อย่างงง! สาวเพื่อไทย ยก 'กฎโน้มถ่วงทางการเมือง' ยากที่ 'ประยุทธ์' จะสร้างคะแนนเพิ่มได้

5 ม.ค.2566 - น.ส.ชญาภา สินธุไพร รองโฆษกพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม เตรียมเดินทางลงพื้นที่ร่วมกับรัฐมนตรีหลายกระทรวงที่ จ.สิงห์บุรี และคาดว่าคงจะลงพื้นที่ถี่ยิบก่อนยุบสภา กฎเหล็กของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) มีรายละเอียดชัดเจนห้ามผู้สมัครรับเลือกตั้งและพรรคการเมืองมอบสิ่งของช่วยเหลือประชาชนในสถานการณ์ต่างๆได้ เช่น การมอบสิ่งของช่วยเหลืออุทกภัย ฯลฯ ทำให้ในช่วงน้ำท่วมปีที่ผ่านมา ส.ส.และสมาชิกพรรคของพรรคร่วมฝ่ายค้านมีความพยายามที่จะลงพื้นที่ช่วยเหลือประชาชน ไม่สามารถทำได้ สิ่งที่เกิดขึ้นสร้างความสงสัยให้กับสังคมว่ากฎหมายเลือกตั้งที่มีขึ้นในยุค คสช. สร้างความไม่เท่าเทียมทางการเมืองหรือไม่

ทั้งนี้ การที่ พล.อ.ประยุทธ์ สามารถใช้ทรัพยากรของรัฐ ทั้งรถยนต์ของรัฐ เครื่องบินของรัฐ ไปพบปะผู้ว่าราชการจังหวัด ใช้งบประมาณหรือกระทำการอื่นใดที่อาจจะเป็นการสร้างความได้เปรียบทางการเมือง ซึ่งดูเหมือน พล.อ.ประยุทธ์ จะไม่สำนึก และยังคงเดินหน้าทำต่อไป ยืนยันได้จากการแต่งตั้งหัวหน้าพรรคที่ พล.อ.ประยุทธ์ จะไปสังกัดเป็นเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งคนเขาเคลือบแคลงสงสัยว่าขัดมารยาททางการเมือง

นอกจากนั้นการที่ พล.อ.ประยุทธ์ เป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคพลังประชารัฐ แต่ยังไม่ทำตามนโยบายที่ได้หาเสียงไว้ หลายเรื่อง เช่น ค่าจ้างขั้นต่ำ 425 บาทต่อวัน เงินเดือนปริญญาตรี 20,000 บาทต่อเดือน แต่เตรียมเปิดตัวจะเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรครวมไทยสร้างชาติ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องผิดมารยาททางการเมืองเป็นอย่างมาก กรรมเป็นเครื่องชี้เจตนาที่จะแสดงให้เห็นว่า ในจิตใจของผู้นำประเทศ มีความสำนึกหรือละอายทางการเมืองหรือไม่

ทั้งนี้ ในระหว่างที่มีกฎเหล็ก กกต.180 วันอยู่นี้ พล.อ.ประยุทธ์ควร

1.มีมารยาททางการเมือง ไม่ควรริเริ่มโครงการขนาดใหญ่ในตอนนี้ ที่จะสร้างภาระงบประมาณให้รัฐบาลหน้า

2.ไม่โยกย้ายข้าราชการ เพื่อจัดวางคนสร้างความได้เปรียบทางการเมือง

3.ควรระมัดระวังในการใช้จ่ายงบกลางในช่วงใกล้สิ้นสุดรัฐบาล

น.ส.ชญาภา กล่าวต่อว่า หากประเมินความพร้อมของพรรคตั้งใหม่ ไม่ได้มีบิ๊กเนม มีแต่โอลด์เนม เข้าไปสมทบ ต้องใช้เวลาอีกนานกว่าที่ประชาชนจะยอมรับ เพราะจากผลการสำรวจครั้งแล้วครั้งเล่า อย่างนิด้าโพลครั้งล่าสุดเมื่อเดือนธันวาคม 2565 พบว่า บุคคลที่ประชาชนจะสนับสนุนให้เป็นนายกรัฐมนตรีในวันนี้ อันดับ 1 ร้อยละ 34 คือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร ส่วนพล.อ.ประยุทธ์ ได้เพียงร้อยละ 14.05 คะแนนนิยมดังกล่าวเป็นเหตุผลที่พล.อ.ประยุทธ์เร่งลงพื้นที่หรือไม่ อยู่มา 8 ปี ไม่ค่อยลงพื้นที่ถี่เหมือนตอนนี้ และผลงานไม่โดดเด่นจึงได้คะแนนความนิยมน้อยขนาดนี้

“เหลือเวลาอีก 2 เดือนกว่า ที่จะหมดอายุสภา และพลเอกประยุทธ์คงลากยาวให้นานที่สุด แต่ก็คงยากที่จะสร้างคะแนนเพิ่มขึ้นมาได้ตามกฎโน้มถ่วงทางการเมือง และจากการลงพื้นที่รับฟังปัญหา พูดคุยกับพี่น้องประชาชน ซึ่งชีวิตลำบากมากจากปัญหาเศรษฐกิจ พวกเขาต่างเชื่อมั่นว่าพรรคเพื่อไทยจะเป็นพรรคการเมืองที่เข้ามาแก้ปัญหาความทุกข์ยาก คืนชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้กับพวกเขาได้” น.ส.ชญาภา กล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'เศรษฐา' ยันถกแกนนำพรรคร่วม ไม่ได้ส่งสัญญาณปรับครม. ถ้าเกิดขึ้นก็รู้เอง

นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรีและรมว.คลัง ให้สัมภาษณ์ถึงการเรียกแกนนำพรรคร่วมรัฐบาลเข้ามาหารือที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบฯ ได้มีการส่งสัญญาณปรับคณะรัฐมนตรี (ครม.) หรือไม่ ว่า ไม่มี ไม่ได้พูดคุย เมื่อถามว่า นอกจากพูดคุยเรื่องดิจิทัลวอลเล็ตแล้วมีเรื่องอะไรบ้าง

เปิดภาพนักการเมืองหลายพรรคร่วมประชุม 'ผู้ช่วยรัฐมนตรี'

นายสุทิน คลังแสง รมว.กห. ให้การต้อนรับคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ในการประชุมคณะกรรมการผู้ช่วยรัฐมนตรี ครั้งที่ 3/2567 ซึ่งกระทรวงกลาโหมได้รับโอกาสเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมฯ โดยมี พล.อ.อ.สุรพล พุทธมนต์ และ นายจำนงค์ ไชยมงคล ผช.รมต.ประจำ กห. เป็นประธาน

อัยการนัดฟังคำสั่งคดี 'จักรภพ' 23 พ.ค. เจ้าตัวแย้มจ่อลุยการเมือง

อัยการนัดฟังคำสั่งคดี 'จักรภพ เพ็ญแข' ครอบครองอาวุธสงคราม 23 พ.ค.นี้ เจ้าตัวเชื่อมั่นกระบวนการยุติธรรม จ่อลุยการเมืองหลังพ้นคดี ชี้ ‘ยิ่งลักษณ์’ ควรได้ความเป็นธรรมเหมือนทุกคน

ความเป็นมาของรัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 (ตอนที่ 7)

รัฐธรรมนูญฉบับที่ 4 รัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย (ฉบับชั่วคราว) พุทธศักราช 2490 ประกาศใช้เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2490

'กูรูการเมือง' ชำแหละ! ปั่นเฟกนิวส์ 'วันนอร์' ไขก๊อกประธานสภา

นายไพศาล พืชมงคล นักกฎหมาย และอดีตกรรมการผู้ช่วยรองนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ) โพสต์ข้อความบนเฟซบุ๊กว่า เบื่อกาลวินาศมาถึง อะไรต่อมิอะไรก็วิปริตแปรปรวนไป

กุนซือใหญ่ ลั่น! แก้ กม.กลาโหม ให้ฝ่ายการเมืองโยกย้ายทหารได้ กำเริบมากไป

การมองทหาร เป็นภัยของฝ่ายการเมือง ถึงขั้นจะแก้กฎหมาย เพื่อป้องกันไม่ให้ทหารยึดอำนาจ เป็นการวอนหาเรื่อง ที่อาจเกิดเรื่องเมื่อใดก็ได้