28 พ.ย.2567 - นายจตุพร พรหมพันธุ์ วิทยากรคณะหลอมรวมประชาชน เฟซบุ๊กไลฟ์โดยกล่าวประชดประชันรัฐบาลพรรคเพื่อไทยผลักดันตั้งประธานบอร์ดแบงก์ชาติ พร้อมรีบประชุมตั้งบ่อนอ้างฟื้นเศรษฐกิจแต่กลับสวนกับความรู้สึกและสำนึกของประชาชน จะเป็นเงื่อนไขสุกงอมให้คนลงถนนเร็วขึ้น
“ถ้าคิดว่าประเทศนี้มีไฟเขียวยกให้เป็นเจ้าของแล้ว จึงเกิดอาการเหลิง เหิมเกริม ละเลิงลำพองตัวกันให้เต็มที่ เมื่อไม่สนใจอะไรแล้ว ดังนั้น อยากจะทำอะไรก็ทำให้ยาวไปเลย”นายจตุพร ประชด
อีกทั้งยังประชดประชันไปถึงการปฏิบัติหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ปปช.) และคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ที่ไต่สวนคำร้องกรณีชั้น 14 สนามกอล์ฟอัลไพน์ และการครอบงำพรรคการเมือง ที่มีแต่ความเอื่อยเฉื่อย ไม่รู้จะแล้วเสร็จกี่โมง จึงไร้วีแววเวลาทำงานต้องแถลงผลการตรวจสอบให้ประชาชนได้รับรู้
นายจตุพร กล่าวว่า กรณีชั้น 14 ถ้า ปปช.ไต่สวนแบบเงียบเชียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ก็ให้ทำยาวไปกันเลยหรือประกาศยกคำร้อง ไม่มีความผิดไปเลย ส่วนการขอเวชระเบียนนั้น ไม่ได้นำประวัติผู้ป่วยมาเปิดเผยสาธารณะแต่ต้องการตรวจสอบการรักษาของหมอ รพ.ตำรวจ ถึงที่สุดแล้วการขอเวชระเบียนไม่ได้แสวงหาความลับผู้ป่วย แต่ต้องการหาว่า หมอได้ทำผิดกฎหมายหรือไม่
อย่างไรก็ตาม คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ (กสม.) ยื่นคำร้องต่อ ปปช. โดยเชื่อว่า ทักษิณ ชินวัตร ป่วยทิพย์อยู่ชั้น 14 จึงเสนอให้ตรวจสอบหมอเข้าข่ายปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามประมวลกฎหมายอาญา ม.157
"ความลับของผู้ป่วยยังเป็นความลับและได้รับการปกป้อง แต่เจตนา ปปช.ขอเวชระเบียนเพื่อต้องการดูการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย และในส่วนนี้กฎหมายไม่ได้ปกป้องและคุ้มครองการรักษาผู้ป่วยของหมอให้เป็นความลับ เรื่องนี้ ปปช.และ กสม.รู้และไม่ได้โง่จึงตั้งโจทย์ให้สอบสวนการทำหน้าที่ของหมอ ดังนั้น ถ้า ปปช.ไม่มีน้ำยาเอาเวชระเบียนแล้ว ไม่รู้จะมีองค์อิสระแบบนี้ไว้ทำไม”
ส่วนนายสนธิ ลิ้มทองกุล ประกาศอาจจะลงถนนครั้งสุดท้าย นายจตุพร กล่าวว่า ขณะนี้รัฐบาลเพื่อไทยได้เกิดทางการเมืองและเติบโตในอำนาจ ก็มาจากประชาชนลงถนนต่อต้านในสิ่งไม่ชอบธรรม สองมาตรฐาน แต่วันนี้กลับมาเล่นสำบัดสำนวนตอบโต้การลงถนนยังไม่มีเงื่อนไขให้ประชาชนต้องออกมา
อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมาทุกเหตุการณ์ที่ประชาชนลงถนน เงื่อนไขสำคัญล้วนมาจากรัฐบาลเป็นผู้ปลุกและก่อขึ้น คนจึงออกมาคัดค้านเต็มถนน และแกนนำในหตุการณ์ 14 ตุลา 16 หรือ 6 ตุลา 19 หรือพฤษภา 35 และเมษา-พฤษภา 53 ซึ่งพวกมีอำนาจการเมืองขณะนี้มาจากคนลงถนนทั้งนั้น จึงควรเข้าใจและต้องไม่อธิบายด้วยการลืมกำพืดของตัวเอง
สิ่งสำคัญที่ผ่านมา รัฐบาลได้ปลุกเงื่อนไขให้เกิดการลงถนนมาต่อเนื่องและไม่เข็ดขยาด ในสมัยรัฐบาลยิ่งลักษณ์ ชินวัตร พยายามออกกฎหมายนิรโทษกรรมสุดซอยปลายปี 2556 ประกอบกับย้ายนายถวิล เปลี่ยนศรี พ้น เลขา สมช. เพื่อเอื้อประโยชน์พวกพ้อง และยังมีปัจจัยแก้ รธน. 50 มาผสมอีก คนจึงออกมาถนน ซึ่งไม่ได้มาจากการเชื่อและปลุกพลังของแกนนำอย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ กลุ่ม กปปส. แต่เป็นเพราะรัฐบาลสร้างเงื่อนไข หาเรื่องขึ้นมาเองประชาชนจึงคัดค้าน
นายจตุพร กล่าวว่า อดีตแกนนำ นปช.ที่อยู่กับพรรคเพื่อไทย อธิบายโดยเรียกร้องให้โอกาสรัฐบาลทำงานก่อน ตนสงสัยว่า แล้วทำไมไม่ให้โอกาสรัฐบาลอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ทำงานก่อน แต่คนพวกนี้กลับบิดเบือนว่า เพราะเขาตั้งรัฐบาลในค่ายทหารผิดหลักประชาธิปไตย
“รัฐบาลพรรคเพื่อไทยข้ามขั้ว ตระบัดสัตย์ ถ้าเป็นคนอื่นยังไม่ให้โอกาสเลย แล้วทำไมเป็นเพื่อไทยแล้วจึงต้องได้โอกาส พูดดูดี ดูหล่อกันทั้งนั้น พวกขี้ข้า ขี้ครอก อย่ามาแสดงความอวดรู้ไม่มีราคาเลย”
อีกทั้งกล่าวว่า บ้านเมืองในต่างประเทศ ยกย่องนักต่อสู้เป็นจิตวิญาญาณผู้นำสู่การเปลี่ยนแปลง แต่ไทยกลับยกย่องคนทำผิด ต้องคดีทุจริตคอร์รัปชันเป็นผู้นำจิตวิญญาณ สิ่งนี้จึงเป็นความแตกต่าง และที่สำคัญผู้นำจิตวิญญาณคนนี้ยังยอมรับในการถวายฎีกาว่า ได้กระทำความผิดจริง และได้สำนึกแล้ว พร้อมเคารพกระบวนการยุติธรรม แต่ไม่ยอมติดคุกสักวัน
“พวกรัฐบาลพยายามมาบิดเบือนกรณีชั้น 14 ว่าเป็นการคุมขัง แต่ไม่เคยมีประกาศของ รมว.ยุติธรรม ให้ รพ.ตำรวจเป็นที่คุมขังนักโทษ ซึ่งให้เป็นเพียงสถานที่รักษานักโทษและต้องมีเจ้าหน้าที่คอยดูแล การโหมอธิบายชั้น 14 คือการบิดเบือนเพื่อหนีการติดคุก ส่วนประชาชนจับขังคุกคนแล้วคนเล่า ดังนั้น กรณีชั้น 14 ถ้าใหญ่คับบ้านคับเมืองกันแบบนี้ ปปช.ยกคำร้องไปเสีย ง่ายที่สุด ให้อยู่กันยาวไปเลย”
อีกทั้งย้ำว่า รัฐบาลเพื่อไทยไม่มีความรู้สึกแคร์ประชาชนเลย ถ้าแคร์แล้วคงไม่ตั้งรัฐบาลข้ามขั้วแบบนี้ และที่สำคัญไปตั้งรัฐบาลตระบัดสัตย์กับฝ่ายปราบปรามประชาชน หาเสียงไม่จับมือ 3 ป. ไม่ร่วมรัฐบาลฝ่ายยึดอำนาจ จึงโกหกหลอกลวง โดยนายจักรภพ เพ็ญแข ยอมรับตรงไปตรงมาดีว่า ถ้าเพื่อไทยมัวสนใจแต่ประชาชน ไม่สนใจผู้มีอำนาจเดิม พรรคเพื่อไทยก็สูญพันธุ์ไปก่อน สะท้อนถึงธาตุได้ชัดเจน
ส่วนสนามกอล์ฟอัลไพน์นั้น นายจตุพร กล่าวว่า จบแล้ว ยุติแล้ว และที่ดินยายเนื่องบริจาคให้เป็นมรดกของวัดได้กลับมาเป็นที่ธรณีสงฆ์ แล้วทำไม ปปช.ไม่ดำเนินการนำที่ดินกลับมาเป็นธรณีสงฆ์ ส่วนเขากระโดงขึ้นอยู่กับคำพิพากษาเพราะคำวินิจฉัยของศาลมีเฉพาะแปลงที่ฟ้องร้องกัน ไม่ได้พิพากษาในพื้นที่ทั้งหมด ดังนั้น จึงต้องดูคำพิพากษาและคนทำหน้าที่ต้องยึดคำพิพากษาเป็นหลัก
"ถ้าจะอยู่กันแบบนี้ ก็อยู่กันไป ก็ยกคำร้องไป สนามกอล์ฟอัลไพน์ก็อยู่กันแบบนี้ ถูไถกันไป ถึงการเลือกตั้งครั้งหน้าก็ไปแข่งกันโกหกหลอกลวงกันไป ขนาดคำพูดยังรักษาไม่ได้ แล้วจะฝากแผ่นดินไว้ได้อย่างไง”
นายจตุพร กล่าวถึงกรณี MOU 44 ว่า การลงถนนต้องรอการสุกงอมในเรื่องนี้ โดยมีเงื่อนไขอยู่ที่รัฐบาลพรรคเพื่อไทยตั้งคณะกรรมการเจทีซี (JTC) ไปเจรจากับกัมพูชา เมื่อถึงวันนั้จะมีเรื่องให้วิพากษ์มากมายว่า จะสุ่มเสี่ยงกับการเสียดินแดนอย่างไร
ดังนั้น เรื่องนี้เริ่มเป็นเงื่อนไขลงถนน เมื่อทักษิณ พูดถึงการแบ่งผลประโยชน์ 50:50 และนายกฯ อุ๊งอิ๊ง-แพทองธาร ชินวัตร รับลูกมาพูดส่อถึงเจตนาชัดเจนว่า เธอกับฉันตกลงกันไม่ได้ก็แบ่งผลประโยชน์กัน สิ่งนี้จึงสะท้อนถึงเจตนาความอยากได้สมบัติเสมือนเป็นทรัพย์สินส่วนตัวของตัวเอง
พร้อมทั้งกล่าวว่า รัฐบาลพยายามบิดเบือนการลงถนนในกรณี MOU 44 เพราะกลัวลงถนนกันมากแล้วทหารจะออกมายึดอำนาจ แต่ถ้าไม่ลงถนนก็เสียดินแดน ดังนั้น รัฐบาลกลัวทหารยึดอำนาจมากกว่าการกลัวเสียดินแดนเสียอีก อย่างไรก็ตาม เราอยากรู้ว่าผลประโยชน์ที่แบ่งนั้นประเทศได้อะไร ทำไมไม่ออกมาพูด และสัญญาสัมปทานกับเชฟรอนได้ประโยชน์ไปหมดจะยกเลิกอย่างไร เราจึงขอให้ตกลงปักปันเขตแดนทั้งทางบกและทะเลให้จบก่อนการเร่งรีบเจรจาแบ่งประโยชน์กันก็เท่านี้
"รัฐบาลกลับแสดงความกล้าที่สวนสำนึกของประชาชน โดยแต่ละเรื่อง (ทั้งปักปันเขตแดนและแบ่งผลประโยชน์) ยังไม่เกิดขึ้นในขณะนี้ แต่รัฐบาลกลับแสดงความอยากจนน้ำลายไหลเปรอะข้างปากกันแล้ว แสดงว่ามีความอยากเต็มที่แล้ว”
อีกทั้งย้ำว่า ขณะนี้รออย่างเดียวคือ การสุกงอม เมื่อรัฐบาลปฏิบัติเริ่มเจรจาเมื่อไร ย่อมเป็นเงื่อนไขถึงภาวะสถานการณ์สุกงอมต้องลงถนนกันแล้ว ซึ่งการลงถนนไม่ใช่เป็นเรื่องของพรรคการเมืองใด แต่เป็นหน้าที่ของคนไทยที่เกิดในผืนแผ่นดินไทยต้องปกป้องไม่ให้เสียดินแดน จึงไม่ใช่การคลั่งชาติ
นายจตุพร กล่าวว่า มีการข่าวแววมาว่า การตั้งนายกิตติรัตน์ ณ ระนอง เป็นประธานบอร์ดแบงก์ชาติ จะเสนอเข้า ครม.สัญจรที่เชียงใหม่ 29 พ.ย.นี้ ถัดจากนั้นวันที่ 2-4 ธ.ค.จะมีการประชุมบ่อนคาสิโนในไทย ดังนั้น เงื่อนไขเช่นนี้จะเจอกระบวนการทางกฎหมายคัดค้านหลายชุด หากรัฐบาลคิดว่ามีเส้นใหญ่ก็ทำไป ทำให้ยาวไปเลย จะได้ไปถึงภาวะสุกงอมเร็วขึ้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
อดีตบิ๊กเพื่อไทย หวังจะไม่ใช่ขบวนรถไฟเที่ยวสุดท้าย!
นายสามารถ แก้วมีชัย อดีตรองหัวหน้าพรรคเพื่ิไทย โพสต์เฟซบุ๊กว่า “วันนี้ นายกฯ อดีตนายกฯ สส พรรคแกนนำรัฐบาล นั่งรถไฟ
'ทักษิณ' รับเคยคุย 'สจ.โต้ง' ส่งเมียชิงนายก อบจ. หนุน ตร. ล้างบางบ้านใหญ่ปราจีน
'ทักษิณ' รับเคยคุย 'สจ.โต้ง' ส่งเมียลงชิง 'นายก อบจ.ปราจีนฯ' ในนามเพื่อไทย ซัดเลวร้ายมาก ฆ่ากันเหตุฮั้วไม่ลงตัว ชมเปาะ ตร.ฟิตกวาดล้างผู้มีอิทธิพลเกลี้ยงแน่
'ทักษิณ' ลั่นล้านเปอร์เซ็นต์ 'เกาะกูด' ของไทย ไม่บ้ายกให้กัมพูชา จ่อติวเข้ม สส. แจงปชช.
'ทักษิณ' ลั่นล้านเปอร์เซ็นต์ 'เกาะกูด' เป็นของไทย โต้เฟกนิวส์ใช้เอไอปล่อยข่าวมั่ว ชี้ใครจะบ้ายกให้ เตรียมติว สส. เพื่อไทย แจงประชาชนถึงที่มา MOU 44
จับตา! 'ทักษิณ' สร้างอภินิหารการเมือง คัมแบ็กนายกฯ
นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า จับสัญญาณ ทักษิณหวนคืนอำนาจรัฐ
ตั้งป้อมชน 'ระบอบทักษิณใหม่' ประเดิม 18 ธ.ค. บุก ป.ป.ช. หึ่งล็อบบี้หนักล้มคดีชั้น 14
วงหารือฝ่ายต้านรัฐบาล ตั้งป้อมชน 'ระบอบทักษิณใหม่' นำร่อง 18 ธ.ค. บุกตึก ป.ป.ช. หลังได้กลิ่นล็อบบี้หนัก 3 กรรมการฯ ล้มคดีชั้น 14
นโยบายที่“อิ๊งค์”ไม่กล้าพูด เรื่องสำคัญกว่าผลงาน90วัน
บรรดากองเชียร์รัฐบาลเพื่อไทยอาจจะชื่นชม หลัง “แพทองธาร ชินวัตร” นายกรัฐมนตรี เล่นใหญ่ เปิดสตูดิโอ 4 ของสถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย (NBT) ยืนเดี่ยวไมโครโฟน