ส.ว. ส่งสัญญาณต้าน 'อุ๊งอิ๊ง' ย้ำสภาสูงไม่เอาคนไม่มีวุฒิภาวะ มีพ่อคอยไขลานมาเป็นผู้นำประเทศ

สว.ส่งสัญญาณต้าน”อุ๊งอิ๊ง”สภาสูงลั่น โหวตเลือกนายกฯ ไม่เอาคนไม่มีวุฒิภาวะ มีพ่อคอยไขลานมาเป็นผู้นำประเทศ ลั่นต่อให้เพื่อไทยได้เสียงมาเป็นสิบล้าน ก็ไม่สน ถือเป็นการไม่ให้เกียรติประเทศ-ประชาชน

19 มี.ค. 2566- นายประพันธ์ คูณมี สมาชิกวุฒิสภา กล่าวถึงการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีของสมาชิกวุฒิสภา ที่จะเกิดขึ้นหลังการเลือกตั้งโดยให้ความเห็นเชิงวิเคราะห์สถานการณ์ไว้ว่า ยังเชื่อว่า พรรคเพื่อไทย จะไม่ชนะการเลือกตั้งแบบแลนด์สไลด์ อย่างที่ทางเพื่อไทยกำลังสร้างกระแสในเวลานี้ เพราะปัจจุบัน มีหลายปัจจัยการเมืองที่แตกต่างจากในอดีตมาก เช่น การเมืองในช่วงหลังการทำรัฐประหารรอบสองโดยคสช. ในปี 2557 ที่ทำให้ ฐานอำนาจของทักษิณ ชินวัตร และเพื่อไทย ถูกทำลาย-ตัดตอน ถอนรากถอนโคลน ไปเยอะในช่วงแปดปีที่ผ่านมา ทำให้อำนาจของระบอบทักษิณขยับอะไรแทบไม่ได้ คือถึงไม่โดนกวาดล้าง แต่ก็ถูกทำหมัน ถูกลิดรอนอำนาจออกไปเยอะ

และต้องไม่ลืมว่าเมื่อมีการเลือกตั้งเกิดขึ้น กลไกต่างๆ ทั้งฝ่ายกระทรวงมหาดไทย ตำรวจ ทหาร และองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น อบจ.-อบต. อยู่ในการกำกับดูแลของรัฐบาล ไม่ใช่เพื่อไทย และผมก็ไม่เชื่อว่าข้าราชการเหล่านั้นจะไปเกรงกลัวอำนาจเพื่อไทย จนยอมที่จะไปเสี่ยงไปยอมเป็นเครื่องมือรับใช้เพื่อไทย เพื่อช่วยให้เพื่อไทยได้แลนด์สไลด์ เหมือนอย่างที่เคยทำกันมาก่อนหน้านี้ ที่มีการสั่งผวจ. โดยหากจังหวัดไหน ทำเสียงได้ไม่ถึงเป้า ทักษิณก็ย้าย แต่วันนี้เพื่อไทยไม่มีอำนาจไปทำแบบนั้น

นายประพันธ์ กล่าวอีกว่า รวมถึงปัจจัยทางการเมืองจากกรณี บุคคล นักการเมือง ที่เคยอยู่ร่วมเป็นขบวนการเดียวกัน เคยสนับสนุนพรรคเพื่อไทยแต่ปัจจุบันแยกออกไปเยอะ เช่น พรรคภูมิใจไทยของอนุทิน ชาญวีรกูล พรรคไทยสร้างไทย โดยการนำของ คุณหญิงสุดารัตน์ เกยุราพันธุ์ ที่ได้ตัดขาดจากเพื่อไทยอย่างเด็ดเดี่ยว และยังมีกรณีพรรคก้าวไกล ที่เป็นกลุ่มที่มีความก้าวหน้าทางการเมืองในบางด้าน แต่ก็เป็นกลุ่มที่ไม่ยอมรับการนำของทักษิณและเพื่อไทย ที่ไม่ได้แสดงจุดยืนของการเป็นนักต่อสู้เพื่อประชาธิปไตยอย่างแท้จริง ทำให้คนที่เคยเป็นนักวิชาการ นักกิจกรรม หรือคนรุ่นใหม่ ที่เคยคาดหวังว่า พรรคเพื่อไทยจะถือธงนำในการเป็นพรรคเพื่อประชาธิปไตย คนรุ่นใหม่พวกนี้ไม่มีทางเชื่อแบบนั้นแล้ว เพราะทุกคนมองออกว่า เพื่อไทย เป็นพรรคการเมืองระบบครอบครัว ที่มีพ่อบ้าน เถ้าแก่ ซึ่งระบบครอบครัว เป็นอุปสรรคโดยตรงต่อระบอบประชาธิปไตย เพื่อไทยจึงไม่ใช่พรรคการเมืองในฝ่ายประชาธิปไตย ที่จะไปแขวนป้าย ติดหน้าผากตัวเองแล้วไปโฆษณาชวนเชื่อกับประชาชนว่าตัวเองเป็นพรรคฝ่ายประชาธิปไตย เพราะในพรรคก็ไม่มีความเป็นประชาธิปไตย เพราะทุกอย่างก็แล้วแต่เถ้าแก่ นายทุน เจ้าของพรรคจะสั่งให้ซ้ายหัน ขวาหัน ส.ส.ลูกพรรค ก็เป็นเหมือนหุ่น

นายประพันธ์กล่าวต่อไปว่า จึงเห็นได้ว่า ในขบวนการที่มีการเชิดลูกสาวตัวเองขึ้นมา ทำให้บรรดาส.ส.และลิ่วล้อในพรรคเพื่อไทย ก็ออกมาแห่แหน ยกยอปอปั้น จะทำให้เป็นนารีขี่ม้าขาว ยกย่องว่าเป็นคนเก่ง มีความสามารถจะเป็นผู้นำประเทศ ไปโน่นเลย ทั้งที่ไม่เคยทำอะไรมาเลย ทำอะไรก็ไม่สำเร็จ บริหารกิจการบ้านเมืองก็ไม่เคยทำ บริหารธุรกิจก็ไม่เคยทำ แต่ก็มาอุปโลกน์กันให้ประชาชนยอมรับเพื่อจะให้มาเป็นผู้นำประเทศเพียงชั่วข้ามคืน

นายประพันธ์กล่าวอีกว่า ไม่เชื่อว่าประชาชนจะยอมรับจนเกิดกระแสคะแนนนิยมสูง ซึ่งกรณีแบบนี้จะเกิดขึ้นได้ ก็คือพ่อของตัวเองต้องเป็นผู้นำที่ซื่อสัตย์ มีความจงรักภักดี มีผลงานในการบริหารประเทศชาติบ้านเมืองจนประสบความสำเร็จแต่ถูกอำนาจการเมืองรังแก ถ้าแบบนี้ก็มีโอกาสที่ทายาท คนเป็นลูก ที่มาลงการเมือง จะได้รับคะแนนสงสารจากประชาชนจนได้เสียงสนับสนุน ซึ่งจะพบเห็นได้จากการเมืองในต่างประเทศ

สมาชิกวุฒิสภา ผู้นี้ กล่าวต่อไปว่า แต่กรณีของทักษิณ ไม่ได้เป็นนักการเมืองที่ถูกข่มเหงรังแก แต่เป็นนักการเมืองที่คนในประเทศเชื่อว่าอยู่ประเทศไทยไม่ได้เพราะโกง จนไม่เป็นที่ยอมรับของประชาชน ในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต ความจงรักภักดี อีกทั้งอยู่ประเทศไทยไม่ได้ เพราะกระทำความผิดในทางคดีไว้มากมายในคดีทุจริต ร่ำรวยผิดปกติ เพราะฉะนั้นการที่จะมาบิดเบือน กลับขาวให้เป็นดำ จากหน้ามือเป็นหลังมือเพื่อโปรโมตลูกสาวตัวเอง แล้วมาเรียกร้องให้คนเลือกเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ เพื่อตัวทักษิณจะได้กลับประเทศ เป็นข้อเรียกร้องที่ไม่ได้เร้าใจมากพอ จึงไม่เชื่อว่าเพื่อไทยจะชนะแบบแลนด์สไลด์

นายประพันธ์ มองว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ประเด็นที่คนจะคิดในการเลือกตั้งครั้งนี้ ที่คิดได้ง่ายสุดคือ ระหว่างพลเอกประยุทธ์กับอุ๊งอิ๊ง แพทองธาร ชินวัตร ประชาชนจะเลือกใคร เพราะเป็นคนที่มีโอกาสจะเป็นนายกรัฐมนตรีจากสองฝ่าย ซี่งยังเชื่อว่าคนส่วนใหญ่ในประเทศนี้ เขายังให้น้ำหนักกับพลเอกประยุทธ์หรือแม้แต่กับพลเอกประวิตรจากพลังประชารัฐมากกว่าเพราะมีความอาวุโส มีความรู้มีประสบการณ์ในการบริหารบ้านเมือง อุ๊งอิ๊งหากจะเป็นนายกฯ ก็เป็นนายกรัฐมนตรีตามคำสั่งพ่อ ประสบการณ์ ความรู้ ก็ไม่มี การเลือกตั้งครั้งนี้ ก็คือจะเอาฝั่งพรรคการเมืองที่เป็นฝั่งรัฐบาลปัจจุบัน หรือจะฝั่งเพื่อไทย

เมื่อถามว่า หากเพื่อไทย ชนะเลือกตั้งแล้วรวมเสียงจัดตั้งรัฐบาลได้เกินกึ่งหนึ่ง 250 เสียงโดยเสนอชื่ออุ๊งอิ๊ง หรือเศรษฐา ทวีสิน ในฐานะสมาชิกวุฒิสภา จะมีแนวทางการโหวตเลือกนายกฯอย่างไร นายประพันธ์กล่าวว่าสมาชิกวุฒิสภา ยังไม่ได้คุยประเด็นดังกล่าว โดยส่วนใหญ่ทั้งหมด คือรอดูเหตุการณ์ภายหลังเลือกตั้ง ฝ่ายไหนรวมเสียงแล้วได้ส.ส.มากกว่ากัน ถึงตอนนั้น สมาชิกวุฒิสภา ถึงจะมาตัดสินใจ แต่แน่นอนว่า หากพรรคฝ่ายรัฐบาลปัจจุบันหลังเลือกตั้งรวมเสียงกันแล้วได้เป็นเสียงข้างมากเกิน 250 เสียง คิดว่าการโหวตเลือกนายกฯจะไม่ยุ่งยากไม่ซับซ้อน แต่หากพรรคการเมืองที่อยู่ในซีกพรรคฝ่ายค้านปัจจุบันรวมเสียงกันแล้วได้เป็นเสียงข้างมาก จนจัดตั้งรัฐบาลได้ มันก็มีเงื่อนไขอยู่ว่าแล้วใครจะมาเป็นนายกรัฐมนตรี จะมีปัจจัยเรื่องนี้มาพิจารณาประกอบสำหรับสมาชิกวุฒิสภาด้วย

หากคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรี ไม่มีวุฒิภาวะ ไม่มีความรู้ ไม่มีประสบการณ์ในการบริหารบ้านเมือง ไม่มีความน่าไว้วางใจในเรื่องความซื่อสัตย์สุจริต จุดนี้จะเป็นเหตุและปัจจัยที่ทำให้สมาชิกวุฒิสภา คิดและตัดสินใจด้วยตัวเองว่าสมควรสนับสนุนหรือไม่ เพราะการโหวตเลือกคนเป็นนายกฯ คือการโหวตเลือกคนมาเป็นผู้นำประเทศ มันไม่ใช่การเลือกคนมาเป็นผู้นำครอบครัวใด ครอบครัวหนึ่ง

“ข้ออ้างว่ามาจากการเลือกตั้งมันไม่เพียงพอ ถ้าคุณมาจากการเลือกตั้ง คุณต้องเคารพประชาชนด้วย ว่าคุณจะเอาใครมายัดเยียดให้เป็นผู้ปกครองเขา คุณต้องฟังความรู้สึกของประชาชนด้วย เพราะประชาชนไม่ใช่ลูกพรรคคุณ ที่คุณจะมาสั่งซ้ายหันขวาหันได้ วุฒิสมาชิก ไม่ใช่ลูกพรรคคุณ ที่จะมาสั่งให้สว.ซ้ายหัน ขวาหันได้ เขาก็ต้องคิดว่าหากจะเอาคนที่ไม่มีวุฒิภาวะ และเป็นคนที่มีพ่อเป็นนักโทษคอยไขลานอยู่ เอาว่า อย่างน้อยผมคนหนึ่งละที่จะไม่โหวตให้ ผมไม่รู้ว่าคุณจะไปรวมเสียงกันมาได้กี่ร้อยเสียงก็ตาม แต่คุณต้องฟังเสียงประชาชน แต่ถ้าคุณเอาคนนั้นมา เอาลูกสาวคุณมา คือคุณไม่ให้เกียรติประชาชน ไม่ให้เกียรติประเทศชาติตัวเอง ”นายประพันธ์ระบุ

สมาชิกวุฒิสภาผู้นี้กล่าวต่อไปว่า แต่ถ้าเป็นคนอื่น ในเพื่อไทยอย่าง นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว สุทิน คลังแสง หรือคนอื่นในพรรคที่พอมีวุฒิภาวะอย่างชัยเกษม นิติศิริ แบบนี้ยังพอฟังได้ว่าคุณให้เกียรติและเคารพประชาชน เคารพคนที่จะมาโหวตให้ความเห็นชอบคุณด้วย เพราะคนที่จะเลือก เลือกไปเป็นผู้นำประเทศ ไม่ใช่มาเป็นเบ๊ มาเป็นลูกน้องคอยรับใช้ เจ้าของพรรค และประชาชนเขาจะได้รู้สึกว่าเป็นการให้เกียรติประชาชน หรือแม้แต่กับ เศรษฐา ทวีสิน ก็ยังพอรับฟังได้ ก็อยู่ที่ดุลยพินิจของสว.คนอื่นๆว่าเขาคิดเห็นอย่างไร แต่สำหรับผมต้องพิจารณาจากวัยวุฒิ คุณวุฒิ ความสามารถ ประสบการณ์ ความซื่อสัตย์สุจริต ประสบการณ์ในการที่จะบริหารประเทศชาติบ้านเมืองประกอบด้วย เพราะคะแนน 250 เสียงส.ส.ที่เกินมา ไม่สามารถมาสั่งสว.ได้ เพราะสว.เขามีอิสระในการโหวต

ถามต่อไปว่า หากคะแนนปาร์ตี้ลิสต์เพื่อไทยได้มาจำนวนมากเช่น อาจเกือบสิบล้าน เพื่อไทยก็จะบอกว่าประชาชนเลือกมาสิบล้าน นายประพันธ์กล่าวตอบว่า ไม่เกี่ยว เอามาตัดสินไม่ได้ ไม่เกี่ยวเลย เวลาเลือกนายกฯ เขาไม่ได้ดูคะแนน แต่ดูกี๋นส์ เขาดูคน ต้องเอาคนมาทำงาน ต้องให้ได้ร้อยล้านด้วย ถ้าเอาคนไม่ได้เรื่องมา เขาก็ไม่เลือก เพราะมันคนละบริบทกันแล้ว ในเมื่อรัฐธรรมนูญให้สิทธิ์เขาในการโหวตในการเลือก เขาก็มีสิทธิ์ที่จะใช้วิจารณญาณของเขาเอง ไม่มีสิทธิ์ที่่จะไปบังคับอะไรเขา สว.ก็ต้องดูว่าคนจะมาเป็นผู้นำประเทศอยู่ในวัยวุฒิ คุณวุฒิ มีประสบการณ์ มีความสามารถ ซื่อสัตย์สุจริต สว.ก็ต้องดูอยู่แล้ว ไม่ใช่ว่าประชาชนเลือกผมมา ผมจะเอาใครก็ได้ มันไม่ใช่

สมาชิกวุฒิสภา ผู้นี้ยืนยันว่า การโหวตเลือกนายกฯ จะเคารพเสียงข้างมาก ฝ่ายไหนรวมเสียงข้างมากได้จะเคารพ ขออย่างเดียว คนที่จะเสนอตัวขึ้นมาเป็นแคนดิเดตนายกฯของฝ่ายเสียงข้างมาก ต้องเป็นคนที่ผมให้ความเคารพและยอมรับด้วย ไม่ได้ตั้งข้อรังเกียจใคร เพียงแต่จะเสนอใครเป็นนายกฯก็ต้องให้เกียรติประชาชน ให้เกียรติประเทศตัวเอง มีความน่าเคารพ น่าเชื่อถือ มีความรู้และประสบการณ์ที่จะมาเป็นผู้นำประเทศได้ ซึ่งเป็นผลดีกับบ้านเมืองมากกว่าที่จะมาอ้างว่าได้เสียงข้างมากแล้ว จะเสนอใครเข้ามา ก็ต้องโหวตเลือก

เมื่อถามถึงว่า หากเป็นแบบนี้มันจะเกิดความขัดแย้งการเมืองขึ้นหรือไม่ หากเพื่อไทยเสนอชื่ออุ๊งอิ๊งมาให้รัฐสภาโหวต แต่สว.กลับโหวตไม่เอาด้วย นายประพันธ์ กล่าวว่า คือถ้าหากจะต้องมีความขัดแย้ง เพื่อนำไปสู่สิ่งที่ดีกว่า มันก็จำเป็น เพราะมันไม่ใช่ว่า คุณเอาคนที่คนที่ไม่ยอมรับ คนที่ไม่มีความสามารถ แล้วจะมาบีบบังคับให้คนอื่นทำตามคุณ มันไม่ใช่แล้ว คนอื่นจะคิดยังไง ผมไม่รู้ แต่สำหรับผม เป็นคนหนึ่งที่จะไม่โหวตให้ ที่ไม่โหวตให้ ไม่ต้องพูดเรื่องอื่นเลย แต่เพราะวุฒิภาวะไม่ถึงที่จะมาเป็นนายกฯ เพราะยังสู้ส.ส.ธรรมดาๆ ในเพื่อไทยไม่ได้เลย เพราะเป็นคนที่ถูกอุปโลกน์ขึ้นมาจากเจ้าของพรรค จะมาเก่งชั่วข้ามคืนได้ยังไง มันไม่มีทางลัด ไม่ใช่ สามสิบวันนารีขี่ม้าขาว แล้วเป็นไง ก็ไม่มีแผ่นดินอยู่ ทำงานอะไรก็ไม่เป็น

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประธาน กมธ.พัฒนาสังคมฯ ย้ำจุดยืนไม่ไปดูงาน ตปท.

'ครูหยุย' ย้ำจุดยืน กมธ.การพัฒนาสังคมฯ ไม่ไปดูงาน ตปท. ชี้หากใครไปต้องตอบคำถามสังคมให้ได้ แนะกำหนดแนวทางให้ชัด เศรษฐกิจแย่ -แจกเงินหมื่น ไม่ให้ไปดูงานต่างประเทศ

'ธนาธร' ปลุกหนักมาก! ชวนลงสมัคร 'สว.ประชาชน' เข้าไปรื้อรัฐธรรมนูญ

นายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ ประธานคณะก้าวหน้า แถลงเปิดตัวแคมเปญ ‘สว.ประชาชน’ ของคณะก้าวหน้า ว่า คณะก้าวหน้าเห็นความสำคัญของการเลือกตั้ง สว.ในเดือน พ.ค.-มิ.ย.ที่จะมาถึง จึงอยากเชิญชวนพี่น้องประชาชนให้มาร่วมกันลงสมัคร สว.

สว.2567 เสี่ยงได้ วุฒิสภา สายพรรคการเมือง เชื่อมโยงผู้มีอิทธิพลในพื้นที่

เข้าสู่ช่วงเตรียมนับถอยหลังใกล้โบกมือลา สิ้นสุดการทำหน้าที่ของ สมาชิกวุฒิสภา ชุดปัจจุบันจำนวน 250 คน ที่จะหมดวาระลงในวันที่ 10 พ.ค. แต่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ต่อไป จนกว่าจะมี สว.ชุดใหม่เข้าปฏิบัติหน้าที่

'เทพไท' สงสัย 'อุ๊งอิ๊ง' ไม่เคลื่อนไหวออกมาเล่นสงกรานต์ ผิดธรรมชาตินักการเมือง

นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส. นครศรีธรรมราช โพสต์เฟซบุ๊ก เทพไท เสนพงศ์-คุยการเมือง โพสต์ระบุว่า หลายคนแปลกใจ !!!