พรรคเราก็มีเทา! ผู้สมัครโดนคดีฟอกเงิน ‘อนุทิน’หยอก‘กลืนส้ม’

โป๊ะแตก! เรามีเทาอยู่ในพรรค ผู้สมัคร สส.กทม.เขตบางพลัด "พรรคส้ม" ถูก ตร.รวบตัวข้อหาฟอกเงินคดียาเสพติด แก๊งโปลิตบูโรเรียงหน้าแก้ตัว "หัวหน้าเท้ง" ประกาศขอโทษอีกครั้ง อ้างเป็นเหตุสุดวิสัย หมายจับออกหลังคัดตัว ยันไม่กระทบแคมเปญหาเสียง "มีเราไม่มีเทา" ขณะที่ "พิจารณ์" ก็ขอโทษอีกครั้ง รัดกุมแล้วแต่ยังผิดพลาด "เท่าพิภพ" กลับคำเข้าเสียบแทน ดุเดือด! "ก้อง- พงศ์พันธ์" อดีต สส.แฉยับเอาคนหักหลังมาสมัคร สส. ส่วน "อนุทิน" ปล่อยมุกกินส้ม

หลังมีข่าวแพร่สะพัดเมื่อช่วงเช้าวันที่ 29 ธันวาคม 2568 ว่าพรรคประชาชนซึ่งใช้สโลแกนหาเสียงในครั้งนี้ว่า "มีเราไม่มีเทา" ต้องเปลี่ยนตัวผู้สมัคร สส.กทม.เขตบางพลัด-บางกอกน้อยกะทันหัน เนื่องจากนายบุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ ผู้สมัครของพรรค ถูกตำรวจเข้าจับกุมข้อหาฟอกเงินคดียาเสพติด 

โดยนายพิจารณ์ เชาวพัฒนวงศ์ กรรมการบริหารพรรคประชาชน (ปชน.) ในฐานะผู้รับผิดชอบแคมเปญเลือกตั้งกรุงเทพฯ แถลงข่าวด่วน ระบุว่าเมื่อช่วง 07.00 น.ที่ผ่านมา ได้โทรศัพท์ไปสอบถามตารางการหาเสียงช่วงปีใหม่ของนายบุญฤทธิ์ เรารุ่งโรจน์ ผู้สมัคร สส.เขตบางพลัด-บางกอกน้อย จึงได้ทราบว่านายบุญฤทธิ์ถูกออกหมายจับ เนื่องจากมีชื่อในบริษัทที่เชื่อมโยงกับการฟอกเงิน

 “ผมต้องกราบขอโทษพี่น้องประชาชนอย่างสูง โดยเฉพาะชาวบางพลัดและบางกอกน้อย พรรคได้ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมของผู้สมัครทุกคนอย่างละเอียด แต่ในกรณีของบุญฤทธิ์ไม่มีการออกหมายเรียก ออกมาเป็นหมายจับเลยในวันที่ 17 ธันวาคมที่ผ่านมา ซึ่งเป็นช่วงเวลาที่พรรคได้ตรวจประวัติผู้สมัครทุกคนเสร็จสิ้นไปแล้ว พรรคจึงไม่ทราบเรื่อง มาทราบเมื่อเช้าตอนที่ตำรวจได้เข้าตรวจค้นบ้านพักของผู้สมัครแล้ว"

เขากล่าวว่า ทันทีที่ทราบเรื่องพรรคได้ดำเนินการแจ้งผู้สมัคร และแถลงต่อประชาชนว่าเกิดเหตุการณ์นี้ขึ้น เรายืนยันว่าไม่มีการปกปิดหรือปกป้องใครทั้งสิ้น พรรคจะต้องเปลี่ยนตัวผู้สมัครใหม่ ซึ่งสามารถทำกระบวนการได้ทันก่อนหมดเขตรับสมัครในวันที่ 31 ธ.ค.นี้ ส่วนในคดีของนายบุญฤทธิ์ เจ้าตัวต้องเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเพื่อพิสูจน์ตัวเองตามสิทธิ์ ซึ่งพรรคจะไม่เข้าไปยุ่งเกี่ยว พรรคประชาชนยืนยันเรื่องมีส้มไม่มีเทา ไม่มีการปกป้องใครแม้เป็นผู้สมัครของตัวเอง โดยนายพิจารณ์ยืนยันว่า การที่ตำรวจออกหมายจับก็แสดงว่ามีพยานหลักฐานหนักแน่นพอสมควร ก็ต้องให้กระบวนการยุติธรรมทำงานไปตามปกติ

"อยากฝากไปถึงพี่น้องประชาชนทุกท่าน ว่าพรรคประชาชนพยายามออกแบบกระบวนการคัดสรรผู้สมัครให้รัดกุมมากขึ้นทุกการเลือกตั้ง เพื่อให้ได้ผู้สมัครที่ดีที่สุด แต่ก็ยังมีข้อผิดพลาด ต้องขอโทษประชาชนอีกครั้งที่ทำให้ท่านผิดหวัง แต่มีส้มไม่มีเทาไม่ใช่แค่สโลแกนหาเสียง เราพิสูจน์ด้วยการกระทำว่าเราไม่อ่อนข้อต่อทุนเทา การทุจริต คอร์รัปชันใดๆ" นายพิจารณ์กล่าว

เป็นเหตุสุดวิสัย

ด้านนายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ หัวหน้าพรรคประชาชน กล่าวว่า กรณีนี้ถือเป็นตัวอย่างว่าเมื่อเราตรวจสอบเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น เราเห็นการกระทำความผิด ที่ถึงแม้ในทางกฎหมายจะยังไม่เป็นที่สิ้นสุด แต่เราดำเนินการทันที เพราะเรายึดมั่นในหลักที่ว่าผู้ที่จะมาดำรงตำแหน่งทางการเมือง มาตรฐานความรับผิดชอบต้องสูงกว่ามาตรฐานทางกฎหมาย

 “คนที่เป็นนักการเมืองต้องมีความรับผิดชอบกับประชาชน มากกว่าการรับผิดชอบโดยอ้างเรื่องกระบวนการทางกฎหมายยังไม่ถึงที่สิ้นสุดอย่างเดียวเท่านั้น ต้องแสดงความเสียใจและขอแสดงความขอโทษต่อพ่อแม่พี่น้องประชาชนทุกคนอีกครั้ง พวกเราเองทำทุกอย่างอย่างเต็มที่ พัฒนากระบวนการคัดสรรผู้สมัครดีขึ้นแล้ว เราจะเห็นว่าสิ่งที่เกิดขึ้นส่วนหนึ่งเป็นเหตุสุดวิสัย"

หัวหน้าพรรคประชาชนกล่าวว่า มีหมายจับออกวันที่ 17 ธ.ค. และมีการจับกุมเมื่อคืนวันที่ 28 ธ.ค.ที่ผ่านมา  ซึ่งก่อนหน้านี้เราได้ตรวจสอบประวัติอาชญากรรมแล้ว แต่หมายจับออกวันที่ 17 ธ.ค. ทำให้ไม่พบประวัติในระบบ และเรามีการเปิดรับฟังความคิดเห็นประชาชนมานานแล้ว  ข้อมูลในการรับฟังความคิดเห็นประชาชนที่ส่งเข้ามาในพรรค ไม่มีประเด็นที่เกี่ยวข้องตามหมายจับ เช่น การฟอกเงิน

ส่วนเหตุการณ์นี้จะกระทบกับแคมเปญหลัก เช่น กาส้มล้มเทา หรือมีเราไม่มีเทาหรือไม่ นายณัฐพงษ์ชี้แจงว่า  เรื่องขจัดปัญหาสีเทาออกจากประเทศ ย้ำอีกครั้งว่าเราไม่สามารถจะขจัดปัญหาความเทาหรือทุจริตคอร์รัปชันให้หมดประเทศไปภายในวันแรก แต่การที่ไม่ทนต่อปัญหาทุจริตคอร์รัปชัน การไม่ปกป้องพวกพ้องตั้งแต่วันแรก สามารถทำได้ อยากจะเรียนอีกหนึ่งครั้งว่า ไม่ได้กระทบกับแคมเปญมีส้มไม่มีเทาแต่อย่างใด

"ที่ผ่านมาเรารับฟังจริงๆ เราพยายามทำอย่างดีที่สุดแล้ว แต่เราไม่ได้ใช้มาเป็นข้ออ้าง มันเป็นเหตุสุดวิสัย เมื่อเหตุการณ์เกิดขึ้นแล้ว สิ่งที่เราทำได้ก็คือทำอย่างเต็มที่ให้ดีที่สุด"

นายณัฐพงษ์ยังกล่าวว่า อยากจะฝากสื่อมวลชนและประชาชน ช่วยกันตั้งคำถามแบบเดียวกันไปถึงผู้สมัครทุกพรรคทุกพื้นที่ ลองตั้งคำถามว่าผู้สมัครหรือตัวแทนที่แต่ละพรรคได้นำเสนอ ใครเคยมีประวัติอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องมาก่อนบ้างหรือไม่ ถ้ามีถึงแม้คดียังไม่ถึงที่สิ้นสุดจริงๆ ทำไมคุณถึงส่งต่อ

'เท่าพิภพ' เสียบ

"ผมยืนยันอีกครั้งว่า มาตรฐานการเป็นผู้แทนประชาชน ความรับผิดชอบทางการเมืองต้องสูงกว่าความรับผิดชอบทางกฎหมาย พรรคประชาชนก็ได้แสดงออกไปแล้วว่าแม้คดียังไม่ถึงที่สิ้นสุด เราก็ถอดออกจากการเป็นผู้สมัคร” ณัฐพงษ์กล่าว

ขณะที่นายเท่าพิภพ ลิ้มจิตรกร อดีต สส.กทม.พรรคประชาชน โพสต์ข้อความอาสากลับเข้าสู่สนามเลือกตั้งอีกครั้งในนามพรรคประชาชน โดยเขาระบุว่า ภารกิจฟื้นความเชื่อมั่นที่ประชาชนมีต่อพรรคสำคัญที่สุด ตนพร้อมกลับมารับใช้คนกรุงเทพฯ

"วันนี้วันที่ 29 ธันวาคมแล้ว เหลือเวลาอีกแค่ 48 ชั่วโมงก่อนจะหมดเขตรับสมัครผู้สมัคร สส. ปัญหาใหญ่ตอนนี้คือ พรรคประชาชนจะหาใครที่พี่น้องประชาชนเชื่อใจ ที่พรรคเชื่อใจ ว่าเป็นคนที่มี DNA เดียวกับพรรค มีเจตจำนงทางการเมืองแบบอนาคตใหม่ ในเวลาเพียง 2 วัน?

และหากหาไม่ได้ แปลว่าพี่น้องเขตบางพลัด-บางกอกน้อย จะไม่มีผู้สมัครพรรคประชาชนให้เขาเลือก ในวันอาทิตย์ที่ 8 กุมภาพันธ์ ที่กำลังจะมาถึง

ในเวลาวิกฤตเช่นนี้ ผมขออาสากลับมาทำงานรับใช้พี่น้องชาวกรุงเทพฯ อีกครั้งในฐานะผู้สมัคร สส.พรรคประชาชน แม้ผมจะประกาศไปแล้วว่าผมขอวางมือจากงานการเมือง แต่วันนี้สถานการณ์คับขัน ผมยอมกลับคำพูด เพื่อให้พรรคได้มีผู้สมัครที่ประชาชนพอจะไว้วางใจได้ลงแข่งขันในสนามเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง"

'ผมไม่เคยหักหลังใคร'

ขณะที่นายพงศ์พันธ์ ยอดเมืองเจริญ อดีต สส.เขตบางพลัด พรรคประชาชน ซึ่งไม่ผ่านการคัดตัวโพสต์ข้อความว่า "ผู้สมัคร สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน เขต 33  เป็นอดีตลูกน้องเก่าและอดีตผู้ช่วยผมครับ ทำงานการเมืองร่วมกันมาตั้งแต่ปี 2554 แต่หลังจากที่ผมได้รับการเลือกตั้งเป็น สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร กรุงเทพมหานคร เขต 33 ผมได้แต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้ช่วย แต่ต่อมาทางนั้นได้มาแจ้งว่าขอลาออก ได้บอกกำหนดเวลาลาออกมาล่วงหน้า ทางผมก็ยอมรับการตัดสินใจซึ่งเป็นการตัดสินใจส่วนตัวของทางนั้น แต่ทางทีมบางพลัดซึ่งเป็นผู้ช่วยผมในตำแหน่ง ผมยังให้ตำแหน่งไว้อยู่ เพราะเป็นข้อตกลงที่ทำการเมืองร่วมกันมา ถึงแม้ทางทีมบางพลัดจะโจมตีผมทุกทาง แต่ผมก็สำนึกบุญคุณในการช่วยเหลือกันมาทางด้านการเมือง ก่อนที่จะยุบสภาได้สองเดือน มีการต่ออายุผู้ช่วย ก็ไม่ได้รับการติดต่อมาจากทางทีมบางพลัด และได้มีการโจมตีผมต่อเนื่องเรื่อยมา   

 จนเมื่อได้มีการเปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.กรุงเทพฯ พรรคประชาชน เขต 33 ผมถึงเห็นว่าเป็นลูกน้องเก่าของผมที่ลาออกไป ผมก็ยังให้ความเคารพกับพรรคประชาชนในการตัดสินใจ"

"ผม ก้อง พงศ์พันธ์ ยอดเมืองเจริญ  ผมยังมีความตั้งใจทำการเมืองเพื่อที่จะช่วยปัญหาพี่น้องประชาชน ตั้งแต่ปี 2554 จนถึงปัจจุบัน ความตั้งใจนี้ก็ยังคงจุดมุ่งหมายเดิมครับ ขอขอบพระคุณทีมบางกอกน้อย ครอบครัว ผู้ที่รักและหวังดี และรู้จักผมเป็นอย่างดีทุกท่าน"

"ผมไม่เคยหักหลังใคร เป็นหลักที่นักการเมืองควรมีอยู่ในสายเลือด เพราะเราจะต้องทำงานให้กับประชาชน เราไม่หักหลังประชาชน  ถ้าคนที่หักหลังมาเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และทำเพื่อประโยชน์ของตนเอง  จิตใต้สำนึกก็จะสามารถหักหลังประชาชนได้ตลอดเวลา" นายพงศ์พันธ์ระบุ

ว่าที่ ร.ต.สัมพันธ์ แสงคำเลิศ คณะกรรมการการเลือกตั้งประจำกรุงเทพมหานคร (ผอ.กกต.กทม.) เปิดเผยว่า การขอเปลี่ยนแปลงตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง หรือขอถอนตัวผู้สมัครรับเลือกตั้ง ที่ได้ยื่นใบสมัครเรียบร้อยแล้ว จะสามารถเปลี่ยนแปลงได้แต่ต้องเข้าองค์ประกอบ 3 อย่างคือ ตาย ขาดคุณสมบัติ และมีลักษณะต้องห้าม

'บุญฤทธิ์' ลาออกจากพรรคส้ม

กรณีจากข่าวที่เกิดขึ้นจะต้องพิจารณาว่า ผู้สมัครดังกล่าวเข้าข่ายมีลักษณะต้องห้ามแล้วหรือไม่ ซึ่งการมีลักษณะต้องห้ามจะต้องมีคำพิพากษาของศาลจนถึงที่สุดให้มีโทษจำคุก ในกรณีดังกล่าวทราบว่ายังไม่เข้าลักษณะเงื่อนไข ขณะนี้ผู้สมัครรายดังกล่าวยังไม่เข้าข่ายขาดคุณสมบัติ เพราะไม่ได้เป็นความผิดตามกฎหมายเลือกตั้ง  แต่หากได้มีการยื่นใบลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรค พรรคการเมืองต้นสังกัดก็สามารถส่งผู้สมัครคนใหม่มาเปลี่ยนแทนได้ และการเปลี่ยนแปลงนี้จะต้องมีหนังสือรับรองจากพรรค ว่าบุคคลที่จะมาแทนที่มีคุณสมบัติและไม่มีลักษณะต้องห้าม

ผอ.กกต.กทม. กล่าวย้ำว่า หากผู้สมัครรายดังกล่าวลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคจริง พรรคต้นสังกัดจะต้องทำไพรมารีโหวตผ่านตัวแทนพรรคประจำจังหวัดคัดเลือกผู้สมัครคนใหม่ เมื่อทำเสร็จแล้วพรรคจะต้องยื่นสมัครต่อผู้อำนวยการประจำเขตเลือกตั้ง ตามระเบียบ กกต. วันที่ 31 ธ.ค.นี้ ก่อนเวลา 16.30 น. ผู้อำนวยการประจำเขตเลือกตั้งจึงจะดำเนินการถอนรายชื่อและเปลี่ยนแปลงรายชื่อ ก่อนที่จะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบคุณสมบัติเช่นเดียวกับผู้สมัครคนอื่นๆ ว่าเป็นผู้มีคุณสมบัติที่จะสมัครรับเลือกตั้งได้หรือไม่ อย่างไรก็ตามหากผู้สมัครรายเดิมไม่ยื่นลาออกก็ยังคงเป็นผู้สมัคร เพราะยังไม่เข้าเงื่อนไขลักษณะต้องห้าม

รายงานข่าวจากพรรคประชาชน ล่าสุด เปิดเผยว่านายบุญฤทธิ์ได้ยื่นหนังสือลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาชนต่อนายทะเบียนพรรคประชาชนแล้ว

วันเดียวกันนี้ นายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย เดินทางไปร่วมพิธีปิดทองฐานฉัตร 9 ชั้น และยอดฉัตร ณ พระบรมราชานุสาวรีย์ พระบาทสมเด็จพระพุทธยอดฟ้าจุฬาโลกมหาราช  ที่บริเวณพระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 1 ต.อิสาณ อ.เมืองบุรีรัมย์ 

'อนุทิน' ปล่อยมุกกินส้ม

วันเดียวกันนี้ นายอนุทินและคณะฯ ได้ร่วมกันยกยอดฉัตร และร่วมปิดทองพานพุ่ม ก่อนที่จะปิดทองคำเปลวบริเวณโคนต้นยอดฉัตร 9 ชั้น ทั้ง 364 ต้น ที่ตั้งอยู่รอบองค์พระบรมราชานุสาวรีย์รัชกาลที่ 1 เพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลตามประเพณีความเชื่อด้วย ซึ่งนายอนุทินได้เลือกปิดทองคำเปลวที่บริเวณฉัตรต้นที่ 37 พร้อมกับสวดมนต์บท "มงคลจักรวาฬน้อย" คลอตามระหว่างปิดทองคำเปลว  และยังได้นำทองคำเปลวมาปิดที่บริเวณหมายเลข 37 ด้วย

ทั้งนี้ หลังจากที่นายอนุทินได้ปิดทองคำเปลวที่บริเวณฉัตรต้นที่ 37 เสร็จแล้ว นายเนวินได้ลาส้มจากการเส้นไหว้จำนวน 1 ลูก หยิบมาให้นายอนุทิน ก่อนจะบอกว่ากินส้มจะได้หวานและกล้วยๆ ซึ่งผู้สื่อข่าวพยายามสอบถามถึงเหตุผลที่นายอนุทินเลือกปิดทองคำเปลวที่ฉัตรต้นที่ 37 ว่าเสาต้นนี้มีอะไรเป็นพิเศษ นายอนุทินได้กล่าวกับผู้สื่อข่าวว่า “สัพพะพุทธา สัพพะธรรมา สัพพะสังฆา นุภาเวนะ สะทา โสตถี ภะวันตุ เม”

จากนั้นนายอนุทินได้แกะส้มเพื่อรับประทาน ผู้สื่อข่าวถามว่า ทานส้มโชว์แบบนี้มีนัยอะไรเป็นพิเศษหรือไม่  นายอนุทินบอกว่า “โอ๊ยอย่าไปคิดอะไรมาก เพิ่งนึกออกเนี่ยหมายความว่าอะไร ก่อนรับประทานส้ม ผู้สื่อข่าวยังถามด้วยว่า ส้มมีเม็ดไหม กลัวเม็ดติดคอไหม นายอนุทิน จึงยื่นเม็ดส้มให้ผู้สื่อข่าว ระหว่างนั้นนายเนวินได้เข้ามาสอบถามนายอนุทินว่าส้มหวานหรือป่าว นายอนุทิน ตอบว่าหวานครับ

ผู้สื่อข่าวจึงถามว่า ส้มเม็ดเยอะหรือไม่ นายอนุทิน ตอบว่า "นั่นแน่ถามแบบนี้ ไม่ได้หวังดีแน่นอน" ผู้สื่อข่าวจึงบอกว่า กลัวนายกฯ ติดคอ นายอนุทินจึงตอบกลับว่า กลืนเข้าไปก็ย่อยสลายหมด ขณะที่ผู้สื่อข่าวได้สอบถามนายเนวินว่า เบอร์ 37 เด็ดอย่างไร นายเนวินกล่าวว่า “เด็ดตรงชาวบ้านเลือกนี่แหละ”

ขณะที่ กกต.สรุปตัวเลขผู้ลงทะเบียนขอใช้สิทธิออกเสียงลงคะแนนก่อนวันเลือกตั้ง หรือเลือกต้องล่วงหน้าในเขตเลือกตั้ง นอกเขตเลือกตั้งและนอกราชอาณาจักร เป็นวันที่ 9 รวมมีผู้ขอลงทะเบียนแล้ว 688,951 คน โดยเป็นการลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้าในเขตเลือกตั้งจำนวน 2,460 คน ผู้ขอลงทะเบียนขอใช้สิทธิเลือกตั้งล่วงหน้านอกเขต 629,595 คน และลงทะเบียนขอใช้สิทธินอกราชอาณาจักร 56,896 คน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง