เอาแล้ว! ไพบูลย์ยื่นคำร้องให้ตีความ MOU 2544 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญหรือไม่

'ไพบูลย์' ยื่นคำร้องไปศาลรัฐธรรมนูญผ่านผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัย MOU 2544 ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ เป็นอันใช้บังคับไม่ได้ ตกเป็นโมฆะทั้งฉบับตั้งแต่เริ่มแรก เพื่อปกป้องอธิปไตยของไทยทางทะเล

10 เม.ย.2567 - ที่สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน นายไพบูลย์ นิติตะวัน นักกฏหมาย ยื่นคำร้องในฐานะบุคคลหนึ่งของปวงชนชาวไทยที่มีสิทธิในเขตอธิปไตยของไทยทางทะเลอ่าวไทยและผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติของไทยในทะเลอ่าวไทยตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พุทธศักราช 2560 มาตรา 3 หมวด 3 สิทธิและเสรีภาพของปวงชนชาวไทย มาตรา 25 และ มาตรา 43 (2) ซึ่งผู้ร้องได้ถูกละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญโดยตรงและอาจจะได้รับความเสียหายโดยมิอาจหลีกเลี่ยงได้อันเนื่องมาจากการถูกละเมิดสิทธิ และการถูกละเมิดสิทธินั้นยังคงมีอยู่จากการกระทำของกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย ผู้ถูกร้องที่ 1 และ กระทรวงการต่างประเทศ ผู้ถูกร้องที่ 2 ในการนำบันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ซึ่งต่อไปในคำร้องเรียกว่า MOU 2544 ผู้ถูกร้องทั้งสองใช้เป็นเครื่องมือมาดำเนินการแบ่งเขตอธิปไตยของไทยทางทะเลอ่าวไทยในพื้นที่ 26,000 ตารางกิโลเมตร (16 ล้านไร่) และแบ่งผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติในทะเลของไทยมูลค่า 20 ล้านล้านบาทให้แก่กัมพูชา ทั้งที่ พื้นที่ตาม MOU 2544 เป็นเขตอธิปไตยของไทยทางทะเลและผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติของไทยในทะเลทั้งหมดตามแผนที่แนวเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทยแนบท้ายประกาศกำหนดเขตไหล่ทวีปของประเทศไทยด้านอ่าวไทยที่กำหนดแนวเขตขึ้นตรงตามอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ.1982

ผู้ร้องได้พบข้อกฎหมายว่า MOU 2544 มีสถานะเป็นหนังสือสัญญามีบทเปลี่ยนแปลงอาณาเขตไทยหรือ
เขตอำนาจแห่งรัฐ ซึ่งต้องได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา ตามบรรทัดฐานคำวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญที่ 11/2542 , คำวินิจฉัยที่ 33/2543 และคำวินิจฉัยที่ 6-7/2551 และปรากฎหลักฐานว่าผู้ถูกร้องทั้งสองได้ยอมรับว่า MOU 2544 มีสถานะเป็นหนังสือสัญญาหรือสนธิสัญญา ที่ต้องเสนอรัฐสภาเพื่อขอความเห็นชอบ แต่ปรากฎว่า MOU 2544 ได้กระทำขึ้นโดยไม่ได้ขอความเห็นชอบจากรัฐสภาไทย จึงมีผลให้ MOU 2544 เป็นบทบัญญัติใดหรือการกระทำใดที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ บทบัญญัติหรือการกระทำนั้นเป็นอันใช้บังคับไม่ได้ ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 5 และมีผลให้ MOU 2544 ตกเป็นโมฆะทั้งฉบับตั้งแต่เริ่มแรก (void ab intio) และมีผลในทางกฎหมายไม่ผูกพันรัฐภาคีทั้งสอง ตามหลักการเรื่องความไม่สมบูรณ์แห่งสนธิสัญญา (Invalidity of Treaties) ซึ่งบัญญัติไว้ในอนุสัญญากรุงเวียนนาว่าด้วยกฏหมายสนธิสัญญา ค.ศ.1969

ทั้งนี้ ผู้ร้องเห็นว่าหากศาลรัฐธรรมนูญมีคำวินิจฉัยว่า MOU 2544 เป็นหนังสือสัญญาที่กระทำการโดยไม่ได้รับความเห็นชอบของรัฐสภา จึงเป็นบทบัญญัติใดหรือการกระทำใดที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ เป็นอันใช้บังคับไม่ได้ ตกเป็นโมฆะทั้งฉบับตั้งแต่เริ่มแรก และไม่ผูกพันไทย จะเป็นประโยชน์ต่อไทย หากมีข้อพิพาทเรื่อง เขตอธิปไตยของไทยทางทะเลอ่าวไทยไปสู่ศาลกฎหมายทะเลระหว่างประเทศ เพราะทำให้ฝ่ายกัมพูชาไม่อาจกล่าวอ้าง MOU 2544 เป็นหลักฐานว่าไทยยอมรับว่าบริเวณดังกล่าวเป็นพื้นที่ทับซ้อนไทย-กัมพูชา

และจะทำให้เขตอธิปไตยของไทยทางทะเลอ่าวไทยพื้นที่ 26,000 ตารางกิโลเมตร (16 ล้านไร่) และผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติ มูลค่า 20 ล้านล้านบาทของไทยในทะเลอ่าวไทยเป็นของไทยทั้งหมดตามกฎหมายระหว่างประเทศ เป็นต้นว่า อนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ. 1982 หากฝ่ายกัมพูชาโต้แย้งเป็นข้อพิพาทในเรื่องเขตอธิปไตยทางทะเลของไทย ผู้ร้องเห็นว่าเพื่อให้ได้ข้อยุติระงับข้อพิพาทโดยสันติวิธีและรวดเร็ว และจะเป็นประโยชน์กับไทยมากกว่า ผู้ร้องเห็นว่าไทยควรเป็นฝ่ายนำคดีข้อพิพาทในเขตอธิปไตยทางทะเลฟ้องต่อศาลกฎหมายทะเลระหว่างประเทศ (International Tribunal for the Law of the Sea: ITLOS) ตั้งอยู่ที่นครฮัมบรูกส์ สหพันธ์สาธารณรัฐเยอรมนี ซึ่งเป็นกลไกตุลาการอิสระของสหประชาชาติ มีอำนาจตัดสินข้อพิพาทที่เกี่ยวข้องกับอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยกฎหมายทะเล ค.ศ.1982 ประกอบด้วยผู้พิพากษาจากประเทศต่าง ๆ ทั้งหมด 21 ท่าน ซึ่งปัจจุบันมีผู้พิพากษาที่เป็นชาวไทย 1 ท่าน

อาศัยเหตุดังที่ได้กล่าวมาข้างต้น ผู้ร้องยื่นคำร้องนี้ต่อผู้ตรวจการแผ่นดิน โดยอาศัยอำนาจตามรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย พ.ศ.2560 มาตรา 213 และพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของ ศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 46 วรรคหนึ่ง มาตรา 47 และ มาตรา 48 และขอให้ผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาส่งคำร้องของผู้ร้องต่อศาลรัฐธรรมนูญเพื่อขอให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาวินิจฉัยว่า MOU 2544 มีสถานะเป็นหนังสือสัญญา เมื่อกระทำการโดยไม่ได้ขอความเห็นชอบจากรัฐสภาไทย MOU 2544 จึงเป็นบทบัญญัติหรือการกระทำที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญ มีผลตกเป็นโมฆะทั้งฉบับตั้งแต่เริ่มแรกไม่ผูกพันไทยแต่ประการใด แต่ผู้ถูกร้องทั้ง 2 กลับนำมาใช้เป็นเครื่องมือดำเนินการแบ่งเขตอธิปไตยของไทยทางทะเลและผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติในทะเลของไทยให้แก่กัมพูชา

การกระทำของผู้ถูกร้องทั้งสองจึงเป็นการกระทำละเมิดสิทธิตามรัฐธรรมนูญของผู้ร้อง จึงขอศาลรัฐธรรมนูญโปรดวินิจฉัยและมีคำสั่งให้บันทึกความเข้าใจระหว่างรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรไทยกับรัฐบาลแห่งราชอาณาจักรกัมพูชาว่าด้วยพื้นที่ที่ไทยและกัมพูชาอ้างสิทธิในไหล่ทวีปทับซ้อนกัน ค.ศ.2001 (พ.ศ.2544) หรือ MOU 2544 เป็นหนังสือสัญญาที่กระทำการโดยไม่ได้ขอความเห็นชอบของรัฐสภา จึงเป็นบทบัญญัติใดหรือการกระทำใดที่ขัดหรือแย้งต่อรัฐธรรมนูญเป็นอันใช้บังคับไม่ได้ ตกเป็นโมฆะทั้งฉบับตั้งแต่เริ่มแรก และขอศาลรัฐธรรมนูญโปรดมีคำสั่งให้ผู้ถูกร้องทั้งสองเลิกการกระทำในการนำ “MOU 2544” มาใช้เป็นเครื่องมือดำเนินการแบ่งเขตอธิปไตยของไทยทางทะเลอ่าวไทยและแบ่งผลประโยชน์ทรัพยากรพลังงานธรรมชาติทางทะเลของไทยให้แก่กัมพูชา

ผู้ร้องขอเรียนว่า หากผู้ตรวจการแผ่นดินพิจารณาแล้วมีมติยื่นคำร้องนี้ต่อศาลรัฐธรรมนูญ ผู้ร้องขอเป็นผู้ร้องที่ 2 ร่วมกับผู้ตรวจการแผ่นดิน เพื่อผู้ร้องจะมีสิทธิในฐานะคู่ความนำเสนอพยานหลักฐานเพิ่มเติมต่อศาลรัฐธรรมนูญ แต่หากผู้ตรวจการแผ่นดินมีมติไม่ยื่นคำร้องนี้ต่อศาลรัฐธรรมนูญ หรือไม่ยื่นคำร้องนี้ภายในเวลา 60 วันนับแต่วันที่รับคำร้อง ผู้ร้องขอใช้สิทธิยื่นคำร้องโดยตรงต่อศาลรัฐธรรมนูญ ตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยวิธีพิจารณาของศาลรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2561 มาตรา 48 วรรคสอง

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เพื่อไทย หวั่นยกเลิก MOU 43 มีข้อเสียมากกว่าข้อดี ประท้วงไม่ได้ เสี่ยงปะทะสู้รบ

"นพดล" ห่วงยกเลิก MOU 43-44 มีผลเสียมากกว่าดี เหตุการแก้ไขเขตแดนไม่มีกรอบเจรจา ทำให้กัมพูชาอาจยกระดับเรื่องเขตแดนไปศาลโลก

'เท้ง' แทงกั๊กเลิก MOU 43-44 ชงศึกษา 4 ข้อส่งต่อรัฐบาลหน้า มีความชอบธรรมสูงกว่า

"เท้ง" มองไม่จำเป็นต้องรีบหาข้อสรุปยกเลิก MOU 43-44 แต่ควรศึกษาไว้เป็นแนวทาง 4 ข้อ เพื่อส่งต่อให้รัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งและมีความชอบธรรมสูงกว่านี้ ชี้ต้นตอปัญหามาจากรัฐบาลปัจจุบัน-ผู้นำสองประเทศขัดแย้งกัน

'ภูมิใจไทย' เสนอทำประชามติ ยกเลิก MOU 43-44 ถามยึดถือไว้ทำไมทั้งที่ถูกละเมิดตลอด

'แนน บุณย์ธิดา' ถาม จะกอดจะยึด MOU 43 ไว้ทำไม ทั้งที่ถูกละเมิดตลอดเวลา ชี้ MOU 44 เป็นเรื่องที่เกินกว่าความมั่นคงในประเทศ-ระหว่างประเทศ แต่คือผลประโยชน์ วอน ร่วมใจกันตั้ง กมธ. พร้อมเปิดเผย ให้ ปชช. ตัดสินใจเอง

มติเพื่อไทย ขอให้สภาประชุมลับ พร้อมโหวตไม่เห็นด้วยญัตติตั้ง กมธ.ยกเลิก MOU 43-44

นายดนุพร ปุณณกันต์ สส.บัญชีรายชื่อ และโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวภายหลังการประชุมสส. ประจำสัปดาห์ของพรรคเพื่อไทย ว่า เนื่องจากสัปดาห์ที่ผ่านมามีการปิดประชุมสภาฯในวันที่ 21 ส.ค. ก่อนที่จะมีการเข้าญัตติด่วนด้วยวาจาเกี่ยวกับ MOU 43 และ 44

สว. ประชุมลับ ตั้ง กมธ.ศึกษาผลกระทบยกเลิก MOU 43-44

ในการประชุมวุฒิสภา ครั้งที่ 13 สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง ที่มีนายบุญส่ง น้อยโสภณ รองประธานวุฒิสภาคนที่สอง เป็นประธานการประชุม วาระพิจารณาญัตติ เรื่อง ขอให้วุฒิสภาตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญพิจารณาศึกษาข้อดีข้อเสียการยกเลิก MOU 2543

'รังสิมันต์' ย้ำไทยต้องรักษาความชอบธรรมในเวทีโลก ยกเลิก MOU43-44 ต้องถกในสภาฯร่วมกัน

'รังสิมันต์' มองเวที GBC ห่วง 'กัมพูชา จะรักษาข้อตกลงแค่ไหน แนะไทยต้องรักษาความชอบธรรมในเวทีระหว่างประเทศ ยันหากจะยกเลิก MOU43-44 ต้องมีกลไกอื่นที่ดีกว่าก่อน และควรถกในสภาฯร่วมกัน ชี้เหตุปะทะไม่ได้มาจาก MOU แต่เพราะความสัมพันธ์ระหว่างรัฐต่อรัฐ ท้วงปมเบิกงบล่าช้า รัฐบาลไม่ควรโทษไปมา แต่ควรบอกว่าจะเยียวยาเมื่อไหร่