'ธนาธร' ลั่นเลือกตั้งครั้งหน้าต้องสร้างรัฐสวัสดิการ ด้วยการลดงบกองทัพ ปฏิรูปภาษี

"ธนาธร" ชี้การเลือกตั้งครั้งหน้าคือโอกาสในการเริ่มต้นสร้างรัฐสวัสดิการในประเทศไทย ชวนภาคประชาสังคมร่วมกดดันพรรคการเมืองให้สัตยาบัน

25 มิ.ย.2565 - นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้ากล่าวตอนหนึ่งในการวงเสวนา “8 ปีสวัสดิการสังคมไทยภายใต้ระบอบประยุทธ์ กับอนาคตรัฐสวัสดิการ อนาคตประชาธิปไตยไทย” ว่า​ประชากร 1% สุดท้ายของประเทศไทยมีรายได้เฉลี่ยอยู่ที่ 1,759 บาทต่อเดือน ประชากร 1% ตรงกลางมีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 6,531 บาทต่อเดือน ส่วนประชากร 1% สุดท้าย มีรายได้เฉลี่ยต่อเดือนอยู่ที่ 33,900 บาทต่อเดือน ไม่นับ 0.1% ส่วนบนสุดที่มีรายได้หลักล้านบาทต่อเดือน จึงเป็นเรื่องที่น่าตกใจ ว่าประชาชนคนไทยส่วนใหญ่ของประเทศนี้ถึง 99% มีรายได้น้อยกว่า 33,900 บาทต่อเดือน ซึ่งไม่เพียงพอต่อการมีคุณภาพชีวิตที่ดีได้

และยิ่งน่าตกใจ คือคนไทยที่จัดอันดับได้ว่าเป็นมหาเศรษฐี หรือคนที่มีทรัพย์สินมากกว่า 30,000 ล้านบาท มีถึง 28 คนจาก 2,668 คนทั่วโลก หรือคิดเป็น 10.5% เมื่อเทียบขนาดของเศรษฐกิจไทยที่คิดเป็นเพียง 0.6% ของเศรษฐกิจโลก หรือเพียง 5 แสนล้านดอลลาร์ จากขนาดของเศรษฐกิจทั้งโลกที่มีมูลค่าถึง 84 ล้านล้านดอลลาร์เท่านั้น แสดงให้เห็นว่าความเหลื่อมล้ำในประเทศไทยมีความรุนแรงเป็นอย่างมาก​ และหากความเหลื่อมล้ำยังเป็นเช่นนี้ต่อไปเรื่อยๆ เช่นนี้จะฉุดรั้งพลังความก้าวหน้าของประเทศไปจนหมดสิ้น

โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อประเทศไทยกำลังเข้าสู่สังคมสูงวัย ที่มีอัตราส่วนประชากรอายุมากกว่า 60 ปีเกิน 20% โดยที่ประเทศไทยเป็นประเทศกำลังพัฒนาที่มีอัตราการก้าวสู่สังคมสูงวัยเร็วที่สุด อนาคตของสังคมไทยจะกลายเป็นสังคมที่คนหนุ่มสาวเต็มไปด้วยความกังวลในชีวิต ต้องดูแลคนสูงวัยมากขึ้น และหากไม่ปรับตัวตั้งแต่วันนี้ ประเทศไทยจะสูญเสียศักยภาพในการแข่งขันในอนาคตไปอย่างมหาศาล

นายธนาธร​ กล่าวว่าการจัดสรรรัฐสวัสดิการให้แก่ประชาชนเพื่อบรรเทาสถานการณ์จึงเป็นเรื่องที่มีความจำเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเพิ่มเบี้ยผู้สูงอายุให้เป็น 3,000 บาทต่อเดือน ซึ่งทั้งหมดต้องใช้งบประมาณเพิ่มประมาณ 5 แสนล้านบาทต่อปี ซึ่งพวกเราทั้งอนาคตใหม่-ก้าวหน้า-ก้าวไกล มองว่าเป็นเรื่องที่เป็นไปได้โดยไม่เป็นภาระทางการคลัง นั่นคือใช้การเพิ่มแบบขั้นบันได จาก 600 บาท เป็น 1,000 บาทต่อเดือนในปี 2567 เพิ่มไปเรื่อยๆ จนเป็นเดือนละ 3,000 บาทต่อเดือนในปี 2570 โดยทำไปพร้อมกับการปฏิรูประบบการหารายได้และภาษีต่างๆ ของรัฐ เช่น การเปลี่ยนเกณฑ์ BOI การปฏิรูปกองทัพ ลดงบกระทรวงกลาโหม การปฏิรูปภาษีนิติบุคคล ฯลฯ ที่จะทำให้มีรายได้มากพอจัดสวัสดิการเบี้ยคนชราเป็น 3,000 บาทต่อเดือนได้ภายในปี 2570

นอกจากนี้ ในอนาคตจะต้องมีการสร้างงานให้คนรุ่นต่อไปมีรายได้ที่มั่นคงด้วยเศรษฐกิจสีเงิน ซึ่งจะเป็นการสร้างห่วงโซ่กิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เกี่ยวข้องกับระบบการดูแลผู้สูงอายุทั้งระบบ ซึ่งจะสร้างงานสร้างรายได้ให้แก่คนหนุ่มสาว พร้อมกับการรองรับการก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยของประเทศไทยไปได้พร้อมกันด้วยย​ อย่างไรก็ตามทุกคนจำเป็นต้องตระหนักด้วย ว่ารัฐสวัสดิการและประชาธิปไตยเป็นเรื่องเดียวกัน เพราะอำนาจในการจัดสรรทรัพยากรและงบประมาณล้วนแต่เป็นอำนาจของรัฐทั้งสิ้น หากที่มาของอำนาจในรัฐธรรมนูญไม่เป็นประชาธิปไตย อำนาจไม่ได้เป็นของประชาชน การจัดสรรทรัพยากรก็จะไม่เป็นไปเพื่อประชาชน ดังนั้น การเลือกตั้งครั้งหน้าจะเป็นช่วงเวลาสำคัญที่เราจะสามารถผลักดันรัฐสวัสดิการให้เกิดขึ้นได้ด้วยพลังของประชาชน และการกดดันต่อพรรคการเมืองให้ทำสัญญา ให้สัตยาบันกับประชาชน ว่าจะผลักดันให้เกิดรัฐสวัสดิการขึ้นในประเทศไทยให้ได้ในอนาคต

“ประเทศไทยจะมีรัฐสวัสดิการไม่ได้เลย ถ้าประเทศไทยไม่เป็นประชาธิปไตย จะเกิดรัฐสวัสดิการได้หรือไม่ขึ้นกับความแข็งขันของการรณรงค์โดยภาคประชาสังคม กดดันพรรคการเมืองให้นำรัฐสวัสดิการมาเป็นนโยบายของพรรคการเมืองในการเลือกตั้งให้ได้ เมื่อเสียงประชาชนเป็นใหญ่ ภาคการเมืองอย่างพวกผมจะต้องฟัง นำไปสู่การทำสัญญาประชาคมและการปฏิบัติตามนโยบายที่หาเสียงไว้หลังเลือกตั้ง ดังนั้น อีก 10 เดือนข้างหน้าที่จะมีการเลือกตั้ง จึงเป็นช่วงเวลาที่สำคัญของประชาธิปไตย รัฐสวัสดิการ และอนาคตของประเทศไทย”นายธนาธร​ กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สุวัจน์' หวนคืนชื่อเดิม 'พรรคชาติพัฒนา' แต่งตั้ง สส.แจ้ เป็นรองหัวหน้าพรรค

พรรคชาติพัฒนากล้า เปิดการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2567 นำโดยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า , นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ,

'ชัยเกษม' ออกตัวไม่เกี่ยวปรับครม. ผู้บริหารพรรคจะใช้ให้ทำอะไรก็ได้ สบายๆ

นายชัยเกษม นิติสิริ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เดินทางมาไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตา ศาลยาย โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า การเดินทางมาไหว้วันนี้เกี่ยวอะไรกับการปรับ ครม.หรือไม่

ไทยในสายตาต่างชาติ: สมัยรัชกาลที่เจ็ด (ตอนที่ 20: การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ในสายตาผู้ช่วยทูตทหารฝรั่งเศส)

(ต่อจากตอนที่แล้ว) ในรายงานลงวันที่ 24 กันยายน 1932 (พ.ศ. 2475) ของพันโท อองรี รูซ์ ผู้ช่วยทูตทหารบกและทหารเรือประจำสยาม ประจำสถานอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำสยาม มีความว่า

'เผ่าภูมิ' ปัดนายกฯ ส่งสัญญาณนั่งเก้าอี้รัฐมนตรี

นายเผ่าภูมิ โรจนสกุล เลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกระแสข่าวได้เดินทางมารับเอกสารกรอกแบบฟอร์มตรวจสอบคุณสมบัติรัฐมนตรี เรียบร้อยแล้ว ว่า ตนไม่ให้คอมเมนท์ ยืนยันว่าขณะ

อดีตบิ๊กข่าวกรองเตือนสติ! อย่าหลับตาพูดลืมตาดูสถานการณ์โลกด้วย

นายนันทิวัฒน์ สามารถ อดีตเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ และอดีตรองผู้อำนวยการสำนักข่าวกรองแห่งชาติ

'หมอชัย' สยบข่าวเปลี่ยนตัวโฆษกรัฐบาล ยันนายกฯไม่ส่งสัญญาณ

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงการปรับเปลี่ยนเปลี่ยนแปลงโฆษกรัฐบาล ว่า ไม่มีนะ ตนไม่เคยได้ยินข่าว และขอย้ำว่าไม่มีตนกองเชียร์ไม่เยอะ