
สวนดุสิตโพลเปิดผลสำรวจเรื่องสัญญาณเลือกตั้งใหญ่ปี 2566 ประชาชน 68% เชื่อการเมืองร้อนขึ้น 53%มองฝ่ายค้านจะได้เปรียบในศึกเลือกตั้ง ผงะ! 57% คาดขายเสียงมากขึ้น เน้นเลือกพรรคสังกัด
07 ก.ย.2565 - สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิตได้เผยผลสำรวจเรื่อง สัญญาณเลือกตั้งใหญ่ ปี 2566 ระบุว่า หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกฯ 8 ปี) ยุติการปฏิบัติหน้าที่ ทำให้กระแสข่าวความเคลื่อนไหวต่างๆทางการเมืองในช่วงนี้ค่อนข้างร้อนแรงอีกครั้ง โดยเฉพาะประเด็นการ “ยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่” กำลังเป็นที่จับตามองและวิพากษ์วิจารณ์อย่างกว้างขวาง เพื่อสะท้อนความคิดเห็นของประชาชน สวนดุสิตโพลได้สำรวจความคิดเห็นของประชาชนทั่วประเทศ จำนวนทั้งสิ้น 1,128 คน (สำรวจทางออนไลน์) ระหว่างวันที่ 3-6 กันยายน 2565 สรุปผลได้ ดังนี้
1.กระแสข่าวความเคลื่อนไหวทางการเมืองในช่วงนี้ ทำให้ประชาชนสนใจติดตามข่าวการเมืองมากน้อยเพียงใด
สนใจติดตามข่าวมากขึ้น 50.45% สนใจติดตามข่าวเหมือนเดิม 40.98% และสนใจติดตามข่าวน้อยลง 8.57%
2.ประชาชนคิดอย่างไร กับกระแสข่าวที่ว่าอาจจะมีการ “ยุบสภาเพื่อเลือกตั้งใหม่” หลังจากที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา (นายกฯ 8 ปี) ยุติการปฏิบัติหน้าที่ น่าจะเป็นไปได้ 53.92% ไม่น่าจะเป็นไปได้ 35.74% และเป็นไปไม่ได้ 10.34%
3.ในการเลือกตั้งครั้งต่อไประหว่างผู้สมัครในพรรคฝ่ายรัฐบาล กับ ผู้สมัครในพรรคฝ่ายค้าน ประชาชนคิดว่าใครได้เปรียบกว่ากัน ผู้สมัครในพรรคฝ่ายค้าน 52.75% ผู้สมัครในพรรคฝ่ายรัฐบาล 41.84% และพอๆกัน 5.41%
4.ประชาชนคิดว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะมีการซื้อสิทธิขายเสียงมากน้อยเพียงใด มากขึ้น 56.56% เหมือนเดิม 38.71% และน้อยลง 4.73%
5.สิ่งที่มีผลต่อการตัดสินใจของประชาชนในการเลือก ส.ส. ครั้งต่อไป คืออะไร
อันดับ 1 พรรคที่สังกัด 70.10%
อันดับ 2 ตัวผู้สมัคร 64.51%
อันดับ 3 เป็นคนดี ประวัติดี ซื่อสัตย์ 59.98%
อันดับ 4 เป็นคนรุ่นใหม่ มีวิสัยทัศน์ 52.80%
อันดับ 5 ขยัน ตั้งใจทำงาน 50.67%
6.ประชาชนคิดว่าการทำตามสัญญาที่หาเสียงไว้ของพรรคการเมืองและ ส.ส. มีผลต่อการตัดสินใจในการเลือกตั้งครั้งต่อไปหรือไม่
มีผล 90.84% และไม่มีผล 9.16%
7.ประชาชนคิดว่าสถานการณ์การเมืองไทยหลังจากนี้จะร้อนแรงมากขึ้นหรือไม่
มากขึ้น 68.29% เหมือนเดิม 27.18% และลดลง 4.53%
8. ประชาชนอยากเห็นการเมืองไทยเชิงสร้างสรรค์เป็นอย่างไร
อันดับ 1 ต้องทำประโยชน์เพื่อประเทศชาติและประชาชน ไม่เห็นแก่ประโยชน์ส่วนตน 24.35%
อันดับ 2 แข่งขันกันด้วยความรู้ ความสามารถ และผลงาน ไม่ใส่ร้ายป้ายสี 19.56%
อันดับ 3 ทุกฝ่ายต้องหันหน้าเข้าหากัน พูดคุยกัน ร่วมมือกันทำงาน 18.27%
อันดับ 4 เป็นนักการเมืองที่ดี เป็นแบบอย่างที่ดี ซื่อสัตย์ สุจริต 16.61%
อันดับ 5 เป็นผู้นำ กล้าตัดสินใจ 13.28%
*หมายเหตุ ผู้ตอบสามารถระบุความคิดเห็นได้มากกว่า 1 เรื่อง (ค่าร้อยละจึงคำนวณในแต่ละข้อ)
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'ดุสิตโพล' เผยดัชนีการเมืองไทย พ.ย. ตก มหาอุทกภัยหาดใหญ่กดคะแนนรัฐบาล
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนพฤศจิกายน 2568” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 2,208 คน
‘ดุสิตโพล’ ชี้ภูมิใจไทยได้เปรียบสุดในการเลือกตั้ง
“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “พรรคการเมืองไทย พรรคใดได้เปรียบ” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,794 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 19-21 พฤศจิกายน 2568 พบว่า พรรคภูมิใจไทยถือเป็นพรรคที่มีความได้เปรียบมากที่สุดถึง 8 ข้อ
ดุสิตโพลชี้คนพร้อมเลือกตั้งแต่ยังกังวลปัญหาการเมืองซ้ำรอย
“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ความพร้อมของพรรคการเมืองกับการเลือกตั้ง” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,174 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 4-7 พฤศจิกายน 2568 พบว่า กลุ่มตัวอย่างค่อนข้างพร้อมสำหรับการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในปี 2569 ร้อยละ 56.81
ชักเอาใหญ่! ชูความเห็น ‘อภิสิทธิ์’ เปลี่ยนความคิด ‘อนุทิน’ ปมซักฟอก
อดีต สส.ประชาธิปัตย์ ออกตัวแรง อ้างคำเตือนของ “อภิสิทธิ์” ทำ “อนุทิน” เปลี่ยนท่าทีจากขู่ยุบสภา เป็นยอมให้เปิดอภิปรายทั่วไปไม่ลงมติ สะท้อนแรงศรัทธาในผู้นำพรรคเก่าที่ยังไม่จาง
ดุสิตโพลชี้ภาพรวมคนไทยเฝ้าดูแต่ยังไม่มั่นใจต่อการเมืองไทย
สวนดุสิตโพล มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “ดัชนีการเมืองไทย ประจำเดือนตุลาคม 2568” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 2,126 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 28-31 ตุลาคม 2568 พบว่า กลุ่มตัวอย่างให้คะแนนภาพรวมดัชนีการเมืองไทยประจำเดือนตุลาคม 2568 เฉลี่ย 4.02 คะแนน เท่ากับเดือนกันยายน 2568 ที่ได้ 4.02 คะแนน
โพลชี้ประชาชนชอบ 'คนละครึ่ง'
“สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยสวนดุสิต สำรวจความคิดเห็นประชาชนทั่วประเทศ เรื่อง “คนไทยกับนโยบายลดค่าครองชีพ” กลุ่มตัวอย่าง จำนวน 1,216 คน (สำรวจทางออนไลน์และภาคสนาม) ระหว่างวันที่ 21-24 ตุลาคม 2568 พบว่า กลุ่มตัวอย่างส่วนใหญ่เข้าร่วมโครงการของภาครัฐที่ช่วยลดภาระค่าครองชีพ คือ คนละครึ่ง


