'ไตรรงค์' ให้อภัยลมปากนักการเมือง ยันไม่สนใจตำแหน่ง เป็นที่ปรึกษานายกฯไม่มีเงินเดือน

10 พ.ย.2565 - นายไตรรงค์ สุวรรณคีรี ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า #อภัยทานกับลมปากนักการเมือง สืบเนื่องจากบทความที่ผมโพสต์ facebook อธิบายเหตุผลว่าทำไมผมจึงตัดสินใจลาออกจากการเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ เมื่อวันที่ 27 ตุลาคม 2565 นั้น (https://m.facebook.com/story.php?story_fbid=652691729564288&id=100044703991589)

ผมได้พูดถึงว่าการให้อภัยทานจะได้บุญมากกว่าการให้ทานใดๆ ทำให้มีแฟนคลับ ที่มีเจตนาดีได้เขียนมาแนะนำว่า ผมน่าจะพูดผิด เพราะพระพุทธเจ้าได้ตรัสว่า “ธรรมทาน” ต่างหากที่จะได้บุญมากกว่าการทำทานใดๆ ผมก็อยากกราบเรียนว่า ผมไม่ได้เรียนภาษาบาลีมา ผมอ่านและแปลภาษาบาลีไม่เป็นหรอกครับ แต่ยุคนี้สมัยนี้ เรามีผู้รู้ซึ่งส่วนใหญ่เป็นพระสงฆ์องค์เจ้าที่สามารถแทงทะลุพระไตรปิฎกได้กรุณาเขียนอธิบายเจตนารมณ์ต่างๆ ของพระสัมมาสัมพุทธเจ้าเป็นภาษาไทยมีจำนวนมากเป็นพันเป็นหมื่นเล่ม ผมเป็นคนชอบอ่าน จึงพูดตามอริยสงฆ์เหล่านั้น วันนี้ขอยกตัวอย่างมาให้ดู 1 ท่าน คือ ความเห็นของสมเด็จพระญาณสังวรอดีตสมเด็จพระสังฆราชได้ทรงอธิบายเรื่องนี้ว่าอย่างนี้ครับ

“...การให้ธรรมทานแม้จะมากถึง 100 ครั้ง ก็ยังได้บุญน้อยกว่าการให้ #อภัยทาน แม้จะให้แต่เพียงครั้งเดียวก็ตาม การให้อภัยทานก็คือการไม่ผูกโกรธ ไม่อาฆาตจองเวร ไม่พยาบาทคิดร้ายผู้อื่นแม้แต่ศัตรูซึ่งได้บุญกุศลแรงและสูงมากในฝ่ายทาน เพราะเป็นการบำเพ็ญเพียรเพื่อละ #โทสะกิเลส เป็นการเจริญ #เมตตาพรหมวิหารธรรม อันเป็นพรหมวิหารข้อหนึ่งในพรหมวิหาร 4 ให้เกิดขึ้น ...ซึ่งเมื่อเมตตาพรหมวิหารธรรมได้เกิดขึ้นแล้ว เมื่อใดก็ย่อมละเสียได้ซึ่ง #พยาบาท ผู้นั้นจึงจะสามารถให้อภัยทานได้ การให้อภัยทานจึงเป็นเรื่องละเอียดอ่อนและยากเย็น จึงจักเป็นทานที่สูงกว่าการให้ทานทั้งปวง”
(จากหนังสือ “วิธีสร้างบุญบารมี” ประพันธ์โดยสมเด็จพระญาณสังวรฯ สถาบันบันลือธรรม พิมพ์และเผยแพร่, หน้า 17)

#สรุป การที่ผู้ใดจะมี “อภัยทาน” ให้คนอื่นได้ผู้นั้นต้องเอาชนะ “โทสะกิเลส” ภายในใจของตนให้ได้เสียก่อนซึ่งเป็นเรื่องยากที่สุด ผมเองแม้จะอ่านธรรมะมาก แต่ก็ไม่ถึงขั้นเป็น “อริยะบุคคล” เพราะยังไม่สามารถเอาชนะกิเลสอย่างนั้นได้อย่างหมดสิ้น ใครด่าเหน็บแนมผมก็โกรธแต่เมื่อรู้ทันจิตผมก็จะทำ “อตัมมยตา” ระงับความโกรธมิให้มีความรุนแรงเท่าที่ธรรมชาติฝ่ายต่ำควรจะเป็น จึงไม่ยอมตอบโต้ผู้ที่พูดเสียดสี ให้ร้าย หรือพยายามด้อยค่าของผม แต่ก็มีประชาชนที่เป็นกลางๆ หลายคนแสดงความไม่พอใจแทนผม

มีตัวอย่างอยู่ท่านหนึ่งคือ คุณเฉลิม วัชรถานนท์ ซึ่งเป็นผู้ได้รับรางวัลนิสิตดีเด่นนิเทศศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นนักสื่อสารมวลชนอาวุโสที่วงการสื่อสารมวลชนในประเทศไทยรู้จักกันดี ท่านมีรายการของท่านทั้งทาง Facebook และ YouTube ซึ่งมีผู้ติดตามรายการอยู่เป็นจำนวนมาก ท่านมีความเห็นเรื่องนี้อย่างไร ขอให้ท่านทั้งหลายติดตามฟังด้วยตัวของท่านเอง หลังจากอ่านบทความของผมจบลงก็จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง (ดูได้ที่ https://fb.watch/gCQ1wNAryy/)

ส่วนตัวของผมก็ได้เคยยืนยันไปแล้วว่าแม้จะยังอยู่เป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ ผมก็จะไม่ขอรับตำแหน่งทางการเมืองใดๆอีกแล้ว เพราะผมรู้ตัวดีว่ามีอายุมากแล้ว #ควรจะรู้จักพอ เคยเป็นอะไรๆมามากมายแล้วปล่อยและเปิดโอกาสให้กับคนรุ่นใหม่เขาได้หัดทำงานรับใช้ชาติกันบ้าง ถ้าคนรุ่นเก่ามีแต่กิเลสครอบงำ อยากเป็นแล้วอยากเป็นอีก ซ้ำๆ ซากๆ ก็เท่ากับไม่เปิดโอกาสให้มีการสร้างผู้บริหารชาติรุ่นใหม่ๆเข้ามาดูแลบ้านดูแลเมืองซึ่งไม่น่าจะเป็นเรื่องถูกต้องและน่าจะเป็นเรื่องน่ารังเกียจเสียด้วยซ้ำไป

แม้ผมจะออกมาช่วยเหลือพรรคใหม่ๆ ใดๆ ก็จะเป็นเพียงคอยให้คำปรึกษาชี้แนะแนวทางที่คิดว่าจะเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติ แต่จะไม่ขอแลกกับตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ที่ต้องกินเงินเดือนอันเป็นเงินจากภาษีอากรของประชาชนอีกต่อไป

แม้แต่คุณพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ก็เป็นคนที่ไม่ยึดติดกับตำแหน่งใดๆ เมื่อสมัยที่ขอให้ผมเป็นคนเสนอชื่อลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ครั้งล่าสุดนั้น ได้ยืนยันกับผมและกับที่ประชุมใหญ่สามัญของพรรคฯ ว่าถ้าตนได้รับเลือกแล้วพรรคฯ ได้เข้าร่วมรัฐบาล ตนจะไม่ขอรับตำแหน่งทางการเมืองใดๆ ในคณะรัฐมนตรี เพราะมีเจตนารมณ์แน่วแน่ ที่จะปฏิรูปพรรคฯ เพียงเท่านั้น

ท่านได้ยืนยันเป็นการส่วนตัวกับผมว่า ท่านต้องการจะปฏิรูปพรรคฯ ให้หลุดพ้นจากการถูกครอบงำทางความคิดของคนรุ่นเก่า ที่ไม่ได้มีความคิดริเริ่มและสร้างสรรค์ในการปฏิรูปทั้งของพรรคและของประเทศ หวงแต่อำนาจของตนในพรรค ทำลายทุกคนที่แข็งข้อ คนที่เก่งกว่า ฉลาดกว่า มั่นคงในอุดมการณ์มากกว่าจึงทนอยู่ไม่ได้ต้องลาออกไปเพื่อหารังใหม่หรือไปสร้างรังใหม่ ก็ไม่ควรจะมีใครไปดูหมิ่นน้ำใจ และพูดจาด้อยค่าพวกเขาทุนคนมีค่าต่อชาติอย่าคิดว่าตนเหนือกว่าคนอื่นในพรรคนักการเมืองทั่วโลก หากผู้ใดจัดแต่ปากหากขาดสมองก็มีค่าไม่ค่อยมากเท่าไรหรอกครับ

ปล. หลังจากเขียนบทความนี้จบก็ทราบข่าวว่าท่าน พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้กรุณามีคำสั่งแต่งตั้งผมให้เป็นที่ปรึกษาของท่าน ผมจึงขอยืนยันกับท่านผู้อ่านว่า ตำแหน่งนี้เป็นตำแหน่งที่ไม่มีเงินเดือน มันเป็นเจตนารมณ์ของผมที่ได้กราบเรียนท่านนายกฯ เอาไว้ล่วงหน้าแล้วครับ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ทนายมือหนึ่ง' เผยคนฝากให้กำลังใจนายกฯเยอะ หลังถูก 'บิ๊กโจ๊ก' เอาคืน

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายพิชิต ชื่นบาน ที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีมีชื่อเป็นรัฐมนตรี ว่า วันนี้ต้องให้กำลังใจนายกรัฐมนต

'พีระพันธุ์' แย้มแนวทางรื้อโครงสร้างพลังงาน กำหนดราคาน้ำมันเอง

'พีระพันธุ์' ยังไม่ชัดมาตรการตรึงราคาน้ำมันดีเซล ลิตรละ 30 บาทต่อ แต่ลุยรื้อโครงสร้างพลังงานให้รัฐบาลสามารถเป็นผู้กำหนดราคาได้ ย้ำ เสร็จในรัฐบาลนี้

‘สุชาติ’ ลั่นไม่ยึดติด หลังมีชื่อนั่ง รมต. ยันปรับ ครม.อำนาจนายกรัฐมนตรี

พรรครวมไทยสร้างชาติ ทุกสิ่งทุกอย่างอยู่ในกลไกของหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค และผู้ใหญ่ของพรรคเป็นหลัก การปรับ ครม.อำนาจเป็นของนายกรัฐมนตรี