'อันวาร์' โจมตี 'นิพนธ์' ผู้มีอิทธิพลเหนือปชป. โวเนื้อหอมมีหลายพรรคทาบทามแล้ว


18 ธ.ค. 2564 - ที่โรงแรมมิราเคิล แกรนด์ คอนเวนชั่น หลักสี่ นายอันวาร์ สาและ ส.ส.ปัตตานี และอดีตรองเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาเข้าร่วมการประชุมใหญ่สามัญประจำปีของพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมทั้งนำ “จดหมายเปิดผนึกถึงประชาธิปัตย์ เปิดใจเสียดายไม่เสียใจแต่หดหู่ที่พรรคเป็นเหตุสภาโจ๊ก”

โดยนายอันวาร์ กล่าวว่า วันนี้ต้องการมาขอคำตอบและพูดความจริงที่เกิดขึ้นภายในพรรค ส่วนที่ต้องทำจดหมายเปิดผนึกเพราะมองว่าอาจจะไม่มีโอกาสได้พูดในที่ประชุม เหมือนครั้งที่ผ่านมา ที่บอกว่าพรรคประชาธิปัตย์ไม่มีใครเป็นเจ้าของนั้นไม่ใช่ความจริง เพราะวันนี้พรรคมีเจ้าของตัวจริงและเป็นผู้ทรงอิทธิพลภายในพรรคคือนายนิพนธ์ บุญญามณี รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงมหาดไทย ในฐานะรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ตามภารกิจและรองหัวหน้าพรรครักษาการ ภาคใต้ ที่แม้กระทรวงมหาดไทยมีคำสั่งให้พ้นจากตำแหน่งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด (อบจ.สงขลา) จากการถูกคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ชี้มูลความผิด คดีไม่เบิกจ่ายเงินค่ารถเอนกประสงค์ 2 คัน จำนวน 50 ล้านบาท ให้เอกชน และถูกยื่นคำร้องให้ตรวจสอบคุณสมบัติความเป็นรัฐมนตรี ก็ยังสามารถดำรงตำแหน่งอยู่ได้ ซึ่งทั้งหัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคก็ไม่ได้ดำเนินการใดๆ จึงถือว่าเป็นผู้ทรงอิทธิพลตัวจริง

“โดยเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นภายในพรรคแสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าหากใครที่อยู่ฝั่งตรงข้ามกับผู้บริหารพรรคก็จะถูกดำเนินการให้ออกจากพรรคโดยใช้วิธีการทำโพลเพื่อขอมติพรรค ซึ่งผมก็เคยโดนมาแล้วแต่ก็ชนะ พร้อมทั้งแสดงจุดยืนและอุดมการณ์จนยังสามารถอยู่ต่อได้ สิ่งที่เกิดขึ้นนี้ทำให้ภาพพจน์ของพรรคประชาธิปัตย์ตกต่ำ ไม่เหมือนกับในอดีต แต่กลายเป็นว่าคนที่แสดงอุดมการณ์และจุดยืนเพื่อรักษาภาพพจน์ของพรรคกลับอยู่ไม่ได้ สิ่งที่ตัวเองเรียกร้องกลายเป็นว่าไม่ถูกต้อง ทั้งที่ทำเพื่อพรรคเพื่อให้สามารถเป็นที่พึ่งของชาติบ้านเมืองได้”นายอันวาร์ กล่าว

เมื่อถามว่าทำไมไม่ยื่นให้กรรมการบริหารพรรค(กก.บห.)ตรวจสอบนายนิพนธ์ นายอันวาร์ กล่าวว่า หัวหน้าพรรคฯและเลขาธิการพรรคฯ เห็นความผิดชัดเจน แต่ทำอะไรได้หรือไม่ ที่ผ่านมาหลายคนมองว่าตนชอบสวนมติพรรค แต่หากมติพรรคยังสวนทางกับความรู้สึกของประชาชนมันจะอยู่ได้หรือไม่

“สิ่งที่เรียกร้องกลายเป็นว่าผมทำในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง คิดว่าเป็นสิ่งที่ไม่ควรจะเป็น ผมรักและทำเพื่อพรรค ให้พรรคเป็นที่พึ่งของประชาชน”นายอันวาร์ กล่าว

ผู้สื่อข่าวถามว่าจะประกาศลาออกกลางที่ประชุมใหญ่สามัญฯหรือไม่ นายอันวาร์ กล่าวว่า ตราบใดที่พรรคยังไม่ส่งสัญญาณความชัดเจนถึงสถานภาพของตัวเองภายในพรรคเป็นอย่างไรให้ชัดเจน ตนก็จะต่อสู้ในพรรคประชาธิปัตย์แบบนี้ ถึงแม้จะค้านกับความรู้สึกของผู้บริหารก็จะทำจนนาทีสุดท้าย

ถามย้ำว่าหากไม่ลาออกแล้วพรรคขับออกจะทำอย่างไร นายอันวาร์ กล่าวว่า ก็ยินดี ไม่ว่าอะไรเลย ขอให้ชัดเจน จะไม่ลาออก จนถึงนาทีสุดเพราะตนเกิดที่นี่ ผมเป็นลูกพระแม่ธรณีฯ คิดว่าจะยืนหยัดที่นี่จนกว่าผู้บริหารพรรคจะมีมติขับ ตนก็ยินดี หรือหากไม่ส่งตนลงเลือกตั้งก็ยินดี ไม่เป็นไร คิดว่าอุดมการณ์ของตนจะไม่ได้รับการตอบรับจากพรรค แต่อุดมการณ์ที่ดีจะอยู่กับตนตลอดไปเพื่อทำประโยชน์ให้ประชาชน

เมื่อถามว่าถ้าพรรคไม่ส่งลงสมัครเลือกตั้งก็ยังอยู่กับพรรคใช่หรือไม่ นายอันวาร์ กล่าวว่า หากพรรคมีมติไม่ส่งลงสมัครรับเลือกตั้ง ตนก็มีสองทางเลือกคือ 1.หยุดเล่นการเมือง และ 2. ให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินว่าตนควรจะไปอยู่พรรคใด โดยขณะนี้มีพรรคการเมืองมาพูดคุยและทาบทาม แต่ใจยังอยู่กับประชาธิปัตย์และต้องการความชัดเจนจากพรรคประชาธิปัตย์ก่อนตัดสินใจ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปชป. พร้อมซักฟอก นโยบายประกาศแล้วไม่ทำ-ดิจิทัลวอลเล็ต-หลักนิติรัฐ

นายพิทักษ์เดช เดชเดโช สส.นครศรีธรรมราช รองโฆษกพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) กล่าวถึงการอภิปรายทั่วไปเพื่อซักถามข้อเท็จจริงหรือเสนอ

‘ราเมศ’ แย้ง ‘วิโรจน์’ ถ่วงดุลโดยศาลรธน. ยึดกฎหมาย แนะไม่ทำผิดอย่ากลัว

หลักการสำคัญในระบบประชาธิปไตยได้มีการแบ่งแยกอำนาจกันอย่างชัดเจนฝ่ายบริหารฝ่ายนิติบัญญัติ ฝ่ายตุลาการ แต่ละฝ่ายมีหน้าที่ตามครรลองในระบบประชาธิปไตย ศาลรัฐธรรมนูญถือได้ว่าเป็นองค์กรที่ใช้อำนาจในทางตุลาการย่อมถือได้ว่าเป็นหนึ่งในสามอำนาจอำนาจหลัก