'อนุทิน' แจงลงใต้ไม่ใช่เรื่องขัดแย้ง ปชป. บอกใครก็ไปบุรีรัมย์ได้ เราแย่งกันรับใช้ประชาชน

“อนุทิน”เผยลงใต้-พังงา หาเสียงปัดขัดแย้งปชป. แค่แข่งรับใช้ประชาชน ชี้อนาคตทำงานร่วมกันได้ บอกทุกพรรคมาเยือนบุรีรัมย์-อุทัยได้ อ้อนประชาชนเลือกภท.เยอะ พร้อมเป็นนายกฯ

11 ส.ค.2565 - เมื่อเวลา 10.15 น.ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกฯและรมว.สาธารณสุข ในฐานะหัวหน้าพรรคภูมิใจไทย ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ขณะนี้ปี่กลองเลือกตั้งเริ่มแล้ว พรรคภูมิใจไทยจะส่งทุกเขตหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า สมมุติหาร 100 เราตัดสินใจอย่างหนึ่ง ถ้าหาร 500 ก็ตัดสินใจอีกอย่างหนึ่ง เพราะตอนนี้เราต้องดูก่อนว่าคำจำกัดความของส.ส.พึงมียังไม่เคลียร์ ถามใครก็ยังตอบไม่ได้ เพราะไม่ว่าจะหารอย่างไรก็ต้องส่งไปให้กกต.และให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความอยู่ดี ต้องรอตรงนั้น แต่ขณะนี้เน้นมาที่การเลือกตั้งแบบบัตร 2 ใบแล้ว เราก็มีผู้สมัครที่มีศักยภาพและมีความนิยมในพื้นที่ เราก็เน้นตรงนั้น ก็ไม่ได้กังวลเรื่องส.ส.บัญชีรายชื่ออะไร เราเอาคนที่ใกล้ชิดประชาชนมาเข้าสภาก่อน อันนี้ดีที่สุด

เมื่อถามว่าช่วงเสาร์-อาทิตย์นี้พรรคภูมิใจไทยจะลงพื้นที่ภาคใต้ ตั้งเป้าจะได้ส.ส.เท่าไหร่ เพราะก่อนหน้านี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ประกาศตั้งเป้าจะให้ได้ส.ส.30-40 ที่นั่ง นายอนุทิน กล่าวว่า ทุกคนก็ต้องหวัง จะทำอะไรก็ต้องตั้งความหวังไว้ก่อนและก็ทำให้สุดฝีมือ ทำเต็มที่ และถ้าเราทำเต็มที่แล้ว ไม่ได้ตามที่หวังก็ไม่เสียใจเพราะเราทำเต็มที่แล้ว แต่ถ้าเราไม่ทำอะไรเลยและไปตั้งความหวัง และหวังว่าจะฟลุ๊กและชนะเท่าไหร่ ก็คงไม่มีวันนั้น

เมื่อถามว่ามีการลงพื้นที่จ.พังงา ซึ่งเป็นบ้านเกิดของหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ต้องสู้เต็มที่เลยใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ใครก็ไปจ.บุรีรัมย์ได้ ใครก็ไป จ.อุทัยธานีได้ เราแย่งกันรับใช้ประชาชน ไม่เป็นไรหรอกไม่ใช่สิ่งที่น่ากลัว

เมื่อถามว่าแข่งกันได้ไม่ใช่ศัตรูกันใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี เมื่อถามว่า อนาคตยังจับมือกันได้ใช่หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า การแข่งกันในพื้นที่เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว

เมื่อถามว่าสัปดาห์ที่ผ่านมามีชื่อของนายอนุทิน เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีด้วยรู้สึกอย่างไร นายอนุทิน กล่าวว่า ชื่อตนเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีมาตั้งแต่ปี 2562 แล้ว ซึ่งคนเป็นหัวหน้าพรรคก็ต้องพร้อมเป็น
นายกฯ นี่ถ้าปี 62 ประชาชนเลือกพรรคเรามาสัก 150-200 ป่านนี้ตนก็เป็นนายกฯไปแล้วมั๊ง แต่ประชาชนไม่ได้เลือกมากขนาดนั้น แต่ตนก็มีโอกาสทำงานให้ประชาชนมา 3 ปีกว่า ผ่านนโยบายต่างๆที่ประสบความสำเร็จ ก็เชื่อว่าจะได้รับการพิจารณาที่ดีจากประชาชน ถือเป็นเรื่องปกติ ทำให้ดีที่สุด

เมื่อถามว่าหลังเลือกตั้งพรรคภูมิใจไทยจะเป็นพรรคขนาดใหญ่ขึ้นหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า เราก็ต้องหวัง เมื่อปี 62 ไม่มีใครรู้จักเราเลย ไม่เคยทำผลงานอะไรเลยเพราะเราเป็นพรรคใหม่ ซึ่งได้มา 51 เสียง เรามาเป็นรัฐบาล 3 ปีก็ทำอะไรเยอะแยะ ดังนั้นเราก็น่าจะได้รับการพิจารณาจากประชาชนในทิศทางที่ดีขึ้น

เมื่อถามว่ามีความสนใจสนามกทม.หรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ก็พยายามอยู่ กทม.ก็เป็นพื้นที่ที่เราจะเข้าไปสร้างความคุ้นเคยให้ประชาชน เมื่อถามว่า ได้มีการชักชวนผู้ที่มีประสบการณ์ในกทม.มาอยู่ด้วยหรือไม่ หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย กล่าวว่า เราชวนมาทั่วประเทศ ชวนคนที่สนใจการเมืองและคุ้นเคยกับพื้นที่ นี่คือสิ่งที่สำคัญที่สุด

เมื่อถามว่าส่วนตัวพร้อมเป็นนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวย้อนกลับมาที่สื่อทันทีว่า “ เลือกซิ เลือก”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สุวัจน์' หวนคืนชื่อเดิม 'พรรคชาติพัฒนา' แต่งตั้ง สส.แจ้ เป็นรองหัวหน้าพรรค

พรรคชาติพัฒนากล้า เปิดการประชุมใหญ่สามัญ ประจำปี 2567 นำโดยนายสุวัจน์ ลิปตพัลลภ ประธานพรรคชาติพัฒนากล้า , นายเทวัญ ลิปตพัลลภ หัวหน้าพรรคชาติพัฒนากล้า ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี ,

'ชัยเกษม' ออกตัวไม่เกี่ยวปรับครม. ผู้บริหารพรรคจะใช้ให้ทำอะไรก็ได้ สบายๆ

นายชัยเกษม นิติสิริ ที่ปรึกษานายกรัฐมนตรี และแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทย เดินทางมาไหว้ศาลพระภูมิเจ้าที่ ศาลตา ศาลยาย โดยผู้สื่อข่าวได้สอบถามว่า การเดินทางมาไหว้วันนี้เกี่ยวอะไรกับการปรับ ครม.หรือไม่

'อนุทิน' ไม่กังวลแบงก์ชาติท้วงแจกเงินดิจิทัล ชี้หากไม่ถูกกฎหมาย กฤษฎีกา-สภาพัฒน์ต้องแจ้งมา

นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรมว.มหาดไทย หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย (ภท.)ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่ธนาคารแห่งประเทศไทย มีหนังสือเสนอความเห็นประกอบการพิจารณาเกี่ยวกับการเดินหน้าโครงการดิจิทัลวอลเล็ต

'เสี่ยหนู' ขอเช็กปมเก้าอี้ 'ครูแก้ว' หลังถูก ป.ป.ช.ฟันจริยธรรมร้ายแรงก่อน

'อนุทิน' ขอเช็กรายละเอียด ตำแหน่งกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี หลัง 'ครูแก้ว' ถูก ป.ป.ช.ชี้จริยธรรมร้ายแรงที่ดินป่าดงพะทาย

ไทยในสายตาต่างชาติ: สมัยรัชกาลที่เจ็ด (ตอนที่ 20: การเปลี่ยนแปลงการปกครอง พ.ศ. 2475 ในสายตาผู้ช่วยทูตทหารฝรั่งเศส)

(ต่อจากตอนที่แล้ว) ในรายงานลงวันที่ 24 กันยายน 1932 (พ.ศ. 2475) ของพันโท อองรี รูซ์ ผู้ช่วยทูตทหารบกและทหารเรือประจำสยาม ประจำสถานอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำสยาม มีความว่า