
คนที่ไม่เอารัฐประหาร ไม่เอาระบอบประยุทธ์ ก็เลือกพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลเป็นส่วนใหญ่ ส่วนพวกที่ไม่เอาระบอบทักษิณ ก็เลือกพลเอกประยุทธ์ ผ่านพรรคพลังประชารัฐ เป็นส่วนใหญ่เช่นกัน ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกตั้ง มีจำนวน ส.ส.น้อยเกินคาด
7 มิ.ย.2565- นายเทพไท เสนพงศ์ อดีตส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ ได้โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กส่วนตัว ระบุว่า การเมืองสายกลาง ไม่มีอยู่จริงในประเทศไทย เคยเสนอแนวทางสายกลาง แต่สังคมปฎิเสธ การเมืองยังต้องเลือกข้างอีกต่อไป
ช่วงนี้กระแสข่าวในหน้าสื่อส่วนใหญ่ เป็นความเคลื่อนไหวของ นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ ผู้ว่าฯ กทม.คนใหม่ เป็นส่วนใหญ่ จนมีการกล่าวขานถึงกระแสชัชชาติฟีเวอร์ มีการพูดถึงนายชัชชาติ คือนายกรัฐมนตรีคนต่อไป และมีการเปิดประเด็นการตั้งพรรคการเมืองสายกลางขึ้นมา แม้แต่นายแพทย์ประเวศ วะสี ก็ยังออกบทความเรื่อง”กระแสชัชชาติ การเมืองใหม่ คือ การเมืองทางสายกลางจะทำให้บ้านเมืองลงตัว
ส่วนตัวก็สนับสนุนแนวการเมืองสายกลางเช่นกัน เพราะเห็นว่าสถานการณ์ของบ้านเมืองในขณะนี้ ยังมีความขัดแย้งทางการเมืองอยู่ โดยแบ่งออกเป็น 2 ขั้วมาเป็นเวลาหลายปี แม้ว่าจะมีความพยายามในการสลายสีเสื้อ สลายแนวความคิด และเสนอทางออกของบ้านเมือง ให้ยึดในแนวทางสายกลาง ก็ไม่ประสบความสำเร็จ
ในการเลือกตั้งเมื่อปี 2562 เป็นการแข่งขันทางการเมืองระหว่าง 2 ขั้วการเมือง คือพรรคการเมืองระบอบทักษิณ กับพรรคการเมืองระบอบประยุทธ์ จนมีการพยายามแสดงจุดยืนทางการเมือง เพื่อหาทางออกให้กับสังคมของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่นำเสนอการเมืองสายกลาง โดยประกาศ แนวทางการหาเสียง ไม่เอาระบอบทักษิณ ไม่เอาระบอบประยุทธ์ ให้เลือกการเมืองสายกลางคือพรรคประชาธิปัตย์
แต่ผลการเลือกตั้งก็คือ พบคำตอบว่า ประชาชนยังมีแนวความคิดทางการเมืองแบบเลือกข้างกันอยู่เหมือนเดิม คนที่ไม่เอารัฐประหาร ไม่เอาระบอบประยุทธ์ ก็เลือกพรรคเพื่อไทยและพรรคก้าวไกลเป็นส่วนใหญ่ ส่วนพวกที่ไม่เอาระบอบทักษิณ ก็เลือกพลเอกประยุทธ์ ผ่านพรรคพลังประชารัฐ เป็นส่วนใหญ่เช่นกัน ทำให้พรรคประชาธิปัตย์ได้รับเลือกตั้ง มีจำนวน ส.ส.น้อยเกินคาด
ซึ่งผลการเลือกตั้งในครั้งนั้น เป็นการให้คำตอบทางการเมืองกับสังคมเป็นอย่างดีว่า การเมืองไทยไม่มีทางกลาง การเสนอแนวทางสายกลางเป็นทางออกให้กับบ้านเมือง ไม่ประสบความสำเร็จ ประชาชนยังเลือกข้างใดข้างหนึ่งที่ชัดเจน
จนถึงวันนี้การเมืองก็ยังมีแนวความคิดเลือกข้างเหมือนเดิม การรัฐประหารของ คมช.เมื่อปี 2549 และการรัฐประหารของ คสช. เมื่อปี 2557 ก็ไม่สามารถสลายสีเสื้อ ไม่สามารถสลายแนวความคิดของขั้วการเมืองได้ มิหนำซ้ำการเลือกข้างทางการเมืองยิ่งมีความชัดเจนมากยิ่งขึ้น แม้แต่พรรคเพื่อไทยในตอนนี้ ก็ยังเปลี่ยนแคมเปญการหาเสียงโดยกลับมาใช้สีแดงเป็นสีของพรรค เพื่อตอกย้ำความรู้สึกของคนเสื้อแดง ที่เป็นฐานเสียงหลักของพรรคมากยิ่งขึ้น และไม่มียุคสมัยใดที่ความขัดแย้งทางการเมืองได้ก้าวล่วง พาดพิงสถาบันเบื้องสูงมากที่สุด
การตั้งความหวังให้นายชัชชาติ เป็นผู้นำการเมืองสายกลางไม่สามารถเป็นจริงได้ เพราะพื้นฐานของนายชัชชาติ ก็ไม่ได้อิสระอย่างแท้จริง เป็นเพียงอิสระแบบอำพราง ซึ่งกาลเวลาเท่านั้นจะเป็นเครื่องพิสูจน์ว่า นายชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นผู้ว่าฯ กทม.ที่เดินในแนวทางสายกลาง โดยไม่เอื้อประโยชน์ให้กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดจริงหรือไม่.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'อิ๊งค์' ตาสว่าง! เฉลยแล้ว ดีลแลกประเทศ 'ชินวัตร' ได้อะไรบ้าง
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวข้อ "ตอบคำถาม อุ๊งอิ๊ง ดีลแลกประเทศ ชินวัตรได้อะไร" โดยระบุว่า
'เทพไท' เตือนประธานสภาฯ ตั้งหลักนิยามให้ชัด อภิปรายคนนอกได้แค่ไหน
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์คลิป เปลี่ยนชื่อแล้ว อย่าวินิจฉัยอัปยศ
มีประธานสภาฯไว้ทำไม? ‘เทพไท’ ข้องใจให้ฝ่ายค้านใช้ ‘สทร.’ ในญัตติ ยันเอ่ยชื่อ ‘ทักษิณ’ ได้
อยากให้นายวันมูหะมัดนอร์ ในฐานะประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่ต้องวางตัวเป็นกลาง ได้ไกล่เกลี่ยและตัดสินใจกำหนดวันอภิปรายที่เหมาะสม
น้ำล้างถ้วยเผ็ดกว่าน้ำแกง! ปรามบริวารอย่าใจแคบ ให้เวลาฝ่ายค้านซักฟอกนายกฯ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กในหัวเรื่อง "น้ำล้างถ้วย เผ็ดกว่าน้ำแกง" โดยระบุว่า
'เทพไท' จัดหนักซัดกรมคุกแดนสนธยาปฎิบัติ 2 มาตรฐาน
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส. นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก “เทพไท – คุยการเมือง” ว่า กรมคุก แดนสนธยา ปฎิบัติ2มาตรฐาน
รวมพลัง! ‘นักวิชาการ-มวลชน’ เตรียมเปิด ‘สภาประชาชน’ ซักฟอกรัฐบาลทั้งคณะ
พิชิต เผยคณะเราเตรียมเปิดสภาประชาชน อภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐบาล ทั้งคณะ ทุกนโยบาย โดยจะมีนักวิชาการในแต่ละประเด็นเป็นผู้อภิปราย