'ก้าวไกล' ซัดรัฐบาลคิดผิด ค้านทร.ซื้อเรือฟริเกต ยันมีประโยชน์ความมั่นคงน่านน้ำ


'ชยพล' ชี้ รัฐบาลคิดผิด ค้าน ‘กองทัพเรือ’ ซื้อเรือฟริเกต เหตุมีประโยชน์ความมั่นคงทางน่านน้ำ มองไกลพัฒนาเศรษฐกิจให้เติบโตได้ ไล่ไปอยู่บ้านดีกว่า ถ้ากลัวก้าวพลาด บอกคงไม่ทันบรรจุเข้างบ 68 หวั่น เสี่ยงเกิดภัยความมั่นคงระหว่างรอเรือ โอด เสียดายไทยพลาดโอกาสพัฒนาเศรษฐกิจ

15 มี.ค.2567- ที่อาคารอนาคตใหม่ ที่ทำการพรรคก้าวไกล คณะกรรมาธิการ (กมธ.) วิสามัญพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ 2567 สัดส่วนพรรคก้าวไกล โดยนางสาวศิริกัญญา ตันสกุล สส.บัญชีรายชื่อ ในฐานะรองหัวหน้าพรรค , นายสุรเชษฐ์ ประวีณวงศ์วุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ และนายชยพล สท้อนดี สส.กทม. จัดแถลงข่าว Policy Wach ในหัวข้อ "รวบตึงงบฯ 67 จากห้อง กมธ.“

โดยนายชยพล กล่าวถึง การจัดซื้อเรือฟริเกตลำใหม่ของกองทัพเรือ ว่า อาจจะถือเป็นความล้มเหลวครั้งใหญ่ที่จะปกป้อง โอกาสทางธุรกิจและโอกาสทางด้านความมั่นคงของประเทศ โดยตนขอใช้ชื่อว่าไร้เรือ ไร้รั้ว ไร้ความรับผิดชอบ ในการประชุม กมธ.งบ ทางกองทัพเรือได้ตั้ง งบประมาณจำนวน 1,700 ล้านบาท เพื่อขอซื้อเรือฟริเกตลำใหม่รุ่นที่ผ่านมากองทัพเรือสื่อสารมาตลอดว่าเป็นการซื้อเพื่อเป็นเรือคู่แฝดกับเรือรบภูมิพลที่ซื้อมาจากประเทศเกาหลี

ทั้งนี้ ในชั้นอนุกรรมาธิการงบด้านความมั่นคง กองทัพเรือได้นำเอกสารมาชี้แจงถึงความจำเป็น และวัตถุประสงค์ของการจัดหาเรือในครั้งนี้ แต่สุดท้ายห้องอนุกรรมาธิการงบความมั่นคง ได้ลงมติให้ตัดงบ ประมาณในการจัดหาเรือ ฟริเกต ลำนี้ไปและถึงแม้กองทัพเรือได้ขออุทธรณ์เข้ามาที่ห้องกรรมาธิการงบใหญ่และ ชี้แจงถึงเหตุผลความจำเป็น ทั้งความมั่นคงและด้านเศรษฐกิจแต่ก็ถูกมติของห้องใหญ่ปัดตกอีกรอบหนึ่ง

โดยตามการประเมินของกองทัพเรือได้ประเมินไว้ว่าประเทศไทยจำเป็นจะต้องมีเรือฟริเกตทั้งหมด 8 ลำ เพื่อปกป้องน่านน้ำประเทศไทย โดยแบ่งพื้นที่เป็นฝั่งอันดามัน 4 ลำ และฝั่งอ่าวไทย 4 ลำ แต่ในปัจจุบันกองทัพเรือมีเรือฟริเกตใช้งานเพียง 4 ลำเท่านั้น ซึ่งประกอบด้วยเรือหลวงรัตนโกสินทร์อายุ 38 ปี , เรือหลวงนเรศวรอายุ 30 ปี , เรือหลวงตากสินอายุ 29 ปี และเรือหลวงภูมิพลอายุ 5 ปี

ซึ่งจากการชี้แจงของกองทัพเรือ อายุของเรือฟริเกตจะใช้กันอยู่ที่ราวๆ 30 ปีเท่านั้น แต่เนื่องจากว่ากองทัพเรือไม่ได้รับอนุมัติงบประมาณให้ซื้อเรือฟริเกตลำใหม่ จึงจำเป็นต้องส่งซ่อมเรือและยืดอายุการใช้งานยาวไปจนถึง 40 ปี ค่อยปลดระวาง หรือเหลือเวลาใช้งานเรือหลวงรัตนโกสินทร์ที่อายุ 38 ปีแล้ว เพียงแค่ 2 ปี และจะปลดระวางในปี 69 ทำให้ไทยกำลังอยู่ในสถานการณ์ที่จะเหลือเรือฟริเกตใช้งานเพียงแค่ 3 ลำเท่านั้น ซึ่งการต่อเรือฟริสเกตจะต้องใช้ระยะเวลา 4-5 ปี ซึ่งถ้าได้รับอนุมัติโครงการภายในงบประมาณปี 67 ไทยจะเหลือเรือฟริเกตใช้งานเพียง 3 ลำ ในระยะเวลา 2 ปี ก่อนที่จะได้รับเรือลำใหม่

"เมื่อไม่ได้รับการอนุมัติงบภายในปี 67 นี้ก็มีความเป็นไปได้สูงว่าจะได้รับการอนุมัติงบอีกทีในงบปี 69 เนื่องจากช่วงเวลาในการส่งคำของบปี 68 ได้ปิดลงไปแล้ว ทำให้เราอาจจะได้รับเรือช้าในปี 73 เสียด้วยซ้ำ ดังนั้นเราจะมีเรือฟริเกตเพียง 3 ลำ ที่จะใช้งานยาวถึง 4 ปี ซึ่งเป็นความเสี่ยงทางความมั่นคงอย่างยิ่งโดยเฉพาะเมื่อเทียบกับจำนวนยุทโธปกรณ์ของประเทศเพื่อนบ้าน มีเรือฟริเกต ตั้งแต่ 3-14 ลำ หากเกิดภัยความมั่นคงทางทะเลขึ้นมาในช่วงเวลาตรงนี้กองทัพเรือจะไม่มีเรือใช้งานเราก็คงจะโทษใครไม่ได้นอกจากการตัดสินใจและการบริหารของตัวรัฐบาลเอง" นายชยพลกล่าว

สำหรับประโยชน์ทางเศรษฐกิจ กองทัพเรือได้ชี้แจงว่า การจัดหาเรือฟริเกตในครั้งนี้ กองทัพเรือมี นโยบายทางเศรษฐกิจด้านการป้องกันประเทศ เป็นสำคัญ เพราะมีความตั้งใจให้มีการต่อเรือลำนี้ในไทย โดยทำสัญญาความร่วมมือกับต่างประเทศ เพื่อรับองค์ความรู้ในการต่อเรือไปใช้ในการต่อยอดอุตสาหกรรมในประเทศ ซึ่งผลประโยชน์ที่คาดว่าจะได้รับคือ การเพิ่มองค์ความรู้ในการต่อเรือ , เกิดการจ้างงาน , เกิดการหมุนเวียนของระบบเศรษฐกิจในประเทศ , เพิ่มโอกาสในการลงทุนและสนับสนุนการเติบโตของระบบเศรษฐกิจ , พัฒนาอุตสาหกรรมป้องกันประเทศ ,พัฒนาความสามารถของอู่ต่อเรือ , สามารถเป็นเจ้าของเทคโนโลยีป้องกันประเทศ , สร้างอุตสาหกรรมตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ

นายชยพล กล่าวอีกว่า การจัดซื้อจัดจ้างครั้งนี้ไม่เหมือนกับการจัดซื้อเรือดำน้ำ เพราะการจัดซื้อเรือลำนี้ จะมาพร้อมกับโอกาสทางเศรษฐกิจ ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ สร้างโอกาสให้ประเทศไทยเกิดประโยชน์ต่อเนื่องไม่สิ้นสุด ซึ่งกองทัพเรือยืนยันว่าโครงการจัดหาซื้อเรือฟริเกตในครั้งนี้จะสามารถทำให้ไทยต่อเรือเองได้ซ่อมเองได้ และผลิตขายต่อได้ในอนาคต กองทัพเรือยืนยันว่าโครงการนี้จะถ่ายทอดองค์ความรู้ระดับสูงให้กับ แรงงานไทยไม่ใช่เพียงแค่การจ้าง และจะแตกต่างกับกรณีเรือดำน้ำแน่นอน รวมถึงผู้บัญชาการกองทัพเรือ (ผบ.ทร.) เองก็ได้ยืนยันว่า พิจารณาเรื่องของการจ่ายมูลค่าโครงการนี้เป็นผลผลิตอื่นของประเทศด้วยไม่จำเป็นจะต้องเอาแค่เงินสดไปแลก

"ดังนั้น ข้อมูลทั้งหมดนี้จึงเห็นว่า เราขาดยุทโธปกรณ์ในการปกป้องน่านน้ำไทยจริง ไม่ใช่สถานการณ์ของการเสริมสร้างรั้วของความมั่นคงเช่น การซื้อยุทโธปกรณ์ครั้งอื่น แต่ครั้งนี้เป็นสถานการณ์ที่ประเทศไทยเราไม่มีรั้วในการป้องกันน้ำน้ำทะเลไทยแล้ว จึงเป็นจะต้องจัดซื้อให้ทันการใช้งานและลดช่องว่างที่ไทยจะอ่อนแอทางด้านการปกป้องน่านน้ำไทยให้น้อยที่สุด "

นอกจากนี้ ปัจจัยทางด้านการเติบโตทางเศรษฐกิจก็สำคัญ เพราะเงินทั้งหมด 17,000 ล้านบาท จะถูกใช้เพื่อจุดประกายอุตสาหกรรมการป้องกันประเทศ ในการต่อเรือให้ตอบโตได้ขึ้นได้จริงในประเทศไทย ทำให้ประเทศไทยลดการพึ่งพายุทโธปกรณ์จากต่างประเทศ รวมถึงเพิ่มโอกาสในการผลิตขายต่อให้กับต่างประเทศในอนาคต เช่นเดียวกับที่ประเทศเกาหลีได้ทำสำเร็จแล้ว ในตอนนี้จึงบอกว่าการลงทุนครั้งนี้ ถ้ากองทัพเรือสามารถ ทำตามวัตถุประสงค์ ที่ตนเองวางไว้ได้ทั้งหมดก็สมควรที่จะสนับสนุนให้เกิดขึ้นได้โดยเร็ว

แต่อย่างไรก็ตาม น่าเสียดายที่กรรมาธิการสัดส่วนอื่นๆไม่ได้มีความคิดเห็นไปในทิศทางเดียวกัน โดยบอกว่า ไม่จำเป็นไม่เร่งด่วนรอบรรจุในงบปีถัดไป ,TORไม่ชัดเจน , แผนวัตถุประสงค์ไม่ชัดเจน

"ผมคิดเป็นอื่นไม่ได้ว่าไม่ได้อ่านเอกสาร และมีการตั้งธงมาแล้วว่าจะต้องมีการตัดเท่านั้น จึงไม่ได้มีการเดินออกมาอ่านเอกสารเลย มีแต่ออกความคิดเห็นไปในเชิงลบอย่างเดียว และไม่ได้ฟังความจำเป็นทางด้านความมั่นคงและเหตุผลทางด้านเศรษฐกิจที่จะเกิดขึ้นได้ในอนาคต" นายชยพลกล่าว

ขณะที่พรรคก้าวไกลสนับสนุนให้มีการซื้อเรือฟริเกตก็มี สส.ฝั่งรัฐบาลออกมาให้ความคิดเห็นต่อท่าทีของพรรคก้าวไกล ที่บอกว่าเลื่อนลอย หวังดิสเครดิตรัฐบาล ซึ่งตนก็มองว่าเลื่อนลอยในตัวมันเอง เพราะเราได้ดูข้อมูลแล้วเห็นภาพใหญ่ของโครงการแล้วว่าสามารถสร้างประโยชน์ต่อประเทศได้และตนมีหลักฐาน จากมติ ครม.วันที่ 5 ตุลาคมปี 66 โดยรัฐบาลนี้เองเป็นคนออกความคิดเห็นว่าเห็นด้วยกับตัวโครงการ โดยผู้ที่ได้รับทราบกับโครงการนี้มีกระทรวงกลาโหม,กระทรวงการคลังกระทรวงคมนาคม,สำนักงบประมาณ,สภาพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ,คณะกรรมการนโยบายเขตพัฒนาพิเศษตะวันออก และผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน โดยมีความเห็นไปในทิศทางเดียวกัน

"ผมไม่แน่ใจว่าได้มีการคุยกันเองกันก่อนหรือไม่ ที่จะออกมาค้านที่พรรคก้าวไกลสนับสนุนโครงการนี้เพราะมันก็คือ มติของครม. ของรัฐบาลเอง แล้วกลายเป็น สส. ของรัฐบาลเองที่ออกมาค้าน แล้วกลายเป็นกรรมาธิการของรัฐบาลเองที่ออกมาค้าน ผมขอแนะนำให้ทุกคนไปคุยกันเองก่อนดีกว่า ไม่ใช่อนุมัติมาอย่างนี้แล้วมา ตีตกทีหลัง แล้วไม่รับผิดชอบอะไรอย่างนี้เลย แล้วปล่อยให้ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์ที่เปราะบาง สูญเสียโอกาสทาง เศรษฐกิจในระดับนี้ได้" นายชยพลกล่าว

นอกจากนี้ สส.ฝ่ายรัฐบาล ยังบอกว่าพรรคก้าวไกลขัดหลักการพรรคตนจึงขอทำความเข้าใจใหม่ว่า พรรคก้าวไกลไม่ได้มีจุดยืนต่อต้านการจะซื้อยุทโธปกรณ์ เพียงแต่จุดยืนของเราคือการที่ยุทโธปกรณ์อย่างมีประสิทธิภาพ คำนึงถึงผลประโยชน์ทางด้านเศรษฐกิจความจำเป็นทางด้านความมั่นคงที่มีหลักฐานประกอบอย่างแท้จริง นั่นคือเหตุผลที่พรรคก้าวไกลไม่ได้ตั้งเป้าในการตัดงบ

"นี่เป็นการเข้าใจผิดอย่างร้ายแรง การที่เข้าใจว่าพรรคก้าวไกลตั้งตัวเป็นปรปักษ์ต่อกองทัพ เพราะความจริงแล้วเราตั้งเป้าไว้เพียงแค่ให้กองทัพเป็นกองทัพที่มีประสิทธิภาพ กะทัดรัด และสมเหตุสมผลและทำงานทุกอย่างได้อย่างคุ้มค่าคุ้มงบประมาณให้เหมาะสมกับเม็ดเงินที่ลงทุนไปกับกองทัพ" นายชยพลกล่าว

ส่วนที่สส.ฝั่งรัฐบาลบอกว่า หากไม่เกิดการจ้างงานจริงหรือถ่ายทอดเทคโนโลยีจริงจะเป็นข้ออ้างในการโจมตีรัฐบาล ตนมองว่า ฝหน้าที่ในการบริหารประเทศและหน่วยงานรัฐบาลเป็นหน้าที่ของรัฐบาลอยู่แล้ว เพราะฉะนั้น เป็นหน้าที่ของรัฐบาลอยู่แล้วที่จะต้องดูแลจัดการบริหารให้สิ่งเหล่านี้มันเกิดขึ้นได้จริง แต่กลับมาออกความคิดเห็นแบบนี้เป็นความคิดเห็นในแง่ลบ กลัวว่าตัวเองจะก้าวพลาดเลยไม่เลือกที่จะก้าวเลย แล้วมาเป็นรัฐบาลทำไม ถ้าจะมาเสนอตัวมาบริหารประเทศ แต่จะไม่เลือกที่จะพาประเทศก้าวหน้า เพราะกลัวว่าตัวเองจะก้าวพลาดนั่งอยู่กับบ้านดีกว่า ไม่รู้จะมาเป็นรัฐบาลทำไม

"กองทัพเรือกำลังบอกเราอยู่ว่าเราไม่มีเรือแล้ว กองทัพเรือ ไร้เรือ ไร้รั้ว และไร้ความรับผิดชอบจากรัฐบาล เป็นสถานการณ์ที่น่ากังวลอย่างยิ่ง แผนของโครงการนี้เป็นเพียงการจัดหายุทโธปกรณ์ตามแผนขั้นพื้นฐานที่เราได้เห็นหลักฐานแล้ว พร้อมนำพาผลประโยชน์ทางเศรษฐกิจมาให้ แต่รัฐบาลเองกลับไม่มีวิสัยทัศน์พอที่จะมองเห็นได้ ซ้ำร้ายยังมีความคิดเห็นของบางคนสะท้อนให้เห็นถึงความกลัวที่จะพาประเทศเดินหน้าต่อเพราะกลัวการบริหารประเทศที่ไม่มีประสิทธิภาพของตนเองเป็นเรื่องที่น่าเสียดายอย่างยิ่งที่ประเทศไทยจะพลาดโอกาสในการพัฒนาเศรษฐกิจครั้งนี้ไป แล้วปล่อยให้ประเทศไทยอยู่ในสถานการณ์ที่ไร้เรือ ไร้รั้ว ไร้ความรับผิดชอบ" นายชยพลกล่าว

 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ทร.ออกกฎอาณัติสัญญาณเตือน 'เรือ-อากาศยาน' ต้องสงสัย กำหนดขั้นตอนการใช้อาวุธบังคับ

ทร.ออกกฎอาณัติสัญญาณเตือน 'เรือ-อากาศยาน' ต้องสงสัย กำหนดขั้นตอนการใช้อาวุธบังคับ แต่ต้องไม่ให้เกิดความเสียหาย

พบแล้ว ร่างลูกเรือประมงพลัดตกน้ำใกล้เกาะมุก ไต๋เรือนำศพกลับขึ้นฝั่งที่ภูเก็ต

น.อ.พิเชษฐ์ ซองตัน ผอ.กองสารนิเทศ และโฆษก ศูนย์อำนวยการรักษาผลประโยชน์ของชาติทางทะเลภาค 3 (ศรชล.ภาค3) เปิดเผยว่า วันนี้ เวลา 09.43 น. เจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมการแจ้งเรือเข้าออกภูเก็ตได้รับแจ้งจาก เรือ พิชัยสมุทร 9 ประเภท อวนลากคู่

เกาะหูยง อุทยานฯสิมิลัน แหล่งอนุรักษ์เต่าทะเล เผยสถิติเต่าวางไข่กว่า 1 หมื่นฟองต่อปี

กองทัพเรือ ได้จัดทำโครงการ อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเลฝั่งอันดามัน โดยมอบให้ ทัพเรือภาคที่ 3 จัดตั้งศูนย์อนุรักษ์พันธุ์เต่าทะเล เมื่อปี 2538 ซึ่งกำหนดจุดอนุบาลเต่า ทะเลจำนวน 2 จุดพื้นที่แรกเป็นการอนุรักษ์เพราะฟักไข่เต่าในพื้นที่เกาะ

ผู้การเรือลาออก! กองทัพเรือสรุปผลสอบเรือหลวงสุโขทัยล่ม

ทร.สรุปเหตุสุดวิสัย รล.สุโขทัยล่ม ผู้การเรือฯ ลาออก แสดงความรับผิดชอบ ลูกน้องเสียชีวิต ยันไม่มีคำสั่งแทรกแซงการตัดสินใจ

ประดับตกแต่ง'ขบวนเรือพระราชพิธี' มรดกวัฒนธรรมล้ำค่า

ขบวนพยุหยาตราทางชลมารคเป็นมรดกศิลปวัฒนธรรมล้ำค่าของประเทศไทย กองทัพเรือได้รับมอบหมายจากรัฐบาลให้จัดขบวนพยุหยาตราทางชลมารคตามโบราณราชประเพณี เนื่องในโอกาสมหามงคลเฉลิมพระชนมพรรษา 6 รอบ 28 กรกฎาคม 2567 การพระราชพิธีเสด็จพระราชดำเนินถวายผ้าพระกฐิน

ส่งมอบเรือพระราชพิธี 16 ลำ ให้ศก.ประดับตกแต่ง

5 เม.ย. 2567 - เวลา 11.00 น. พลเรือเอก อะดุง พันธุ์เอี่ยม ผู้บัญชาการทหารเรือ เป็นประธานในพิธี ส่งมอบการซ่อมทำเรือพระที่นั่งและเรือรูปสัตว์ จำนวน 16 ลำ ที่กองทัพเรือ ได้ดำเนินการเรียบร้อยให้แก่กรมศิลปากรเพื่อนำไปประดับตกแต่งตัวเรือ โดยมี