'อุตตม-สนธิรัตน์' ลั่นถึงเวลาเปลี่ยนแปลงประเทศย้ำชู 'สมคิด' เป็นนายกฯ

'อุตตม' ชี้ 'สอท.' ได้เป็นรัฐบาลหรือไม่อยู่ที่ประชาชน มองถึงเวลาสมควรเปลี่ยนแปลงประเทศ ยังตอบไม่ได้รวม 'ไทยสร้างไทย' หรือไม่ แต่รับคุ้นเคยหญิงหน่อย 'สนธิรัตน์' ยันมุ่งมั่นดัน 'สมคิด' นั่งนายกฯ

13 ต.ค.2565 - นายอุตตม สาวนายน หัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทย (สอท.) กล่าวถึงทิศทางพรรคหาก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เดินหน้าต่อทางการเมืองว่า การขับเคลื่อนพรรคสร้างอนาคตไทยเรามีแนวทางอยู่แล้ว เราอาสามาทำงานให้กับประชาชน โดยเฉพาะในยามที่ประเทศเผชิญวิกฤติทางด้านเศรษฐกิจ ปากท้อง ศรัทธาของพี่น้องประชาชน และความหวังต่ออนาคต นี่เป็นสิ่งที่เรามุ่งมั่นจะมาอาสาทำงาน โดยในเงื่อนไขการเมืองก้าวข้ามความขัดแย้ง เราไม่พูดถึงการเป็นขั้วไหนทั้งนั้น ซึ่งโจทย์เราชัดเจนมาทำงานด้านเศรษฐกิจ แก้ไขเรื่องปากท้อง และพยายามสรรหาคนของพรรคสร้างอนาคตไทยที่เหมาะสมที่สุดมาเป็นตัวแทนของพรรค เมื่อถึงเวลาเลือกตั้ง ซึ่งนี่เป็นแนวทางของเรา

นายอุตตม กล่าวว่า ส่วนถ้า พล.อ.ประยุทธ์ไปต่อ เป็นเรื่องของประชาชน เมื่อถึงเวลาแล้วจะตัดสินใจสนับสนุนใครบ้างให้เข้ามาทำงานให้ประเทศชาติและประชาชน ซึ่งจุดยืนของพรรคชัดเจนอยู่แล้ว โดยพูดมาหลายครั้งแล้ว ถึงเวลาที่ประเทศต้องเปลี่ยนแปลง สมควรที่จะเปลี่ยนแปลง ซึ่งโควิดเป็นตัวกระตุ้นให้เห็นถึงความเปราะบางในเชิงเศรษฐกิจของประเทศ เราต้องเร่งปรับเปลี่ยนให้ทันโลก วันนี้เรียนว่าพรรคสร้างอนาคตไทยมาพบปะพี่น้องประชาชนพูดประเด็นนี้เป็นสำคัญ เราต้องมาร่วมกันปรับเปลี่ยนประเทศ ส่วนใครจะมาบริหารในอนาคต นั่นอยู่ที่ประชาชน พรรคมีอุดมการณ์ มีจุดยื่นว่าเราจะทำงานอย่างไร และวันนี้ก็จะเห็นเมื่อถึงเวลาการฟอร์มรัฐบาลใครเป็นใครบ้าง

ด้านนายสนธิรัตน์ สนธิจิรวงศ์ เลขาธิการพรรค สอท.กล่าวว่า พรรคประกาศเดินหน้าที่จะเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ซึ่งถึงเวลาแล้วที่ประเทศจะต้องเปลี่ยนแปลง พรรคมุ่งมั่นที่จะชูนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ ประธานพรรคเป็นนายกฯ และหน้าที่ของพรรคคือหาความไว้วางใจจากประชาชน และผลักดันให้นายสมคิดได้รับการยอมรับจากพี่น้องประชาชน ไม่ว่าใครจะลงสู่สนามการแข่งขัน พรรคยืนยันจะสนับสนุนนายสมคิดเป็นนายกฯของประเทศไทย เพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศและนำประเทศยามวิกฤติ

เมื่อถามว่าพรรค สอท.จะเสนอชื่อนายสมคิดเป็นนายกฯเพียงชื่อเดียวหรือไม่ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ขึ้นอยู่กับกรรมการบริหารพรรค

ถามว่าคิดว่าจะสู้กับแคนดิเดตพรรคเพื่อไทยได้หรือไม่ที่ชูนายเศรษฐา ทวีสิน เป็นนายกฯ นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า ที่พูดมาเสมอนายกฯ ในภาวะวิกฤติต้องมีคุณสมบัติอย่างน้อยคือ 1.มีประสบการณ์ในการทำงาน และ 2.สามารถเข้าใจกลไกราชการและกลไกการบริหารราชการแผ่นดิน รวมทั้งกลไกทางการเมือง และต้องเป็นที่ยอมรับของต่างประเทศ คงจะไม่บอกว่าสู้กับใครได้หรือไม่ แต่นั่นคือคุณสมบัติของนายกฯ ที่พรรคตั้งเป็นเกณฑ์หลักในการสรรหาแคนดิเดตนายกฯ

เมื่อถามว่า ขณะที่พรรคเพื่อไทยตั้งเป้าแลนด์สไลด์ ส่วนพรรคภูมิใจไทยตั้งเป้า 120 คน พรรคสร้างอนาคตไทยตั้งเป้าหมายการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นอย่างไร นายสนธิรัตน์ กล่าวว่า เราตั้งเป้าทำงานหนักที่สุด ทำเต็มที่ทำอย่างสุดความสามารถ เป้าหมายเป็นสิ่งที่เรายอมรับเมื่อพี่น้องประชาชนตัดสินใจเราเองถือว่าทำดีที่สุด ซึ่งในทางการเมือง โดยนายสมคิดพูดแล้วว่าไม่ได้ทำงานการเมืองเพื่อเอาอำนาจ ไม่ได้ทำการเมืองเพื่อจะเอาจำนวนส.ส.แต่จะเป็นพรรคการเมืองที่เปลี่ยนแปลงชีวิตพี่น้องประชาชน หน้าที่เราตรงนี้ทำให้ดีที่สุด ประชาชนตัดสินใจอย่างไรเป็นสิ่งที่เราพร้อมรับ

เมื่อถามว่า ความชัดเจนกับกระแสข่าวคุยกับคุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทย นายอุตตมกล่าวว่า ในการพูดคุยเรียนว่าเกิดขึ้นเป็นปกติธรรมดาระหว่างพรรคการเมือง และไม่ใช่ระบุว่าพรรคใดพรรคหนึ่งเท่านั้น นี่เป็นข้อเท็จจริงที่พรรคได้ประสบมาในหลายๆ เดือน เราพูดคุยกับหลายๆ พรรคเป็นข้อเท็จจริง ก็เป็นธรรมดาเป็นธรรมชาติ พรรคการเมืองนักการเมืองก็มาแลกเปลี่ยนข้อมูล ประเมิน วิเคราะห์ โดยเฉพาะครั้งนี้เราเห็นได้ว่าสนามเลือกตั้งที่จะมาถึงในเรื่องของกฎเกณฑ์ขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงไปแล้วพอสมควร มันเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้พรรคการเมืองจะมานั่งคุยกันแลกเปลี่ยนกันเป็นธรรมดา เพราะฉะนั้นเราคุยกับหลายพรรค อันนี้เป็นข้อเท็จจริง

เมื่อถามว่ามีพรรคไหนที่เคมีตรงกันแล้วหรือยัง นายอุตตม กล่าวว่า เคมีนั้นก็มีได้หลายส่วนว่าอะไรตรงกันไหม แต่คำว่าเคมีตรงกัน สุดท้ายหมายถึงว่าคุยกันด้วยอุดมการณ์อะไร และสู่เป้าหมายอะไร ถ้าพูดว่าเป้าหมายคือการทำงานร่วมกันก็ต้องพูดให้ชัดว่าทำงานร่วมกันในรูปแบบไหน มีได้หลายรูปแบบ ใช้คำว่าเป็นพันธมิตรกัน เป็นพันธมิตรที่ร่วมอุดมการณ์ ซึ่งควรจะเป็นอย่างนั้นในมุมมองพรรคสร้างอนาคตไทย ถ้ามีอุดมการณ์ตรงกันถึงจะเป็นพันธมิตรได้

เมื่อถามว่า พรรคสร้างอนาคตไทยและพรรคไทยสร้างไทย มีโอกาสจะรวมพรรคกันหรือไม่ นายอุตตม กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ วันนี้ยังไม่มีการพูดถึงการรวมพรรคแต่อย่างใด ซึ่งการหารือพูดจากัน อย่างที่เรียนว่าได้มีโอกาสพบปะพูดจากัน หัวหน้าพรรคไทยสร้างไทยกับตนเองก็คุ้นเคยกันมาก่อน ซึ่งหลายท่านในพรรคไทยสร้างไทยมีการพบปะกัน รวมถึงพรรคอื่นด้วย

เมื่อถามว่าที่นายสมคิดระบุว่าหัวหน้าพรรคสร้างอนาคตไทยกับคุณหญิงสุดารัตน์พูดภาษาเดียวกัน นายอุตตม กล่าวว่า เราคนไทยยังไงก็พูดภาษาไทยแน่นอน

ถามต่อว่า มีนัยอื่นหรือไม่ในทางการเมือง นายอุตตม กล่าวว่า นี่คือสิ่งที่กล่าวว่า ภาษาเดียวกันหรือเคมีเดียวกันก็ต้องเป็นเรื่องของการหารือ ไม่ใช่แต่หัวหน้าพรรค 2 คน เราทำงานเป็นทีม ทั้งสองฝ่ายเชื่อว่าอย่างนั้น ซึ่งพรรคสร้างอนาคตไทยมีการหารือกันว่าเราจะเดินเส้นทางยุทธศาสตร์ไหนและปัจจัยสำคัญที่เราจะตัดสินใจคืออะไรที่จะเป็นประโยชน์สูงสุดในการทำงานของเราเพื่อประชาชน เหมือนที่นายสมคิดพูดว่า เราไม่ได้ทำเพื่อให้ได้ส.ส.มากๆนั่นไม่ใช่เป้าหมายใหญ่ แต่เป้าหมายใหญ่คือทำอย่างไรให้พวกเราไปทำงานให้กับประชาชนได้อย่างเต็มที่ ถ้าการเป็นพันธมิตรไม่ว่ารูปแบบไหน ตนยังไม่ทราบ วันนี้ยังไม่มีข้อยุติอะไรทั้งนั้น ยังไม่มีแนวความคิดจะไปร่วมกับใคร ถ้าเป็นประโยชน์เราก็จะมาหารือกันในพรรค

เมื่อถามว่า อนาคตของพรรคสร้างอนาคตไทยตั้งเป้าหมายหรือไม่ว่าเราจะเป็นพรรครัฐบาลเท่านั้น นายอุตตม กล่าวว่า เราตั้งเป้าว่าจะทำพรรคการเมืองให้เป็นพรรคที่ดี เป็นสถาบันทางการเมืองให้กับคนหลายๆ รุ่นร่วมงานกัน ส่วนเราจะได้รับความไว้วางใจให้ทำงานในรัฐบาลหรือไม่ก็ขึ้นอยู่กับพี่น้องประชาชน ว่าเราพร้อมที่จะทำงานเป็นส่วนหนึ่งของรัฐบาลหน้า

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

‘เศรษฐา’ ลุยสวน ชิมทุเรียน 3 สายพันธุ์

เมื่อเวลา 10.00 น. นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง เดินทางด้วยรถยนต์อัลพาร์ด สีดำ ทะเบียน 8 กผ 1127 กรุงเทพมหานคร ถึงสวนนวลทองจันทร์ ตำบลมาบไพ อำเภอขลุง จังหวัดจันทบุรี เพื่อตรวจติดตามการผลิตทุเรียนคุณภาพปลอดภัยมูลค่าสูง และรับฟังปัญหาจากเกษตรกร

'หมอชัย' โนคอมเมนต์ นายกฯ ทาบ 'จักรพล' นั่งโฆษกรัฐบาล

นายชัย วัชรงค์ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกระแสข่าวที่นายกรัฐมนตรีทาบทามนายจักรพล ตั้งสุทธิธรรม รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง

นายกฯ ร่วมผู้นำ 17 ประเทศ แถลงเรียกร้องปล่อยตัวประกันในกาซา

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า "วันนี้ ผมร่วมกับผู้นำ 17 ประเทศที่มีตัวประกันที่ยังอยู่ในกาซา ออกถ้อยแถลงร่วมเรียกร้องให้มีการปล่อยตัวประกันทั้งหมด