'ไพบูลย์' วางไทม์ไลน์กฎหมายลูกเบ็ดเสร็จไม่เกิน ต.ค.ประกาศใช้!

'ไพบูลย์' ยันรัฐบาลอยู่ครบวาระ เผยรัฐสภาเห็นชอบสูตรคำนวณปาร์ตี้ลิสต์หาร 100 ชี้ ไร้เหตุส่งศาลรัฐธรรมนูญตีความ พร้อมเผยไทม์ไลน์ใช้กฎหมายลูกคาดปลาย ก.ย.-ต้นต.ค.

19 พ.ค.2565 - นายไพบูลย์ นิติตะวัน ส.ส.บัญชีรายชื่อ และรองหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) ในฐานะคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. (ฉบับที่…) พ.ศ…. ให้สัมภาษณ์ก่อนเข้าประชุมถึงขั้นตอนหลังจากการแปรญัตติว่า วันนี้จะพิจารณาทบทวนรายงานของกมธ. โดยหลังจาก กมธ.มีมติรับรองเรียบร้อยก็จะนำเสนอต่อนายชวน หลีกภัย ประธานรัฐสภา ซึ่งคาดว่าคงจะบรรจุเข้าวาระวันที่ 9 มิ.ย. ซึ่งการพิจารณาวาระ 2 ของกฎหมายลูกทั้ง 2 ฉบับนั้น คงไม่มีปัญหาอะไร เชื่อว่าจะเป็นไปตาม กมธ.เสนอ และทุกอย่างคงจะจบในวันที่ 10 มิ.ย.ในวาระ 3 เมื่อเสร็จแล้วก็ส่งให้เฉพาะคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ไม่ได้ส่งศาลรัฐธรรมนูญ โดย กกต.จะพิจารณาไม่เกิน 15 วัน และส่งกลับมาถ้าไม่มีประเด็นใดๆ ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ ก็จะส่งให้นายกัฐมนตรีจากนั้นประมาณ 20 วัน นายกฯ ก็จะนำขึ้นทูลเกล้าฯ จากนั้นอีกไม่เกิน 90 วัน ประมาณปลายเดือนกันยายน หรือต้นเดือนตุลาคม กฎหมายก็คงจะมีการประกาศใช้

เมื่อถามว่า ดูจากแนวโน้มในวาระ 2-3 จะผ่านไปได้ด้วยดีในการลงมติทั้ง ส.ส.และ ส.ว. ไม่มีสะดุดแน่นอนใช่หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า เชื่อว่าเสียงข้างมากในรัฐสภาจะเห็นชอบกับที่ กมธ.แก้ไข ส่วนกระแสโหวตคว่ำร่างกฎหมายลูกจะเป็นไปได้หรือไม่นั้น เป็นแค่คนพูดถึงเท่านั้น แต่ไม่มีความเป็นไปได้ในสถานการณ์หรือบริบทใดๆ ทั้งสิ้นในการคว่ำร่าง สำหรับตนเองถือว่าไม่มีความเป็นไปได้เลย

เมื่อถามถึง ประเด็นการคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อจะพลิกกลับในรัฐสภาไปใช้สูตรหาร 500 หรือไม่ นายไพบูลย์กล่าวว่า ไม่มี เชื่อว่าสมาชิกรัฐสภาเสียงข้างมากจะเห็นด้วยกับที่ กมธ.เสนอ ซึ่งเรื่องนี้คือมาตรา 23 ของร่างพ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ซึ่งเป็นการแก้ไขมาตรา 128 แต่ กมธ.ไม่ได้แก้ไข โดยคงตามร่างที่ กกต. เป็นผู้ยกร่างส่งให้ ครม. ดังนั้น เมื่อ กมธ.เสียงข้างมาก 32 ต่อ 11 เสียงมีมติให้คงตามร่างเดิมก็เชื่อว่าที่ประชุมรัฐสภาก็จะคงตามร่างเดิม ไม่มีการแก้ไข

เมื่อถามว่า การส่งร่างให้แค่ กกต.อย่างเดียว ถ้ามีใครไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ จะทำให้กฎหมายสะดุดก่อนประกาศใช้หรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า มันคนละขั้นตอน การส่งให้ กกต.เป็นเรื่องที่ต้องส่งหลังจากรัฐสภาลงมติแล้ว เพราะเขียนไว้ในรัฐธรรมนูญ เพื่อที่จะให้ กกต.พิจารณาดูว่าร่างของรัฐสภาขัดต่อเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญหรือไม่ หรือมีปัญหาในการปฏิบัติหน้าที่ของ กกต.หรือไม่ ซึ่งถ้าที่ประชุมรัฐสภาลงมติหารด้วย 100 ตามที่ กกต.เสนอมา ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 กกต.ก็คงจะไม่มีเหตุขัดข้อง แต่ถ้าลงมติหาร 500 กกต.คงจะท้วงไปว่าขัดต่อเจตนารมณ์รัฐธรรมนูญ

ถามต่อว่า แต่ในชั้น กมธ. ตัวแทนฝั่ง ส.ว.ส่วนใหญ่ลงมติหารด้วย 500 เมื่อกลับไปในรัฐสภา ส.ว.จะสนับสนุนหารด้วย 500 ทั้งหมดหรือไม่ นายไพบูลย์ กล่าวว่า กมธ.ฝั่ง ส.ว.มี 14 คน ลงมติเห็นด้วยกับหาร 500 จำนวน 9 คน เห็นด้วยกับหาร 100 จำนวน 2 คน งดออกเสียง 1 คน ไม่อยู่ในห้องประชุม 2 คน ดังนั้น เสียง ส.ว.ไม่ได้เป็นเอกภาพ อีกทั้ง ส.ว.ในรัฐสภาก็ถือเป็นเสียง 1 ใน 3 แต่เสียงที่เห็นชอบนั้นส่วนใหญ่มาจาก ส.ส.ประมาณ 90% ซึ่ง ส.ส.มีตั้ง 476 คน จึงไม่มีปัญหาในเรื่องการลงมติ ทั้งหมดคงจะผ่านไปด้วยความเรียบร้อย

“การใช้ 100 หาร ไม่ใช่เรื่องของพรรคใดได้เปรียบหรือเสียเปรียบ แต่เป็นเรื่องที่เป็นไปตามรัฐธรรมนูญมาตรา 91 เป็นเรื่องของการทำงานของฝ่ายนิติบัญญัติที่แก้ไขกฎหมาย และต้องเป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญเท่านั้น ซึ่งการหารด้วย 100 เป็นไปตามเจตนารมณ์ของรัฐธรรมนูญ เพราะ กกต. องค์กรที่ดูแลโดยตรงก็ยังยืนยันว่าหารด้วย100 โดยในตอนลงมติในชั้น กมธ. มี กกต. 2 คน และตัวแทนกฤษฎีกา 1 คน ก็ลงมติเห็นด้วยกับหารด้วย 100 ดังนั้นทั้งหมดชัดอยู่แล้ว ส่วนผู้ที่มีความเห็นเป็นอื่นก็เป็นเรื่องธรรมดา ก็ไปพูดคุยกันในรัฐสภา” รองหัวหน้าพรรคพปชร. กล่าว

เมื่อถามว่า ดูจากสัญญาณแล้ว กฎหมายลูกจะราบรื่นไม่มีสะดุด ก่อนที่รัฐบาลจะมีอุบัติเหตุทางการเมืองใช่หรือไม่นายไพบูลย์ กล่าวว่า รัฐบาลไม่มีอุบัติเหตุทางการเมือง อยู่ครบวาระแน่ และกฎหมายลูกก็ไม่มีปัญหาใดๆ ในการพิจารณาเป็นไปด้วยความเรียบร้อยทุกประการ ส่วนตัวคิดว่าถ้าลงมติหาร 100 แล้วคงไม่ได้ไปศาลรัฐธรรมนูญ เพราะชัดเจนอยู่แล้วว่าไม่ขัดรัฐธรรมนูญ จึงไม่มีประเด็นที่จะไปศาลรัฐธรรมนูญ