู่ความตึงเครียดซ้ำ

รมว.กลาโหมยืนยันว่า การหยุดยิงครั้งนี้ไม่กระทบต่อศักดิ์ศรีหรืออธิปไตยของไทย ทุกการตัดสินใจยึดความปลอดภัยของประชาชนและศักดิ์ศรีของชาติเป็นหลักสูงสุด

ที่ศูนย์อำนวยการร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา พล.อ.อ.ประภาส สอนใจดี ผู้อำนวยการศูนย์แถลงข่าวร่วมสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชา กล่าวว่า การหยุดยิงครั้งนี้เป็นทางเลือกเชิงยุทธศาสตร์ เพื่อรักษาชีวิตประชาชน คงความชอบธรรมในสายตานานาชาติ และเปิดพื้นที่ให้การทูตเดินหน้า ขณะที่ความพร้อมทางทหารของไทยยังคงอยู่ครบถ้วน เป้าหมายหลักของการปฏิบัติการคือการปกป้องอธิปไตย ลดภัยคุกคาม และคุ้มครองประชาชน ซึ่งที่ผ่านมาไทยสามารถควบคุมพื้นที่สำคัญได้แล้ว การหยุดยิงจึงไม่ใช่การยุติการป้องกันประเทศ แต่เป็นการลดการปะทะเพื่อประเมินผลและกำหนดก้าวถัดไปอย่างรอบคอบ

ห้ามคนเขมรเข้าหนองจาน

ประชาชนสามารถทยอยกลับเข้าพื้นที่และเริ่มต้นทำมาหากินได้ตามขั้นตอน โดยต้องผ่านการประเมินความปลอดภัยเป็นจุดต่อจุด เช่น การตรวจสอบทุ่นระเบิด วัตถุระเบิดตกค้าง และความเสี่ยงจากการปะทะซ้ำ ขณะเดียวกันทางการได้เพิ่มมาตรการคุ้มครองทรัพย์สิน ตั้งจุดตรวจ และเปิดช่องทางร้องเรียน พร้อมมาตรการเยียวยาตามกฎหมาย

ในเชิงการเมือง รัฐบาลย้ำว่าการตัดสินใจทั้งหมดเป็นการทำงานร่วมกันของรัฐบาลและกองทัพ ภายใต้เป้าหมายเดียวกันคือความปลอดภัยของประชาชนและการรักษาอธิปไตย ยืนยันไม่มีข้อตกลงลับหรือเงื่อนไขแฝงที่กระทบต่ออธิปไตย  พร้อมชี้แจงต่อสาธารณะอย่างต่อเนื่องเท่าที่ไม่กระทบความมั่นคง และรัฐบาลพร้อมรับผิดชอบทางนโยบายตามระบบ หากเกิดผลกระทบจะมีการประเมินและปรับมาตรการเป็นระยะ

ขณะที่ พ.อ.ริชฌา สุขสุวานนท์ รองโฆษกกองทัพบก เปิดเผยว่า กองทัพบกได้ติดตามสถานการณ์บริเวณชายแดนไทย-กัมพูชาอย่างใกล้ชิด โดยตั้งแต่ช่วงเที่ยงของวานนี้ ฝ่ายไทยได้ปฏิบัติตามข้อตกลงหยุดยิงอย่างเคร่งครัด โดยไม่ประมาท และเฝ้าติดตามสถานการณ์ในทุกจุดตลอดแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งในขณะนี้ยังไม่มีรายงานการละเมิดข้อตกลงหยุดยิงแต่อย่างใด

ทั้งนี้ จากกระแสข่าวในโซเชียลมีเดีย ที่ตั้งข้อสังเกตถึงข้อที่ 4 ของแถลงการณ์ร่วมฯ ที่อนุญาตให้ประชาชนทั้งสองฝ่ายสามารถเดินทางกลับบ้านเรือนได้นั้น และประชาชนฝ่ายกัมพูชาที่เคยอาศัยในพื้นที่บ้านหนองจาน ต้องการเดินทางกลับเข้ามาในพื้นที่ที่ไทยควบคุมนั้น ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากแถลงการณ์ได้ระบุอย่างชัดเจนว่า การเดินทางกลับเข้าที่พักอาศัยของประชาชนทั้งสองฝ่าย  จะต้องอยู่ในพื้นที่ปัจจุบันของแต่ละประเทศ ซึ่งจะเชื่อมโยงกับข้อ 2 ของแถลงการณ์ ว่าพื้นที่ปัจจุบัน คือพื้นที่ที่ทหารวางกำลังไว้ ดังนั้น ในพื้นที่ที่ฝ่ายไทยได้ควบคุมไว้แล้ว ก็ถือว่าเป็นเขตแดนของไทย  ชาวกัมพูชาจึงไม่สามารถเดินทางกลับเข้ามายังพื้นที่ดังกล่าวได้อีก

ศูนย์พักพิงยังเปิดปกติ

ส่วนการเดินทางกลับเข้าที่พักอาศัยของประชาชนไทย นายชัยรัตน์ แก้วเพียงเพ็ญ รองอธิบดีกรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กล่าวว่า  ขณะนี้มีรายงานว่าจำนวนประชาชนที่พักอาศัยอยู่ในศูนย์พักพิงน้อยลง ขณะที่หน่วยงานราชการยังไม่มีคำสั่งให้ประชาชนเดินทางกลับที่พักอาศัยได้ เนื่องจากจะต้องมีการวางแผนอย่างรอบคอบ โดยคำนึงถึงความปลอดภัยสูงสุด ยืนยันว่าขณะนี้ศูนย์พักพิงยังคงเปิดให้บริการตามปกติ และมีการดูแลประชาชนเช่นเดิม จึงขอให้ประชาชนรออีกระยะหนึ่ง เพื่อให้การเดินทางกลับบ้านเป็นไปอย่างปลอดภัย และจะมีมาตรการเยียวยาตามมา พร้อมกันนี้ ภายหลังที่เดินทางกลับถึงที่พักอาศัย ขอให้ประชาชนสำรวจที่พักอาศัย บ้านเรือน และพื้นที่การเกษตร หากพบความผิดปกติหรือความเสียหาย ให้แจ้งหน่วยงานในพื้นที่โดยทันที เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนอย่างปลอดภัย

พล.ร.ต.ปารัช รัตนไชยพันธ์ โฆษกกองทัพเรือ เปิดเผยว่า สถานการณ์ในพื้นที่จังหวัดจันทบุรีและจังหวัดตราด มีแนวโน้มคลี่คลายไปในทิศทางที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง

กองบัญชาการป้องกันชายแดนจันทบุรีและตราด (กปช.จต.) ได้ร่วมกับทางฝ่ายปกครอง ประเมินสถานการณ์ด้านความมั่นคงและความปลอดภัยในพื้นที่อย่างรอบด้าน และพิจารณาอนุญาตให้ประชาชนสามารถเดินทางกลับสู่ภูมิลำเนาเพื่อบรรเทาความเดือดร้อนของประชาชน โดย กปช.จต.ยังคงมีการติดตามและเฝ้าระวังสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อให้เกิดความปลอดภัยสูงสุดแก่ประชาชนในพื้นที่

ทั้งนี้ กองทัพเรือจะยังคงปฏิบัติหน้าที่ในการดูแลความสงบเรียบร้อยอย่างเต็มกำลัง เพื่อรักษาเสถียรภาพและความมั่นคงตามแนวชายแดนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในช่วงเฝ้าระวัง 72 ชั่วโมงภายหลังการหยุดยิง.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

หยุดยิงเขมรกระอัก ลงนาม16ข้อยึดตรงไหน‘ทหารไทย’ปักหลักตรงนั้น!

ไทย-เขมรเห็นพ้องหยุดยิงทันทีเที่ยงวัน 27 ธ.ค. ยึดปฏิญญากัวลาลัมเปอร์ เปิดแถลงการณ์ร่วมยาวเหยียด 16 ข้อ เขมรกระอักเลือด พื้นที่ไทยยึดได้ยึดเลย การวางกำลังทหารในปัจจุบันโดยไม่มีการเคลื่อนย้ายเพิ่มเติม

‘เท้ง’กลัวไม่ได้ตั้งรัฐบาล

กกต.เผยรับสมัคร สส.ทั้ง 400 เขตเรียบร้อยดี เตรียมรับสมัคร สส.บัญชีรายชื่อวันอาทิตย์นี้ เตือนประชาชนโพสต์ข้อความผิด กม.เลือกตั้ง เจอคุก 10 ปี