"รอมฎอน" ชี้พร้อมถกเถียง ยุบ กอ.รมน. จ่อจัดเสวนา ถกความเป็นไปกอ.รมน. ในสภาฯ ยันก้าวไกล ไม่เห็นความจำเป็นต้องมี ควร "คืนทหารให้ทหาร"
9 พ.ย.2566 - เมื่อเวลา 14.00 น. ที่รัฐสภา นายรอมฎอน ปันจอร์ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคก้าวไกล กล่าวถึงกรณีที่วานนี้(8 พ.ย.) กองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร (กอ.รมน.) ได้จัดเสวนาความมั่นคงเพื่อตอบโต้เรื่องประเด็นการยุบกอ.รมน. และได้เชิญตน แต่ไม่ได้ไป ว่า เพิ่งรู้ได้รับคำเชิญจากพี่ที่ทำงานอยู่ในกอ.รมน. มาคอมเม้นต์ในเฟสบุ๊ก ใต้โพสต์ นึกว่าขำๆ ชวนมาร่วมเสวนาไม่เป็นทางการ ซึ่งตนมีภารกิจประชุมเรื่องสันติภาพ ตอบรับก็ลำบาก แต่ยินดีอย่างยิ่ง ที่จะไปร่วมงานครั้งหน้า อีกครั้งถ้ามีการจัด ตอนนี้กำลังหารือในคณะกรรมาธิการ ว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่ ที่คนสนใจ ไม่แน่ว่าจะจัดเสวนาที่สภาฯ และเชิญหน่วยปฏิบัติ แล้วเชิญกอ.รมน.มาสนทนากับเรา ซึ่งวันนี้ในกมธ.ความมั่นคง เราได้สอบถามหน่วยงานข้างเคียง ให้ช่วยประเมิน กอ.รมน. ทั้งที่เห็นด้วยจะยุบหรือไม่ยุบ แต่ไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด
เมื่อถามว่ามีการตั้งประเด็นจากทางกอ.รมน. ว่าไม่เห็นความชัดเจนถึงประเด็นที่ก่าวหาว่าทหารใหญ่กว่าพลเรือน นั้น นายรอมฎอน กล่าวว่า เราดีเบตได้ ซึ่ง บ่ายวันนี้ก็จะชี้แจงผ่านข้อเขียนออกมา ทั้งนี้ ขอเรียกร้องให้นายกรัฐมนตรี ให้คำรับรองร่างกฏหมาย แล้วโยนกลับมาให้สภาฯ พิจารณา ต่อ และจากการที่ตนได้พูดคุยกับหลายหน่วยงานรวมถึงคนของ กอ.รมน. เอง เห็นตรงกันว่าถ้าเราสนับสนุนขีดความสามารถของหน่วยงานที่มีความเชี่ยวชาญเฉพาะด้าน ให้เป็นแม่งาน ในการประสานงาน อาจจะเวิร์คกว่ากองทัพ และตัวกอ.รมน.เอง เพราะรู้งานมากกว่า และรู้ความละเอียดซับซ้อนของงานมากกว่า
เมื่อถามว่าการที่นายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี เป็นผอ.รมน. จะทำให้ร่างกฎหมายล่าช้าหรือไม่ นายรอมฎอน กล่าวว่า ไม่ได้กังวลขนาดนั้นเข้าใจดีว่าตามโครงสร้าง ผอ.รมน. ต้องเป็นนายกรัฐมนตรี แต่ท่าทีของท่าน ต่อร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้ อาจจะเป็นปัญหา ที่อาจจะเร็วไปซักนิด คิดว่าถ้ารัฐบาล มีที่ปรึกษาที่ตรงไปตรงมา มีคนที่รับผิดชอบงานความมั่นคงอย่างจริงจังอย่างรอบด้านคิดว่าท่าทีของรัฐบาล จะต้องระมัดระวังพอสมควร ที่ต้องแยกแยะและให้ความสำคัญกับรัฐบาลพลเรือนกับกองทัพว่าต้องทำอย่างไร และจะแบ่งบทบาทระหว่างฝ่ายบริหาร และฝ่ายนิติบัญญัติ อย่างไร ถ้าจะถกเถียงกันควรเป็นอำนาจของสภาผู้แทนราษฎร ปัญหาติดที่ว่าประธานสภาผู้แทนราษฎร ตีความว่าเราเป็นเรื่องเดี่ยวกับการเงิน จริงๆ ไม่เกี่ยวข้องกับงบประมาณขนาดนั้น ซึ่งไม่กังวลนายเศรษฐา มาเป็น ผอ.รมน. แต่ต้องระมัดระวังเล็กน้อย
เมื่อถามถึงกรณีที่ข้อเสนอไม่ยุบกอ.รมน แต่ให้เปลี่ยนบทบาทนั้น นายรอมฎอน กล่าวว่า ก็รับฟังได้ และพร้อมจะถกเถียง สำหรับเรา และพรรคก้าวไกล ไม่เห็นความจำเป็นขนาดนั้น เพราะภารกิจที่ว่ามา หน่วยงานอื่นสามารถทำได้ และสามารถพัฒนาขีดความสามารถ ถ้ายังไม่พอ ทหารต่างหากที่ควรมีหน้าที่เป็นมืออาชีพ ทำงานที่มีเชี่ยวชาญเฉพาะ อย่างที่นายอดิศร เพียงเกษ ประธานวิปรัฐบาล เขียนไว้ว่า"คืนทหารให้ทหาร" คือคำถามว่าทหาร ปกติทำอะไร จึงเป็นข้อเรียกร้อง ตนได้ยินเสียงสนทนาจากเพื่อนๆ พี่ๆ ที่เป็นทหารเองหรือแม้แต่ กอ.รมน. ว่าสิ่งที่ควรจะทำ ไม่ได้ทำ สิ่งที่ควรจะเน้น ไม่ได้เน้น เราต้องการทหารมืออาชีพ และมีความเชี่ยวชาญเฉพาะ มีภารกิจที่จำกัดแน่นอน แต่ตอนนี้ไม่ได้เป็นอย่างนั้น คำถามคือต้องย้อนกลับ มาว่าหัวใจ จริงๆ ของกองทัพคืออะไร งานภารกิจหลักคืออะไร คงจะมีประโยชน์ และสามารถถกเถียงกันได้
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
'เสธ.ปู-แม่ทัพเติ่ง' เหยียบเนิน 350 ปราสาทตาควาย ประกาศอธิปไตยไทยสมบูรณ์
'เสธ.ปูด้วง-แม่ทัพเติ่ง' ขึ้นเหยียบพื้นที่เนิน 350 ปราสาทตาควาย ยันพื้นที่อธิปไตยไทยอย่างสมบูรณ์ ชูธงไตรรงค์โบกสะบัด
'ทภ.2' ประกาศสถานการณ์คลี่คลาย ให้ปชช.กลับบ้านได้
'กองทัพภาค 2' ประกาศสถานการณ์คลี่คลายลงแล้ว ประชาชนกลับบ้านได้ แต่ขอให้ระมัดระวัง ย้ำยังปฏิบัติภารกิจปกป้องอธิปไตยชาติ ดูแลความปลอดภัยต่อเนื่อง
เกาะช้างรับร่างพลทหารวีรบุรุษ พลีชีพสมรภูมิบ้านหนองจาน
ครอบครัวศรประดิษฐ์ ร่วมรับร่าง พลทหารปฏิพัทธิ์ ศรประดิษฐ์ วีรบุรุษผู้เสียชีวิตในเหตุความไม่สงบที่บ้านหนองจาน ญาติเผยเขาสมัครเป็นทหารเพื่อรับใช้ชาติและดูแลครอบครัว
ทภ.1 แจ้ง 'พลทหารนิธิกร' ไม่ได้เสียชีวิต
กองทัพภาคที่ 1 ชี้แจงกรณีมีการเผยแพร่ข้อมูลผ่านสื่อสังคมออนไลน์ ระบุว่า พลทหาร
นายกฯ แยกเรื่องถกจีบีซี กับทหารขาขาดราย 9 ชี้หน้าที่กองทัพตอบโต้
นายกฯ ชี้ทหารเหยียบทุ่นระเบิดขาขาดรายที่ 9 คนละเรื่องกับประชุมจีบีซี ส่วนการตอบโต้เป็นหน้าที่กองทัพ
กองทัพแจงรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างแปลกปลอมในพื้นที่อธิปไตยไทย ไม่ใช่ศาสนสถาน
ศูนย์แถลงข่าวร่วม สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ที่สถานีวิทยุโทรทัศน์กองทัพบก ตามที่มีการเผยแพร่ภาพและคลิปวิดีโอในสื่อสังคมออนไลน์เกี่ยวกับการรื้อถอนสิ่งปลูกสร้างซึ่งมีลักษณะคล้ายประติมากรรมทางศาสนา ในพื้นที่ใกล้แนวชายแดนไทย–กัมพูชา จนก่อให้เกิดความห่วงกังวลและการตีความที่หลากหลายในสังคมนั้น

