“อนุทิน” พร้อมสับสวิตซ์ หาก “สมช.” สั่งหยุดจ่ายไฟ ลั่นหากเพื่อนบ้านทำผิดกระทบความมั่นคง เตรียมหาแหล่งพลังงานใหม่ ติง “กฟภ.” ทำเกินหน้าที่ ชี้เป็นหน่วยงานรับปฏิบัติ
3 ก.พ.2568 - เมื่อเวลา 14.00 น. ที่ทำเนียบรัฐบาล นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และ รมว.มหาดไทย กล่าวถึงกรณีการไฟฟ้าส่วนภูมิภาค (กฟภ.) เข้าร่วมประชุมกับสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เพื่อประมวลข้อมูลด้านความมั่นคง ในการหยุดจ่ายไฟตามแนวชายแดนและประเทศเพื่อนบ้าน ที่จะมีการลงพื้นที่ โดยจะเสนอเข้าที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ได้รับทราบแล้ว ซึ่งกระทรวงมหาดไทยเป็นผู้ร้องขอไปเองว่าให้ทางสมช.ช่วยยืนยันแหล่งกระทำผิด เพราะถ้ามีจริงก็พร้อมที่จะตัดการจ่ายไฟ แต่สมช.ต้องยืนยันมาก่อน โดยทางสมช.ไม่มีการแจ้งว่าจะส่งเป็นความเห็นมาให้ แต่ถึงแม้จะเป็นเพียงความเห็น ทางกระทรวงมหาดไทยก็พร้อมที่จะดำเนินการทันที เพราะก็ไม่ได้สนับสนุนการกระทำผิดอยู่แล้ว
เมื่อถามว่า ขั้นตอนที่จะมีการลงพื้นที่ก่อนที่จะนำเข้าสู่ที่ประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) จะเป็นการล่าช้าไปหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า การขายไฟมีสัญญาอยู่ อย่างไรก็ต้องมีการยื่นหนังสือทวงถาม ซึ่งคิดว่าทุกฝ่ายทุกหน่วยงานก็เร่งรัด และเชื่อว่ากระทรวงการต่างประเทศก็คงต้องแจ้งไปยังประเทศเมียนมา ว่าหากมีการกระทำผิดจริงก็ต้องมีการเตรียมตัวไว้ ทางประเทศเพื่อนบ้านก็ต้องหาแหล่งพลังงานมาทดแทน เพราะถ้าเกิดความเสียหายกับประเทศไทยเราก็ไม่สามารถจ่ายไฟต่อไปได้ ซึ่งเขียนอยู่ในสัญญาแล้ว
“ต้องมีการยืนยันก่อน ซึ่งตอนนี้มีแต่ข้อมูล ที่คนนั้นพูดทีคนนี้พูดที แต่ยังไม่มีการยืนยัน เราจะไปทำสุ่มสี่สุ่มห้าไม่ได้” นายอนุทิน กล่าว
ถามอีกว่า มีกระแสข่าวว่าทางการไทยจะหยุดจ่ายไฟ แก๊งคอลเช็นเตอร์จะปั่นไฟใช้เอง นายอนุทิน กล่าวว่า ถ้าเขาปั่นไฟใช้เองจริง ก็ไม่มีทางที่จะได้รับความเอื้อประโยชน์จากฝั่งไทย เขาซื้อไฟของเราไป ถ้าหน่วยงานความมั่นคงให้หยุดจ่าย ทางกระทรวงมหาดไทยก็จะหยุดจ่ายทันที แต่ถ้าหยุดจ่ายไฟแล้วเขาไปปั่นไฟใช้เองในบ้านของเขา และเชื้อเพลิงของเขา เราก็ไม่เกี่ยว โดยกระทรวงมหาดไทยพร้อมสับสวิตซ์
นายอนุทิน กล่าวต่อว่า เรื่องนี้จำเป็นต้องถึงมือ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ซึ่งขณะนี้รอเพียงหน่วยงานที่ไปทำข้อตกลงแจ้งกลับมาให้กฟภ. หยุดจ่ายไฟ เราก็หยุดจ่ายไฟ ซึ่งตอนนี้ก็มีการตอบสนองขึ้นมาเรื่อยๆ แต่ก็ยังไม่มีหน่วยงานใด ยืนยันกลับมาว่าได้มีการกระทำผิด อย่างที่ถูกเขากล่าวอ้างซึ่งล่าสุด สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามยาเสพติด (ป.ป.ส.) ก็ยืนยันกลับมา ว่าไม่มีการกระทำผิดใดๆ ในส่วนของการตรวจสอบของป.ป.ส. ซึ่งเราก็ต้องรอการตรวจสอบจาก สมช. ที่เป็นเจ้าภาพ และมีการประชุมไปแล้ว และได้มีข้อสั่งการมา เราก็พร้อมที่จะปฏิบัติตาม แต่ถ้าบอกว่าไม่มีก็ต้องจบไม่ต้องไปหาที่ไหนแล้ว
ถามต่อว่า การที่ กฟภ. จะลงไปในพื้นที่ไปยังจุดจ่ายไฟนั้น นายอนุทิน กล่าวว่า ตามจริง กฟภ. ทำเกินหน้าที่ที่จะลงไปตรวจว่าใครทำผิดหรือไม่ทำผิด เพราะเราเป็นหน่วยงานรับปฏิบัติ แต่ก็ไม่เป็นไรหากลงพื้นที่แล้วพบว่ามีการกระทำผิดก็นำข้อมูลของ กฟภ. มาย้ำอีกที
เมื่อถามย้ำว่า นอมินีสัมปทานไฟฟ้ามีหรือไม่ นายอนุทิน กล่าวว่า ไม่มี บริษัทที่จะเข้ามาทำสัญญาซื้อไฟข้ามแดนกับกฟภ. มีการตรวจสอบยืนยันจากรัฐบาล ประเทศเพื่อนบ้าน และหน่วยงานความมั่นคงจากประเทศไทย ตรวจสอบหมดแล้วว่าขายได้ ไม่ใช่ว่าใครจะมาซื้อเราก็ขาย
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ตม. ตรวจสอบโรงเรียนในสลัมพม่า กลางเมืองภูเก็ต ไม่พบความผิด
เจ้าหน้าที่ ตม.จว.ภูเก็ต ร่วมกับเจ้าหน้าที่ กอ.รมน. , เจ้าหน้าที่ฝ่ายปกครอง , เจ้าหน้าที่จัดหางานจังหวัดภูเก็ต เข้าไปตรวจสอบสถานที่ซึ่งเป็นกระแสสังคมดังกล่าว ซึ่งตั้งอยู่ใน ซ.หัชนานิเวศน์ 2/9 ถ.อนุภาษภูเก็ตการ ต.ตลาดใหญ่
ชายแดนไทยตรึงกำลังเข้ม! KNLA ยึดฐานปูลูตู่สำเร็จ ทหารเมียนมาหนีตายข้ามฝั่ง
กองกำลังกองทัพปลดปล่อยชาติกะเหรี่ยงหรือเคเอ็นแอลเอ (Karen National Liberation Army–KNLA) กองพลน้อยที่ 7 ได้นำกำลังพลโจมตีทหารรัฐบาลเมียนมา
เปิดคำสั่ง 'อนุทิน' ตั้งคกก.สืบสวนข้อเท็จจริง ปมร้อนงบประกันสังคม
สำหรับการแต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริงกรณีการใช้งบสำนักงานประกันสังคม (สปส.) นั้น เมื่อวันที่ 11 มี.ค. นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี ปฏิบัติราชการแทนนายกรัฐมนตรี ลงนามคำสั่งสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ 86/2568 เรื่อง แต่งตั้งคณะกรรมการสืบสวนข้อเท็จจริง
ทลายเครือข่าย‘เสี่ยจิว’ ไอซ์1.5พันล.‘อาวุธ’อื้อ
“อนุทิน” นำแถลงข่าวจับกุมเครือข่ายเสี่ยจิว พร้อมไอซ์ 1.5 ตัน มูลค่ากว่า 1.5 พันล้านบาท
'ขัดแย้งไป-เคลียร์ไป'ลากรัฐบาล คดีกวนใจ'นายใหญ่'กับเกมยึดอาวุธลับ
“ไม่สามารถคาดเดาว่าระเบิดลูกไหนจะทำงานก่อน และส่งผลให้เกิดการล้มกระดานไปเร็วก่อนครบวาระ จึงต้องค่อยๆ เก็บเบี้ยตัวสำคัญ และอาวุธลับที่ใช้เผด็จศึกศัตรูให้มาอยู่ในมือตัวเองมากที่สุด พร้อมไปกับเช็กทิศทางขององค์กรที่ชี้เป็นชี้ตาย”
ส่งตัวชาวจีน 1,439 คนกลับประเทศ หลังปราบปรามแก๊งคอลเซ็นเตอร์
ศูนย์สั่งการชายแดนไทยกับประเทศเพื่อนบ้านด้านเมียนมา จังหวัดตาก ได้ดำเนินการอำนวยความสะดวกในการส่งตัวบุคคลสัญชาติจีนที่ถูกหลอกไปทำงานผิดกฎหมายในเมืองเมียวดี ประเทศเมียนมา กลับประเทศต้นทาง ตามคำร้องขอของ