'จุรินทร์' มั่นใจ 'วทันยา' ช่วยเสริมแกร่งพื้นที่กทม. ชี้เป็นคนรุ่นใหม่ เสียงตอบรับมากขึ้น

22 ก.ย.2565 - ที่พรรคประชาธิปัตย์ น.ส.วทันยา บุนนาค ให้สัมภาษณ์หลังเข้าสมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ว่า การเข้ามาพรรคประชาธิปัตย์ครั้งนี้ตนต้องการจะนำแนวคิดนโยบายเข้ามาแก้ไขปัญหาประเทศหลายด้าน ดังนั้นตนขอลงสมัคร ส.ส.บัญชีรายชื่อ เพื่อจะได้มีเวลาโฟกัสขับเคลื่อนนโยบายอย่างเต็มที่ แต่ขึ้นอยู่กับพรรคที่จะพิจารณาให้ลงสมัคร ส.ส.แบบใดจึงจะเหมาะสม

เมื่อถามว่า ใช้เวลาตัดสินใจนานเพียงใดที่เข้ามาเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ น.ส.วทันยา กล่าวว่า ตนใช้เวลาตัดสินใจประมาณ 1 เดือน เพราะลาออกจากพรรคพลังประชารัฐอย่างกระทันหัน ทั้งนี้ต้องขอขอบคุณผู้บริหารพรรคประชาธิปัตย์ ที่เปิดโอกาสให้ตนเข้าไปพูดคุยและตอบข้อซักถาม เพราะการร่วมทำงานกับพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่ง สิ่งที่ทำให้ต้องตัดสินใจคือการจะขับเคลื่อนงานการเมืองจะต้องกลัดกระดุมเม็ดแรกให้ถูกต้องเสียก่อน คือต้องดูว่าพรรคนั้นมีสัญญาลักษณ์ของความเป็นประชาธิปไตยภายในพรรคหรือไม่

“เดียร์หวังว่าการทำงานกับพรรคประชาธิปัตย์ที่มีประสบการณ์ยาวนานมากว่า 76 ปี จะเป็นส่วนหนึ่งช่วยสอนเดียร์ และในฐานะที่เป็นคนรุ่นใหม่ หวังว่าจะเป็นส่วนหนึ่งที่จะเข้าไปช่วยต่อเติมช่องว่างระหว่างรุ่น ที่ทุกวันนี้เราเห็นปัญหาหลายอย่าง แต่ยังไม่ทราบว่าพรรคฯจะมอบภารกิจอะไรให้ ”น.ส.วทันยา กล่าว

เมื่อถามว่า จะมีส.ส.จากพรรคพลังประชารัฐตามมาอยู่ด้วยหรือไม่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า ยังไม่ได้มีการพูดคุยกัน คงต้องขอให้เป็นการตัดสินใจของเพื่อนส.ส. เชื่อว่าทุกคนมีวิจารณญาณของตนเองในการที่จะย้ายพรรค

ต่อข้อถามว่า การย้ายจากพรรคพลังประชารัฐมาประชาธิปัตย์ มีความแตกต่างกันอย่างไร น.ส.วทันยา กล่าวว่า สิ่งที่แตกต่างกันคือพรรคพลังประชารัฐ เป็นพรรคที่เพิ่มก่อตั้งขึ้นมาในการเลือกตั้งปี 62 ขณะที่พรรคประชาธิปัตย์ก่อตั้งตั้งแต่ปี 2489 มาถึงวันนี้76 ปีแล้ว สิ่งที่เห็นได้ชัดเจนคือประชาธิปัตย์ได้พิสูจน์ ต่อหน้าประชาชนให้เห็นถึงความเป็นสถาบันพรรคการเมืองที่เป็นตัวแทนและพึ่งพาของประชาชน เติบโตขึ้นมาพร้อมกับคนทุกยุคทุกสมัย ตนหวังว่าจะได้เข้ามาร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการสานต่อในฐานะที่เป็นคนรุ่นใหม่ ส่วนหัวหน้าพรรคพลังประชารัฐนั้นตนก็ยังให้ความเคารพนับถือเช่นเดิม ไม่มีปัญหาอะไรติดใจ แต่การทำงานก็อาจจะต้องมีการเปลี่ยนสภาพแวดล้อมเท่านั้น แต่ในแง่ของมิตรภาพเป็นคนละเรื่องกับบริบทและการทำงาน

เมื่อถามว่าที่บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีเจ้าของ หมายความว่าพรรคพลังประชารัฐ มีฝ่ายที่พยายามจะผูกขาดอำนาจใช่หรือไม่ น.ส.วทันยา กล่าวว่า ไม่ใช่เช่นนั้น และไม่อยากพาดพิงถึงพรรคการเมืองอื่น ตนถือว่าเป็นก้าวที่สำคัญในการทำหน้าที่ฐานะนักการเมือง เมื่อมีโอกาสก้าวเข้ามาแล้ว ก็พยายามตัดสินใจด้วยความรอบครอบ บนหลักของเหตุและผลที่ดีที่สุด จึงเป็นเหตุผลที่ทำให้ตนเลือกพรรคประชาธิปัตย์ ที่พรรคฯได้พิสูจน์ไม่มีอำนาจผูกขาด ไม่มีความเป็นเจ้าของ และที่สำคัญสมาชิกพรรคฯทุกคนมีสิทธิ์และเสียงเท่ากันและเคารพในความเห็นส่วนใหญ่เมื่อมีการโหวตเรื่องใดๆ ก็มีการเคารพมติพรรค

ด้านนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า เราทำงานเป็นทีม โดยนายองอาจ ยังคงเป็นหัวหน้าทีมหาเสียงในกทม. ร่วมกับนายนิพนธ์ บุญญามณี รองหัวหน้าพรรค และผอ.เลือกตั้งพรรคฯ ที่ต้องรับผิดชอบสนาม กทม. มีนายสุชัชวีร์ เป็นกำลังสำคัญอีกคน ยิ่งได้คนรุ่นใหม่อย่างน.ส.วทันยามาร่วมด้วย ก็ทำให้การขับเคลื่อนในกทม.แข็งแกร่งและมีพลังขึ้น พวกเราทุกคนจะจับมือกันทำงาน โดยตนจะเป็นหลักให้อีกคน ในการทำงานเราประสบความสำเร็จยิ่งขึ้นในการเลือกตั้งในพื้นที่กทม.

เมื่อถามว่า การปรับทีมครั้งนี้จะทำให้ส.ส.กทม.อยู่ในมือประชาธิปัตย์อีกหรือไม่ และมีการตั้งเป้าไว้อย่างไร หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับประชาชน แต่จากการลงสมัครเลือกตั้งท้องถิ่นที่ผ่านมา ทั้งผู้ว่าฯกทม. และ ส.ก.ก็พิสูจน์ว่า คน กทม. ตอบรับพรรคประชาธิปัตย์ดีขึ้น และยังยินดีต้อนรับเรา เมื่อได้ทีมคนรุ่นใหม่เข้ามาและร่วมประสานกับทุกคนในพรรค ตนมั่นใจว่าเราจะได้เสียงตอบรับมากขึ้น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สุทิน' ร่ายยาวครั้งแรกหลังมีชื่อพ้นครม. แจงดราม่า 'ทักษิณ' เมินมาลัย

นายสุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความพอใจผลงาน 6-7 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงกระแสข่าวจะถูกปรับออกจากรัฐมนตรี

นายกฯ ยัน ร่วมโต๊ะอาหารเที่ยงกับ 'เอกนัฏ'

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี นายเอกนัฏ พร้อมพันธุ์ เลขาธิการพรรครวมไทยสร้างชาติ(รทสช.) ร่วมโต๊ะอาหารกลางวันกับนายกรัฐมนตรีและคณะ

'ทวี' ยันไม่เคยได้ยิน เพื่อไทยจะเอาตำแหน่งประธานสภาฯ

พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม กล่าวถึงกรณีมีกระแสว่าพรรคเพื่อไทยจะขอเก้าอี้ประธานสภา ว่า รัฐธรรมนูญได้มีการเขียนเอาไว้อย่างชัดเจนถึงการเข้าดำรงตำแหน่งประธานสภาว่าเป็นเรื่องของสภา ส่วนเรื่องคณะรัฐมนตรีนั้นเป็นเรื่องของนายกรัฐมนตรี

'ไชยา' ลั่นปรับครม.กี่ครั้งก็ตาม ก.เกษตรฯต้องอยู่กับเพื่อไทย

นายไชยา พรหมา รมช.เกษตรและสหกรณ์ กล่าวถึงกระแสข่าวการปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หลังมีรายชื่อถูกปรับออก ว่าตนทราบตามข่าว ไม่ได้หวั่นไหวอะไร และ 7 เดือนที่ผ่านมา ทำหน้าที่ในกรอบในข้อจำกัดของงบประมาณ ถ้าหากเป็นไปตามนโยบายของผู้ใหญ่ตนก็ไม่ขัดข้อง ก็แล้วแต่