'ณัฐวุฒิ' สุดภูมิใจคนเสื้อแดง 'เนื้อหอม' ขนาดที่ทุกพรรคของฝ่ายปชต.เรียกหา

ณัฐวุฒิ18 พ.ค.2565 - นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ(นปช.) โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊กว่า "มติชน"เขาถาม เรื่อง พรรคการเมืองกับคนเสื้อแดง

ผมเห็นบางสื่อมวลชนเขาวิเคราะห์ว่า นี่เป็นการเปิดเกมของนางพญาเสื้อแดง แล้วก็เปิดฉากคนแบบณัฐวุฒิ แบบจตุพร วิเคราะห์กันว่ามันจะไม่มีแล้วแกนนำแบบสมัยก่อน ทำนองนี้

คือต้องพูดกันชัด ๆ ตรงนี้นะครับ ว่าสำหรับผมนะ การเดินทางทางการเมืองของคนเสื้อแดง จะเดินไปข้างหน้าในทิศทางใดโดยไม่ได้มีองค์กรนำแบบนปช.คอยขับเคลื่อนอยู่ และผมรู้สึกสูญเสียหรือไม่? ผมไม่รู้สึกเช่นนั้นเลย ผมจะรู้สึกสูญเสียก็ต่อเมื่อผมคิดว่าผมเป็นเจ้าของ ซึ่งไม่ใช่!

ผมก็เป็นเพียงคนเสื้อแดงคนหนึ่ง เริ่มสู้มาด้วยกัน เติบโตมาด้วยกัน เพียงแต่ว่าผมเป็นนักการเมือง สังกัดพรรคการเมืองที่ถูกรัฐประหารคือ “ไทยรักไทย” แล้วพอดี พอมีความสามารถเรื่องพูดจาปราศรัยอยู่บ้าง พูดจาพอฟังได้ จับกลุ่มกับเพื่อนมิตร ยืนยันหลักการประชาธิปไตยด้วยกัน ก็เลยสู้มา แล้วก็เติบโตล้มลุกคลุกคลานมาพร้อม ๆ กับคนเสื้อแดง ผมไม่เคยมีประสบการณ์ทางการเมืองแบบการต่อสู้จากเหตุการณ์ใดมาก่อน 14ตุลาก็เกิดไม่ทัน พฤษภา35ก็ยังเรียน ม.5 อยู่นครศรีธรรมราช ดังนั้น ผมนับหนึ่งพร้อมกับคนเสื้อแดงเมื่อหลังการรัฐประหาร 2549

เมื่อเหตุการณ์เดินมาถึงวันนี้ องค์กรนำของนปช.มันมีปัญหาเรื่องหลักการภายใน ไม่ดำรงสภาพขับเคลื่อนอีกต่อไป แต่ว่าคนเสื้อแดงต้องไปต่อ การต่อสู้ทางการเมืองต้องไปต่อ ดังนั้นพรรคการเมืองแต่ละพรรคเมื่อเขาหันมาเห็นพลังนี้ เขาก็อยากที่จะชวนพลังนี้เข้าไปร่วมแนวทาง ร่วมอุดมการณ์ทางการเมือง ซึ่งผมคิดว่าเป็นสิทธิ์ที่ทุกพรรคทำได้

พรรคเพื่อไทยเขาประกาศชวนคนเสื้อแดงกลับมาจับมือ กลับมาสู้ด้วยกันใหม่ เขาก็พูดถูกของเขานะครับ เพราะว่าในความเป็นจริงมันสู้ด้วยกันมาตลอดสิบกว่าปี ในทุกย่างก้าวของคนเสื้อแดงก็สัมพันธ์กับย่างก้าวของในการต่อสู้ของพรรคเพื่อไทยอย่างปฏิเสธไม่ได้

ในขณะที่พรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยอื่น ๆ ไม่ว่าจะเป็นพรรคก้าวไกล เสรีรวมไทย ประชาชาติ หรือใด ๆ ก็ตาม ถ้าเขาอยากจะสื่อสารกับคนเสื้อแดง อยากจะชวนพลังนี้ไปมีส่วนร่วมในทางการเมืองกับพรรคเหล่านั้นด้วย ผมก็ถือว่าเป็นสิทธิ์ที่ไปหวงห้ามทักท้วงเขาก็ไม่ได้เหมือนกัน เพราะว่าถึงที่สุดคนเสื้อแดงจะเป็นคนตัดสินใจ

สิ่งที่ผมนอกจากไม่รู้สึกสูญเสียแล้ว เป็นความภูมิใจของผมก็คือว่า วันนี้เราเดินมาถึงจุดที่คนเสื้อแดงเนื้อหอมขนาดที่ทุกพรรคการเมืองของฝ่ายประชาธิปไตยเรียกหา คนเสื้อแดงเนื้อหอมขนาดที่ทุกพรรคการเมืองในฝ่ายประชาธิปไตยเห็นว่าเป็นพลังที่มีคุณค่า อยากที่จะชวนไปร่วมงานด้วย

อย่างไรก็ตามนะครับ ช่วงเวลาของการเลือกตั้งมันยังมีเวลาอีกระยะหนึ่ง ดังนั้นผมคิดว่าพลังของคนเสื้อแดง นอกเหนือจากการรับรู้สัญญาณจากทุกพรรคแนวร่วมว่าอยากจะร่วมพลังกันด้วย พลังของคนเสื้อแดงยังอยากรู้ต่อว่า ถ้าเดินไปทางไหนแล้วจะไปไหนกัน ถ้าเดินไปกับพรรคเพื่อไทยเราจะไปไหนกันต่อ เดินไปกับก้าวไกล กับประชาชาติ กับเสรีรวมไทย กับต่าง ๆ เราจะไปไหนกันต่อ ซึ่งก็เป็นการบ้านให้แต่ละพรรคนั่นแหละครับ ในการที่จะต้องมีคำตอบ มีคำอธิบาย เพราะเวลาจะกา เวลาจะตัดสินใจนี่ ถ้าสุดทางนี่อีกเกือบปีนะครับ ถ้ามันเกิดเปลี่ยนแปลงกันเสียก่อน ก็นับเวลาเป็นหลักเดือน

ดังนั้น เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องที่ทั้งสองฝ่ายก็ต้องคิด พรรคการเมืองก็ต้องคิด ฝ่ายคนเสื้อแดงก็ต้องคิด แต่ว่าพอมาถึงจุดนี้มันพิสูจน์ยืนยันได้อย่างหนึ่ง ว่าคนเสื้อแดงต่อสู้กันมา เอาล่ะครับ ในการกระทำ ในกระบวนการขับเคลื่อนมันมีทั้งถูกทั้งไม่ถูก มันไม่มีกระบวนการต่อสู้ไหนสมบูรณ์แบบ แต่หลักยืนมันถูกแน่ ๆ ผมยืนยัน เพราะว่าถ้าหลักยืนไม่ถูก จะไม่สามารถยืนมาได้จน 15 ปีเหมือนวันนี้ และจะไม่สามารถยืนมาได้จนพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยทุกพรรคต้องยื่นมือมาหา ไม่ใช่มายื่นมือหาผม หาคนที่เรียกว่าแกนนำนะครับ แต่ยื่นมือมาหาพลังที่เรียกว่าคนเสื้อแดง ซึ่งผมคิดว่านี่แหละครับยิ่งใหญ่กว่า

คือผมพูดมาตลอดทุกการปราศรัยทุกการสัมภาษณ์ในประเด็นนี้ ว่าการต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยที่มันจะเดินถูกทาง มันต้องเดินแล้วประชาชนใหญ่ขึ้นนะครับ แล้วแกนนำเล็กลง ขบวนการต่อสู้ใดที่อ้างว่าสู้เพื่อประชาธิปไตยแต่เดินแล้วแกนนำใหญ่ขึ้น ๆ ใหญ่จนแตะต้องไม่ได้ แล้วประชาชนเล็กลง ๆ มากขึ้นเรื่อย ๆ ผมว่าเดินผิดทาง

ทีนี้ขบวนการคนเสื้อแดง ไม่ได้พูดเข้าข้างพี่น้องที่ร่วมสู้กันมานะครับ แต่ผมว่าผมเห็นภาพนี้ คือแกนนำล้มหายตายจากไปก็มี ขายจิตวิญญาณไปก็มี เหยียบย่ำหัวใจพี่น้องที่ต่อสู้ไปด้วยกันก็มี หรือยังคงดำรงอยู่ แต่ว่าในสถานการณ์ที่ผ่านมาก็ทำให้บทบาทหรือสถานะของตัวเองที่อยู่ในขบวนมันแตกต่างออกไป แต่ว่าสำหรับประชาชนแข็งแกร่งขึ้นตลอดมา ผ่านความเจ็บปวด ผ่านความสูญเสียมามากมาย แต่ว่าขึ้นชื่อว่าคนเสื้อแดงวันนี้ มันถูกพิสูจน์ทราบในหลายมุมแล้วว่า หลักการที่สู้มันถูก

แล้วสิ่งที่คนเสื้อแดงพูดกันตั้งแต่ปี 49, 50 ไปเปิดเทปย้อนดูมันยังใช้ได้ในวันปัจจุบัน มันไม่เหมือนขบวนการต่อสู้ของอีกฝ่ายหนึ่งนะ ที่ถ้าไปเปิดเทปย้อนดูตั้งแต่วันแรก ๆ ที่สู้ วันปัจจุบันนี่บางคนอยากเอาปี๊บคลุมหัวด้วยซ้ำไปนะครับ ว่าพูดไปแบบนั้นได้ยังไง ยกเว้นคนที่สุดโต่งจริง ๆ ก็ดันกันไป

ดังนั้น ผมก็คิดว่าอะไรที่มันจะเป็นการสื่อสารของพรรคการเมืองสู่ประชาชน โดยเฉพาะคนเสื้อแดง มันเป็นเวทีของทุกพรรค เป็นสิทธิ์โดยชอบ ส่วนการตัดสินใจของคนเสื้อแดงก็เป็นสิทธิ์โดยชอบเหมือนกัน ก็มีสิทธิ์เชียร์กัน มีสิทธิ์เชิญชวนกัน มีสิทธิ์อธิบายเหตุผล มีสิทธิ์อธิบายประวัติศาสตร์ มีสิทธิ์อธิบายอนาคตด้วยกันนั่นแหละ นี่คือวิถีของฝ่ายประชาธิปไตย!

แล้วสิ่งที่น่าสนใจอีกอย่าง ซึ่งผมติดตามและผมเห็นว่าเป็นสัญญาณที่ดีก็คือ เราดูสิ่งที่เกิดขึ้นวันที่พรรคเพื่อไทยประกาศรับคุณบุญจง วงศ์ไตรรัตน์ เข้ามาแล้วประกาศว่าเป็นว่าที่ผู้สมัคร มีปฏิกิริยาทันทีนะครับ แล้วคนที่แสดงปฏิกิริยาแทบ 100% เท่าที่ผมรู้จัก เสื้อแดงทั้งนั้น แล้วพรรคเพื่อไทยก็ต้องกลับลำเหมือนกัน คุณบุญจงก็ประกาศถอนตัว นี่มันก็เป็นสัญญาณว่าคนเสื้อแดงไม่ง่ายนะครับ เป็นคนเรียบ ๆ พื้น ๆ แต่ไม่ใช่อะไรก็ได้ แล้วพรรคการเมืองแบบพรรคเพื่อไทยเขาก็รับฟังเร็ว เขาก็กลับตัวทันที นี่ก็เป็นสัญญาว่าเออ! ประชาชนก็ส่งเสียงได้ พรรคการเมืองก็รับฟังได้ กลับตัวได้

ฉันใดฉันนั้นเช่นเดียวกัน ถ้ามันเกิดขึ้นกับพรรคอื่น แล้วคนเสื้อแดงเขาทักท้วง แต่ละพรรคเขาก็คงจะมีปฏิกิริยาตอบสนองที่ดีกลับออกมา ก็ต้องตามดูกันต่อไปนะครับ ผมคิดว่าสิ่งที่กำลังเป็น ถ้าใครเป็นคนเสื้อแดงที่เคยต่อสู้ด้วยกันมา ถึงที่สุดอาจจะเลือกยืนคนละพรรค เป็นไปได้เพราะพรรคมันเยอะเดี๋ยวนี้ แล้วก็มันจะบอกว่าห้ามเด็ดขาด ถ้าเป็นเสื้อแดงต้องพรรคโน้นพรรคนี้อย่างเดียว ห้ามไปพรรคไหน ใครจะไปพูดได้อย่างนั้น

แต่ว่าให้ภูมิใจไว้เถอะว่า ไอ้ความเป็นคนเสื้อแดงที่เคยถูกเขาเหยียดหยาม เคยถูกเขาปรามาส เคยถูกเขาไม่ให้ค่า บอกว่าเป็นพวกรับจ้าง บอกว่าเป็นพวกทำไร่ไถนาเรียกว่าไอ้ควายแดง วันนี้มันดูสดใสขึ้นมาแล้วในสายตาของคนจำนวนมาก วันนี้คราบไคลที่ถูกป้ายมันถูกชะล้างด้วยความจริง มันถูกชะล้างด้วยกาลเวลา แล้วถ้าหากสิ่งเหล่านี้มันจะเป็นคุณค่า มันเป็นคุณค่าของประชาชนธรรมดาทุกคนที่เคยออกมาสู้ ไม่ได้เป็นคุณค่าของแกนนำ ไม่ได้เป็นคุณค่าขององค์กรนำใด ๆ แกนนำก็ต้องพิสูจน์ตัวเองกันต่อไปล่ะครับว่าใครใช่/ใครไม่ใช่

แต่สำหรับประชาชนคนธรรมดาที่สู้มือเปล่าหัวใจเดียวมาตลอด ผมว่าพิสูจน์แล้วว่าใช่ แล้วก็ของแท้ครับ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'หมอชัย' สยบข่าวเปลี่ยนตัวโฆษกรัฐบาล ยันนายกฯไม่ส่งสัญญาณ

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงโฆษกรัฐบาล ว่า ไม่มีนะ ตนไม่เคยได้ยินข่าว และขอย้ำว่าไม่มีตนกองเชียร์ไม่เยอะ

'เศรษฐา' แพลมโผครม.นิ่งแล้ว ไม่มีแกว่ง อุบตอบเก้าอี้หดเหลือแค่ตำแหน่งนายกฯ

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง แถลงภายหลังประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) กรณีที่ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รมว.เกษตรและสหกรณ์ ในฐานะเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.)ระบุว่าส่งรายชื่อบุคคลที่จะมาเป็นรัฐมนตรีถึงนายกฯ โดยนายกฯย้อนถามว่า “หรือครับ ไม่ทราบ”

'เศรษฐา' ยันถกแกนนำพรรคร่วม ไม่ได้ส่งสัญญาณปรับครม. ถ้าเกิดขึ้นก็รู้เอง

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการเรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาหารือที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบฯ ได้มีการส่งสัญญาณปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ ว่า ไม่มี ไม่ได้พูดคุย เมื่อถามว่า นอกจากพูดคุยเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตแล้วมีเรื่องอะไรบ้าง

เปิดภาพนักการเมืองหลายพรรคร่วมประชุม 'ผู้ช่วยรัฐมนตรี'

นายสุทิน คลังแสง รมว.กห. ให้การต้อนรับคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ในการประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ครั้งที่ 3/2567 ซึ่งกระทรวงกลาโหมได้รับโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ โดยมี พล.อ.อ.สุรพล พุทธมนต์ และ นายจำนงค์ ไชยมงคล ผช.รมต.ประจำ กห. เป็นประธาน

'อนุทิน' การันตี ภท. ไม่ปรับ ครม. ชี้ 8 รมต. ทำงานคืบหน้า

'อนุทิน' ย้ำรัฐมนตรีภูมิใจไทย 8 คน ไม่มีขยับ ชี้ทุกคนทำงานเต็มที่ผลักดันนโยบายคืบหน้าตลอด นายกฯ ยังไม่ส่งสัญญาณปรับ ครม. พร้อมอุ้ม 'เกรียง' มอบ พช. ดูแลเพิ่มอีกกรม