‘มัลลิกา’ ชูแผนพลิกเศรษฐกิจประเทศด้วยพลังงานทดแทน หมดเวลา ‘เชิดทุนใหญ่’ เน้นกระจายทุนเล็ก-กลาง-ใหญ่ เท่าเทียมเป็นธรรม กระตุ้นเศรษฐกิจทุกภูมิภาค
20 ก.พ. 2566 – นางมัลลิกา บุญมีตระกูล มหาสุข ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ อดีตที่ปรึกษารัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์ เปิดเผยว่า หลังการอภิปรายมาตรา 152 ในวาระการประชุมสภาผู้แทนราษฎรผ่านไปชัดเจนว่าทุนใหญ่ทางด้านพลังงานครอบงำตั้งแต่รัฐบาลยันฝ่ายค้าน ขณะเดียวกันก็มีบทบาทและอำนาจมากถึงขั้นพยายามเป็นผู้จัดการรัฐบาลและพยายามทำตัวเชื่อมโยงการจัดตั้งรัฐบาลในอนาคต ทั้งที่การเลือกตั้งและคะแนนจากประชาชนยังไม่ปรากฎ โดยทุนใหญ่เหล่านี้พยายามนำความมั่นคงของชาติเป็นตัวประกัน ถือว่า ลักษณะที่เกิดขึ้นเป็นความเสื่อมถอยของการเมืองอย่างยิ่ง
ทั้งนี้ ในการประชุม ส.ส. พรรคประชาธิปัตย์ วันพรุ่งนี้ (21 ก.พ.) ในฐานะสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรของพรรค จะเสนอแผนยุทธศาสตร์นโยบายทางด้านพลังงานของพรรค โดยเน้นยุทธศาสตร์พลังงานทดแทนแบบเท่าเทียมทั่วไทย คำนึงถึงยุทธศาสตร์พลังงานแห่งชาติให้ประสบความสำเร็จ ใช้กลยุทธ์อย่างทันสมัยกระจายรายได้และการลงทุนทั่วประเทศ ไม่ว่าจะเป็นภาคใต้ภาคกลาง ตะวันตก ตะวันออก กรุงเทพมหานคร ภาคอีสาน และภาคเหนือ ซึ่งทุกภูมิภาค มีการสร้างสายส่งไฟฟ้าอย่างครอบคลุมทั่วไทยมาแล้วตั้งแต่ปี 2558 และถือว่าในแผนนโยบายนี้จะเป็นการปฏิรูปพลังงานอย่างชัดเจน
“หมดเวลาของทุนใหญ่ที่จะต่อยอดมาครอบงำประเทศชาติมันไม่สมควรอีกต่อไปนะคะ เรื่องนี้ไม่ว่าจะเป็นผู้นำฝ่ายใดก็น่าจะได้ตระหนักเพราะไม่เช่นนั้นแล้วเราประเทศเราจะถดถอยลงไปอีก ประเทศเรานี้จากที่เคยอยู่ใต้อิทธิพลของประชานิยมทักษิณ ต่อไปอาจจะอยู่ภายใต้อิทธิพลของทุนใหญ่ทางด้านพลังงานรายใหม่ไม่แตกต่างกัน แม้วันนี้ยังไม่มีการเลือกตั้ง พวกผู้คนเหล่านี้ก็พยายามเคลื่อนไหวเตรียมการจัดตั้งรัฐบาลทั้งยังครอบงำได้แม้แต่เสนาธิการ นักการเมืองทุกฝ่ายไม่ว่าจะเป็นพรรคการเมืองฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล แบบนี้ไม่ไหวมันจะนำไปสู่ชนวนเหตุแห่งความขัดแย้งรูปแบบใหม่ต่อไปได้” นางมัลลิกา ระบุ
ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จะเสนอนโยบายด้านการบริหารนโยบายแผนงานและมาตรการด้านพลังงานของประเทศเป็นไปอย่างต่อเนื่องและมีประสิทธิภาพ เน้นการกำหนดราคาพลังงานติดตามดูแลประสานงานสนับสนุนเร่งรัดทุกส่วน ทั้งราชการ รัฐวิสาหกิจ เอกชนที่เกี่ยวข้องกับพลังงานให้เป็นไปตามแผนนโยบายเพื่อไม่ให้เกิดวิกฤติขาดแคลนพลังงานไฟฟ้า พร้อมทั้งทำการประเมินผลการปฏิบัติตามนโยบาย โดยแผนนี้จะใช้ขื่อว่า “PDP2023” สาระสำคัญคือการจัดทำแผนพลังงานชาติด้วยการกระจายสัดส่วนเชื้อเพลิงที่ใช้ในการผลิตไฟฟ้าเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม กำหนดกำลังผลิตไฟฟ้าสำรองของประเทศและกระจายแหล่งผลิตไฟฟ้า
แผนนี้ให้ใช้มาตรการผสมผสานทั้งการบังคับและสนับสนุนจูงใจการให้เอกชนเป็นหุ้นส่วนสำคัญในการส่งเสริมและดำเนินการอนุรักษ์พลังงานการ ใช้มืออาชีพและบริษัทจัดการพลังงานเป็นกลไกสำคัญการเพิ่มการพึ่งพาตนเองด้านเทคโนโลยีและเสริมสร้างธุรกิจผลิตสินค้าที่มีประสิทธิภาพพลังงานสูง โดยใช้ 5 กลยุทธ์คือการบังคับด้วยกฎระเบียบและมาตรฐาน การส่งเสริมพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม การพัฒนาสั่งการพัฒนากำลังคนและความสามารถเชิงสถาบัน การสร้างความตระหนักและเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม การส่งเสริมสนับสนุนอนุรักษ์พลังงาน และเพื่อป้องกันการได้ผู้ผลิตที่ไม่มีความพร้อมซึ่งจะกลายเป็นภาระและเสียเวลาเสียโอกาสดังที่ผ่านมาจึงมีการให้กำหนดเงื่อนไขความพร้อมเลือกผู้ผลิตที่มีความพร้อม 4 ด้าน คือ ด้านแหล่งเงินทุน ด้านที่ดินทำโครงการ ด้านเทคโนโลยีและด้านใบอนุญาติที่เกี่ยวข้อง
“และควรคำนึงถึงภารกิจรัฐบาลในกรอบความร่วมมือว่าด้วยการลดโลกร้อน การลดคาร์บอนไดออกไซด์ของประเทศ กระจายแหล่งพลังงานทดแทนทั้งรูปแบบ น้ำ ลม แดด ไบโอแก๊ส ไบโอแมส โดยเน้นธรรมชาติ เน้นการลงทุนไปยังภูมิภาค เพื่อกระจายการลงทุน กระจายรายได้และกระตุ้นเศรษฐกิจให้เกิดความเท่าเทียมทั่วประเทศ ที่สำคัญที่สุดก็คือเน้นการมีส่วนร่วมของภาคประชาชนให้ชุมชนและประชาชนมีส่วนร่วม มีรายได้ มีอำนาจตัดสินใจ มีส่วนพัฒนาท้องถิ่นและความเจริญ และเน้นการกระจายการลงทุนตั้งแต่ธุรกิจภูมิภาคแบบ เล็ก-กลาง-ใหญ่ ไม่ปล่อยเพียงทุนใหญ่มาเป็นผู้กำหนดเกมเท่านั้นอีกต่อไป” นางมัลลิกา กล่าว.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
‘เต้ มงคลกิตติ์‘ ชวนขนลุก! อาจถึงเวลาทหารกลับมาจัดระเบียบใหม่
นายมงคลกิตติ์ สุขสินธารานนท์ สมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ อดีตสส. พรรคไทยศรีวิไลย์ โพสต์ข้อความในเฟซบุ๊ก