"แบงก์ชาติ" เคาะจีดีพีปี 68 โตแน่ 2.2% ชี้เศรษฐกิจเดือน พ.ย.ยังขยายตัว อานิสงส์ส่งออก-รายรับภาคท่องเที่ยวฟื้น ผนึก ปปง.ตั้งคณะทำงานสอบธุรกรรมทองคำ หลังราคาพุ่งกดดันบาทแข็งค่า ปิดช่องว่างไม่ให้ใช้เป็นเครื่องมือทำผิดกฎหมาย
เมื่อวันที่ 30 ธันวาคม น.ส.ชญาวดี ชัยอนันต์ ผู้ช่วยผู้ว่าการ สายองค์กรสัมพันธ์ และโฆษกธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) เปิดเผยว่า เศรษฐกิจไทยในเดือน พ.ย. ขยายตัวจากเดือนก่อน จากการส่งออกที่ขยายตัว 5.5% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และขยายตัว 2% จากเดือนก่อนหน้า ขณะที่การนำเข้าขยายตัว 17.3% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และรายรับภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง จากการใช้จ่ายของนักท่องเที่ยวกลุ่มตลาดระยะไกล ส่งผลให้กิจกรรมในภาคบริการที่เกี่ยวข้องปรับเพิ่มขึ้น ส่วนอุปสงค์ในประเทศโดยรวมขยายตัวจากการลงทุนภาคเอกชน รวมถึงรายจ่ายลงทุนของทั้งรัฐบาลกลางและรัฐวิสาหกิจ
ขณะที่การผลิตภาคอุตสาหกรรมลดลงในหลายหมวด ส่วนหนึ่งเป็นผลจากปัจจัยชั่วคราว เช่น หมวดปิโตรเลียม ตามการหยุดผลิตชั่วคราวเพื่อการปิดซ่อมบำรุงโรงกลั่น และหมวดอาหารตามการหยุดผลิตชั่วคราวจากเหตุการณ์น้ำท่วมในพื้นที่ภาคใต้ และอีกส่วนหนึ่งเป็นผลจากแนวโน้มอุปสงค์ทั้งในและต่างประเทศที่มีแนวโน้มชะลอตัว ส่วนตลาดแรงงานโดยรวมยังทรงตัว แต่ยังต้องติดตามการจ้างงานในภาคการผลิต โดยเฉพาะกลุ่มที่เผชิญการแข่งขันสูงและในภาคก่อสร้าง
สำหรับสถานการณ์อัตราแลกเปลี่ยน ในเดือน พ.ย.และ ธ.ค.2568 เงินบาทปรับแข็งค่าตามทิศทางนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่มีแนวโน้มผ่อนคลายต่อเนื่อง จากตัวเลขเศรษฐกิจและการจ้างงานที่ออกมาช่วงปลายเดือน พ.ย. และต้นเดือน ธ.ค. ซึ่งยังอ่อนแอ รวมถึงปัจจัยเฉพาะของไทย ได้แก่ กระแสเงินทุนต่างชาติไหลเข้าตลาดพันธบัตรระยะยาว รายรับนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้นในช่วงฤดูกาลท่องเที่ยว และราคาทองคำที่ปรับสูงขึ้นต่อเนื่อง
“เราจะเห็นว่าเงินบาทแข็งค่าจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ซึ่ง ธปท.ติดตามผลกระทบต่อเศรษฐกิจอย่างใกล้ชิด พยายามที่จะมีมาตรการออกมาช่วยดูแลและแก้ไข ตอนนี้จะเห็นว่า วันนี้ (30 ธ.ค.) บรรเทาลงไปได้บ้างในแง่ของค่าเงิน และปิดปีนี้น่าจะเป็นตัวเลขที่ดีขึ้นเมื่อเทียบกับช่วงที่ผ่านมา” น.ส.ชญาวดีระบุ
ด้านอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือน พ.ย. ติดลบ 0.49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยติดลบน้อยลงจากเดือนก่อนหน้าที่ ติดลบ 0.76% จากราคาผักที่สูงขึ้นจากผลของน้ำท่วม ขณะที่อัตราเงินเฟ้อพื้นฐานอยู่ที่ 0.66% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน โดยราคาค่าโดยสารสาธารณะ อาหารโทร.สั่งและของใช้ส่วนตัวปรับเพิ่มขึ้น ขณะที่ราคาเครื่องประกอบอาหารลดลง
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยยังมีแรงส่งจากกิจกรรมในภาคบริการที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น ตามภาคการท่องเที่ยวที่ฟื้นตัวต่อเนื่อง และการบริโภคภาคเอกชนที่ยังมีปัจจัยบวกมาตรการภาครัฐ เช่น โครงการคนละครึ่งพลัส ขณะที่ความเชื่อมั่นภาคธุรกิจในเดือน ธ.ค. คาดว่าทรงตัว ส่วนหนึ่งจากผลกระทบน้ำท่วมในภาคใต้ ขณะที่ธุรกิจยังเผชิญกับความท้าทายหลายด้าน ทั้งการปรับราคาสินค้าได้ยาก การแข่งขันในประเทศที่รุนแรง ต้นทุนการผลิตสูง ความต้องการในประเทศต่ำ และความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ
“ในภาพรวม ธปท.เพิ่งทบทวนประมาณการเศรษฐกิจ และหลายเรื่องได้ใส่ในการประมาณการแล้ว พบว่า ภาพรวมน่าจะเป็นไปตามคาด แต่จะมีบางจุดที่ดีกว่าคาด เช่น ภาคบริการ และภาคการค้า ส่วนตัวที่ต่ำกว่าคาด เช่น การผลิตภาคอุตสาหกรรม ที่จะต้องดูในเดือน ธ.ค. โดยคิดว่าดูจากตอนนี้น่าจะไม่ได้เปลี่ยนจากคาดในการประมาณการล่าสุด สำหรับประมาณการจีดีพีปี 2568 คาดขยายตัว 2.2%” โฆษก ธปท.ระบุ
สำหรับระยะต่อไปยังต้องติดตามการฟื้นตัวของการผลิตภาคอุตสาหกรรม ผลกระทบจากการแข็งค่าของเงินบาท การฟื้นตัวของธุรกิจหลังเหตุการณ์น้ำท่วม ผลกระทบจากสถานการณ์ไทย-กัมพูชา รวมถึงผลกระทบจากมาตรการภาษีนำเข้าของสหรัฐ
วันเดียวกัน ธปท. และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) เผยแพร่เอกสารข่าวว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) และสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ตระหนักถึงความสำคัญของการยกระดับกำกับดูแลธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับทองคำให้เข้มงวดยิ่งขึ้น เนื่องจากปัจจุบันราคาทองคำมีความผันผวนและพุ่งสูงขึ้นเป็นประวัติการณ์ จนมีปริมาณการซื้อขายทองคำสูงขึ้นมาก และเพิ่มแรงกดดันต่อค่าเงินบาทด้านแข็งค่าอย่างมีนัยสำคัญ
ที่ผ่านมา ธปท.ได้เพิ่มความเข้มงวดเกี่ยวกับการทำธุรกรรมเงินตราต่างประเทศของกลุ่มบริษัททองคำ และกำหนดให้กลุ่มผู้ค้าทองคำรายใหญ่รายงานข้อมูลการทำธุรกรรมการซื้อขายทองคำมาอย่างต่อเนื่อง ขณะที่สำนักงาน ปปง.ได้ดำเนินมาตรการเชิงรุกในหลายมิติเพื่อป้องกันมิให้ผู้กระทำความผิดใช้ผู้ประกอบธุรกิจค้าทองคำเป็นช่องทางในการฟอกเงิน อย่างไรก็ดี ปริมาณการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับทองคำยังสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง และส่งผลกดดันค่าเงินบาท ธปท. และสำนักงาน ปปง. จึงยกระดับการร่วมกันตรวจสอบเพื่อทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับลูกค้าที่มีการทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับทองคำ รวมทั้งตรวจจับธุรกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย โดยเฉพาะธุรกรรมซื้อขายทองคำบนแพลตฟอร์มออนไลน์ที่มีปริมาณธุรกรรมสูงขึ้นมากผิดปกติ โดยร่วมกันจัดตั้งคณะทำงานร่วมเพื่อตรวจสอบธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับทองคำ มีวัตถุประสงค์หลัก 3 ด้านดังนี้
1.การเชื่อมโยงและบูรณาการข้อมูล ยกระดับการแลกเปลี่ยนข้อมูลระหว่างหน่วยงานเพื่อปิดช่องว่างทางกฎหมาย โดยเน้นการระบุผู้ได้รับผลประโยชน์ที่แท้จริงให้เข้มข้นขึ้น เพื่อป้องกันการใช้ตัวแทนอำพราง ในการซื้อขายทองคำปริมาณมาก และทำให้การติดตามบุคคลที่มีความเสี่ยงสูงทำได้อย่างมีประสิทธิภาพและทันการณ์มากขึ้น
2.การวิเคราะห์พฤติกรรมที่มีเหตุอันควรสงสัย เพื่อกำหนดปัจจัยบ่งชี้พฤติกรรมผิดปกติพร้อมทั้งเสนอแนวทางป้องกันและจัดการกับธุรกรรมที่ผิดปกติดังกล่าวได้อย่างเหมาะสม
3.การกำหนดแนวทางการกำกับดูแลและตรวจสอบธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับทองคำ โดยจัดทำแนวทางการยกระดับการกำกับดูแลและตรวจสอบติดตามธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับทองคำให้ครอบคลุม เข้มข้น และมีประสิทธิภาพมากขึ้น ภายใต้อำนาจตามกฎหมายของแต่ละหน่วยงาน
ทั้งนี้ ความร่วมมือระหว่าง ธปท.และสำนักงาน ปปง.ในครั้งนี้ จะทำให้การกำกับดูแลธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับทองคำมีประสิทธิภาพและเป็นระบบมากขึ้น เป็นการปิดช่องว่างที่ไม่มีหน่วยงานเฉพาะในการกำกับดูแลผู้ประกอบธุรกิจค้าทองคำ รวมทั้งป้องกันมิให้การทำธุรกรรมที่เกี่ยวข้องกับทองคำถูกใช้เป็นเครื่องมือในการสนับสนุนการกระทำผิดกฎหมาย เพิ่มความโปร่งใส และสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนในการลงทุนทองคำ อันจะนำไปสู่เสถียรภาพของระบบเศรษฐกิจและการเงินในภาพรวม.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
พระราชทานพรปีม้า เรี่ยวแรงดีสุขกายใจ
"กรมสมเด็จพระเทพฯ" อุปนายิกาผู้อำนวยการสภากาชาดไทย ทรงบาตรเนื่องในโอกาสส่งท้ายปีเก่าต้อนรับปีใหม่ 2569
พ้น72ชม.ไม่วางใจ สั่งปีใหม่คุมเข้มชายแดน เขมรยังปล่อยโดรนป่วน
ครบกำหนดหยุดยิง ไร้ปะทะ แต่กัมพูชาส่งกำลังบำรุง-ปล่อยโดรนตลอดแนวชายแดน ละเมิดข้อตกลง
ขยี้ส้มมีเทาผิดซ้ำแค่ขอโทษ
“นายกฯ” อวยพรปีใหม่คนไทย ขอทุกข์โศก-เคราะห์หมดไปปีนี้ เขินโดนถามปี 2569
เตือน‘สายตี้’โดนหนัก สกัดอุบัติเหตุช่วงปีใหม่
เปิดศูนย์อำนวยการป้องกันและลดอุบัติเหตุทางถนนช่วงเทศกาลปีใหม่ 2569
ฉายาสภาสูง‘รังของหนู’
ฉายาสภา 68 “รังหนอนสีเทา” ขณะที่สภาสูงคือ “รังของหนู”
ขา11เซ่นหยุดยิง ‘ฮุน’ยื่นถกเขตแดน
“ขาที่ 11” หลังหยุดยิง ทหารไทยเหยียบกับระเบิดที่ “เขาสัตตะโสม” เขมรยังส่งโดรน 250 ลำก่อกวน

