'นายกฯ' ห่วงสถานการณ์ปุ๋ยขาดแคลนกระทบความมั่นคงทางอาหาร

“นายกฯ” ห่วงใยสถานการณ์ปุ๋ยขาดแคลน กำชับทุกหน่วยงานเร่งบรรเทาความเดือดร้อนเกษตรกร -ไม่ให้กระทบความมั่นคงด้านอาหารของไทย

29 มี.ค. 2565 – ที่ทำเนียบรัฐบาล นายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม มีความห่วงใยสถานการณ์ปุ๋ยขาดแคลน กำชับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้องดูแลปัญหาบรรเทาภาระของประชาชนให้มากที่สุด ซึ่งที่ผ่านมา นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้กระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และกระทรวงพาณิชย์ สำรวจปริมาณปุ๋ยที่มีอยู่ในสต๊อก และการจัดหาปุ๋ยเพิ่มเติมให้เพียงพอแล้ว แต่ยังมีไม่เพียงพอต่อความต้องการของประชาชน ประกอบกับราคาปุ๋ยที่สูงขึ้น จากหลายปัญหาในเวลาเดียวกันทั้งจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 และสถานการณ์ความขัดแย้งที่เกิดขึ้นในต่างประเทศโดยเฉพาะความขัดแย้งรัสเซีย-ยูเครน

นายธนกร กล่าวว่า รัฐบาลไม่ได้นิ่งนอนใจ พยายามแก้ไขปัญหามาโดยตลอด แต่ไทยยังไม่สามารถผลิตปุ๋ยเคมีที่เป็นอาหารพืช และปุ๋ยยูเรียได้เอง เพราะไม่มีวัตถุดิบ ต้องอาศัยการนำเข้าจากต่างประเทศ ทำให้ราคาเป็นไปตามกลไกตลาดโลก ไม่ใช่ราคาปุ๋ยสูงเฉพาะในประเทศไทย จึงขอให้ประชาชนเข้าใจ อย่างไรก็ตาม นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ดำเนินโครงการปุ๋ยสั่งตัด ที่เหมาะกับสภาพดินและความต้องการของพืช อีกทั้งเร่งการผลิต ปุ๋ยหมักปุ๋ยอินทรีย์เสริมให้ประชาชนใช้ เพื่อช่วยเกษตรกรลดต้นทุน อีกทั้งได้มีมาตรการหลาย ๆ อย่าง เพื่อแก้ไขปัญหาให้กับประชาชนไม่ว่าจะเป็นมาตรการด้านพลังงาน และมาตรการช่วยเหลือแรงงานที่ได้รับความเดือดร้อนไปบ้างแล้ว ในส่วนของมาตรการปุ๋ยแพงนั้น นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งประสานงานกับภาคเอกชนที่ประกอบธุรกิจนำเข้า เพื่อหาหนทางนำเข้าเพิ่มเติมให้ได้มากที่สุด พร้อมกับออกแนวคิดช่วยเหลือประชาชนบรรเทาความเดือดร้อนอย่างเต็มที่ เช่น ใช้มาตรการทางการเงิน ช่วยปล่อยเงินกู้พิเศษ เงินกู้ระยะยาว ดูแลเรื่องดอกเบี้ย เป็นต้น

“รัฐบาลตั้งใจผลักดันทุกนโยบายเพื่อช่วยเหลือชาวนาอย่างเต็มที่ เพราะเข้าใจดีว่าชาวนาคือกระดูกสันหลังของชาติ พยายามเดินหน้าแก้ปัญหาให้กับเกษตรกรทุกเรื่อง รวมถึงการออกมาตรการต่างๆ ที่จับต้องได้จริง ดูแลชาวนาทั้งในส่วนของต้นทุนการผลิตและราคา ป้องกันไม่ให้กระทบกับความมั่นคงทางอาหารของไทยทั้งนี้ ทุกคนต้องร่วมกันพัฒนาภาคการเกษตรเพื่อพัฒนาความเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจของประเทศ ยกระดับภาคการเกษตรสู่อุตสาหกรรม เพื่อให้ตอบโจทย์การเปลี่ยนแปลงของสถานการณ์ และทันต่อเทคโนโลยีและนวัตกรรมที่มีความก้าวหน้ามากขึ้น ต้องมีการพัฒนาเกษตรกรและกลุ่มเกษตรกรให้เข้มแข็ง พัฒนาทรัพยากรการผลิตทางการเกษตร พัฒนาสินค้าเกษตรให้มีมูลค่าสูงขึ้น โดยเฉพาะการทำเกษตรแปลงใหญ่ ทำการตลาดนำการผลิต นำการวิจัยมาเสริมคุณภาพสินค้า และการทำเกษตรชีวภาพ ให้สอดคล้องกับเศรษฐกิจสีเขียว หรือ BCG ซึ่งนำพืชที่เหลือใช้วนกลับมาใช้ให้เกิดประโยชน์ ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการเพาะปลูกให้เหมาะสมกับพื้นที่ ลดการใช้ปุ๋ยเคมีเปลี่ยนมาใช้ปุ๋ยชีวภาพแทน” นายธนกร กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ธนกร' ดีใจเทศกาลสงกรานต์ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ

“ธนกร” ดีใจ เห็นทุกพรรคการเมืองร่วมเล่นน้ำสงกรานต์สนุกสนาน ปลื้ม คนแน่น ทุกภาคทั่วไทย ชี้ เป็นเทศกาลแห่งความสุข สร้างเศรษฐกิจท่องเที่ยวพุ่งกระฉูด หนุน รัฐบาล-ททท. ลุยดึงนทท.ต่างชาติเข้าไทยทะลักตามคาดกว่า8.3 ล้านคน สร้างรายได้รวมด้านท่องเที่ยวกว่า 6 แสนลบ.

'ธนกร' ซัด 'กัณวีร์-ฝ่ายค้าน' ส่อจุ้นกิจการภายในเมียนมา ระวังคำพูดกระทบความมั่นคง

นายธนกร วังบุญคงชนะ สส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรครวมไทยสร้างชาติ (รทสช.) ให้สัมภาษณ์กรณีที่ นายกัณวีร์ สืบแสง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคเป็นธรรม เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งตัดสินใจแก้ไขปัญหา กรณีการสู้รบในเมียวดี

'ธนกร' ติง 'ชัยธวัช' พูดส่งเดช ปม ศาลรธน.ไม่มีอำนาจยุบพรรค

“ธนกร” ติง “ชัยธวัช” เป็นถึงทนายควรดูข้อกม.ให้ชัด อย่าพูดส่งเดช ปม ศาลรธน.ไม่มีอำนาจยุบพรรค มอง ตั้งใจลดทอนความเชื่อมั่นปชช.ต่อศาล ถาม มีเจตนาแอบแฝงหรือไม่ ชี้ ใครทำผิดต้องยอมรับ ขออย่าก้าวล่วง