ยังไม่ชัด! คนไทยมี 50 ล้านเข้าบ่อนได้ เร่งเดินหน้าเปิดกาสิโน ขีดเส้นสภาฯผ่านกม.ให้จบปีนี้

เร่งเดินหน้าเปิดกาสิโน ขีดเส้นสภาฯ ผ่านกฎหมายให้จบภายในปีนี้ ยังไม่ชัด คลัง เอาด้วยหรือตัดออก คนไทยต้องมี 50 ล้าน ถึงเข้าบ่อนได้ แจงยิบ สิงคโปร์โมเดล ตอบโจทย์ไทยแลนด์ที่สุด

2 มี.ค.2568-ความคืบหน้าร่างพรบ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจรฯ ฉบับคณะกรรมการกฤษฎีกา ได้เสร็จสิ้นการรับฟังความคิดเห็นไปแล้วเมื่อวันเสาร์ที่ 1 มีนาคมที่ผ่านมา และขั้นตอนต่อจากนี้คือรอให้ กระทรวงการคลัง ส่งร่างไปให้คณะรัฐมนตรีเห็นชอบ เป็นครั้งที่สอง ซึ่งตามข่าวคืออาจจะเป็นสัปดาห์หน้าวันที่ 11 มี.ค.นั้น

นายศึกษิษฎ์ ศรีจอมขวัญ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นตัวแทนรัฐบาลไปร่วมประชุมกับคณะกรรมการกฤษฎีกาฯคณะพิเศษ เพื่อยกร่างพรบ.การประกอบธุรกิจสถานบันเทิงครบวงจร หรือเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ที่ให้มีการเปิดกาสิโน กล่าวถึงความคืบหน้าการผลัดดันร่างพรบ.ให้ออกมาเป็นกฎหมายว่า หากร่างฯ ผ่านความเห็นชอบจากครม.ก็ส่งร่างฯ ไปที่สภาผู้แทนราษฎร และเมื่อผ่านสภาฯ ก็ส่งร่างไปที่วุฒิสภา ซึ่งหากมีพรรคการเมืองต่างๆ เสนอร่างฯประกบ ก็นำมาพิจารณาร่วมกันแล้วปรับจูนให้มีความรัดกุม เพราะก็มีแนวทางแนวคิดที่แตกต่างกัน

การพิจารณาของกรรมาธิการฯของสภาฯ ก็มีส่วนดีคือมีตัวแทนประชาชนจากทุกพรรคการเมืองก็มาช่วยปรับปรุงให้เหมาะสมรัดกุมขึ้น อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถระบุเวลาที่แน่นอนได้ว่า ร่างพรบ.ฯดังกล่าว จะสามารถผ่านการพิจารณาของรัฐสภาได้ในช่วงใด แต่คิดว่าในชั้นสภาฯ เราตั้งใจให้เสร็จภายในปีนี้ 2568 แต่จะเสร็จทันหรือไม่ ก็แล้วแต่ว่ากรรมาธิการฯ จะใช้เวลาพิจารณานานแค่ไหน ส่วนวุฒิสภา ก็ไปอีกขั้นตอนหนึ่ง   

“ส่วนหลักเกณฑ์คนไทยเข้ากาสิโนต้องมีเงินในบัญชี 50 ล้านบาทว่า เป็นเรื่องที่กฤษฎีกาเสนอมา เพราะเราก็อยากให้มีกฎเกณฑ์ที่สามารถป้องกันกลุ่มเปราะบางที่จะเข้าไปเล่นได้ ก็เป็นแนวคิดหนึ่งที่ถูกเสนอมา แต่หลังจากนี้ก็ต้องมาพูดคุยกันว่ามันตอบเจตนารมณ์ของพรบ.ฯฉบับนี้หรือไม่”

รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวว่า  ส่วนการให้มีการรับฟังความคิดเห็นประชาชน-ชุมชน ในสถานที่ซึ่งจะสร้างสถานบันเทิงครบวงจรฯนั้น เป็นเรื่องที่ต้องมีการรับฟังความคิดเห็นอยู่แล้วเพราะเป็นการลงทุนขนาดใหญ่ในพื้นที่ซึ่งได้รับผลกระทบที่ใกล้เคียง ก็ต้องมีในส่วนนี้คล้าย ๆกับการทำ EIA -EHIA ก็มีการเขียนให้รัดกุม เพราะอย่างเวลามีโครงการขนาดใหญ่ เวลาจะสร้างโรงงาน หรือคอนโดมิเนียมก็ต้องมีการทำEIA ก็เลยมีการเขียนให้รัดกุม

สำหรับการที่ยังคงเรื่อง ผู้ยื่นขอรับใบอนุญาตการทำสถานบันเทิงครบวงจร ต้องมีทุนจดทะเบียนชำระแล้วหนึ่งหมื่นล้านบาท ก็เพราะต้องการให้ operator ที่จะเข้ามายื่นขอใบอนุญาต ต้องเป็นoperatorที่มีมาตรฐานระดับสูง สามารถลงทุนระดับ XXL หรือมากกว่าแสนล้านบาทได้ ตรงนี้ก็เหมือนเป็นfilter อันหนึ่งที่จะกันข้อกังวลของสังคมว่า จะเป็น”ทุนสีเทา”หรือไม่ จะเป็นเจ้าเล็กเจ้าน้อยมายื่นขอใบอนุญาตหรือไม่ ตรงนี้เป็น filter แรกแล้ว คือต้องเป็นบริษัทที่มีการจดทะเบียนชัดเจน ซึ่งการที่ต้องมีทุนจดทะเบียนหนึ่งหมื่นล้านบาท มันไม่ใช่ว่าใครทำก็ได้ ก็ต้องเป็นนักลงทุนขนาดใหญ่ที่มีประสบการณ์ มีมาตรฐานระดับโลก เพราะมันเป็นการลงทุนแบบใหม่ของรัฐบาล เราก็อยากได้  operator ที่มีมาตรฐานในการจัดการระดับโลก เช่นการลดผลกระทบทางสังคม -มีการลงทุนและบริหารพื้นที่อย่างได้ประโยชน์ เพื่อประเทศจะได้ประโยชน์จริงๆ สิ่งเหล่านี้จึงต้องถูก confirm ด้วยประสบการณ์ ซึ่งบริษัทระดับท็อปของโลกก็แสดงความสนใจอยู่

ส่วนการที่เขียนระบุเรื่องการจ้างแรงงานไทยไว้ชัดเจนในร่างกฎหมายฯนั้น เจตนารมณ์อย่างหนึ่ง ก็อยากให้มีความมั่นใจว่าบริษัทที่มาลงทุน จะมีผลประโยชน์ต่อคนไทยมากที่สุด ก็เลยล็อกไว้ในร่างกฎหมายเลยว่าเวลายื่นขอใบอนุญาต จะต้องมีแผนมาเลยว่า จะจ้างคนไทยทำงานเท่าใด รวมถึงแผนพัฒนาบุคลากรคนไทย เพราะอย่างบางอาชีพที่เป็นอาชีพใหม่เช่นเป็นดีลเลอร์ หรือมีการเปิดสวนสนุกขนาดใหญ่ ซึ่งช่วงแรกคนไทยอาจไม่มี skill ตอนเปิด ก็อาจอนุญาตให้คนต่างชาติมาทำก่อน แต่ต้องมีแผนชัดเจนว่าจะเปลี่ยนกลับมา จะมีการเทรนคนไทยให้เข้ามาประกอบอาชีพได้เมื่อใด

เมื่อถามถึงแนวทางการเปิดสถานบันเทิงครบวงจรฯ ที่ก่อนหน้านี้พูดถึงเรื่อง”สิงคโปร์โมเดล”ในส่วนของไทยจะมีทิศทางการทำนโยบายนี้อย่างไร นายศึกษิษฎ์กล่าวว่า มีการไปดูหลายออปชั่น บางประเทศ ก็ให้เป็นโมเดลแบบให้เป็นLicense ย่อยๆ ที่พอไปดูแล้ว ก็พบว่ามันไม่มีการลงทุนขนาดใหญ่ และควบคุมค่อนข้างยาก ก็ไม่ตอบโจทย์-เจตนารมณ์ อีกโมเดลหนึ่ง ที่มีการเสนอให้ไปสร้างในพื้นที่ไกลๆ แล้วก็ไปพัฒนาโครงสร้างพื้นฐาน อันนี้ก็ไม่ตอบโจทย์เพราะหากไปสร้างในพื้นที่ห่างไกล รัฐบาลก็ต้องลงทุนโครงสร้างพื้นฐาน ก็อาจจะถูกมองว่าเอื้อรายนั้นเป็นพิเศษหรือไม่

เราก็กลับมาดูโมเดลแบบสิงคโปร์ที่เขาเลือกสถานที่ ซึ่งเป็น location ที่รัฐบาลคิดว่าเหมาะสมให้ และมีข้อกำหนดชัดเจนว่ารัฐบาลต้องการ Man Made Destination อื่นๆ อะไรบ้าง แล้วให้ผู้ประกอบการเสนอเข้ามา เราก็มองว่าเป็นโมเดลที่ successful ที่สุด คือlicense  ไม่เยอะ แต่เป็น Mega Project ที่ควบคุมได้ง่าย เพราะพอเป็น Mega Project มาตรฐานในการดูแลและกำกับก็จะตามมา ก็จะเป็นกำแพงสองชั้นให้ คือมีคณะกรรมการนโยบาย มีบอร์ดบริหาร และมีสำนักงานควบคุมฯ ที่คอยดูแลในระดับ local แต่พอเป็นบริษัทขนาดใหญ่ที่เป็นบริษัทข้ามชาติที่ไปลงทุนในหลายประเทศ ก็จะเป็นกำแพงอีกชั้นหนึ่ง เพราะหากเขาทำผิดในประเทศเรา หรือมาตรการเขาหย่อนยานในประเทศเรา เขาก็จะถูกลงโทษในประเทศอื่นๆด้วย ตรงนี้เป็นกำแพงสองชั้นที่มาช่วยบาลานซ์ ก็เลยคิดว่าสิงคโปร์เขาใช้วิธีนี้ ซึ่งเป็นวิธีที่ success ที่สุด เมื่อเทียบกับโมเดลอื่นๆ ซึ่งจะถูกนำไปใช้ที่อื่นๆ เช่น โอซาก้า ที่ญี่่ปุ่นที่เข้าใจว่าทำคล้ายๆกัน และ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ที่เข้าใจว่าก็จะมาแบบคล้ายกัน เราอาจเปิดช้ากว่าคนอื่นเขา เราอาจจะเสียโอกาสเรื่องนี้มานาน แต่ถ้ามองอีกมุมหนึ่ง ก็เป็นเรื่องที่ดีที่ทำให้เห็นว่าหลายประเทศ ที่เรียกร้องการลงทุนในเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ที่มีหลายโมเดล เราก็มีโอกาสได้เลือกโมเดลที่ success point อย่างสิงคโปร์

“หากมีการเปิดเอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ จะเป็นการยกระดับอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวของประเทศ จะ booster ตรงนี้ขึ้นมาได้ จะเห็นว่า ประเทศรอบด้านเรา มีการสร้าง Man Made Destination แล้วก็สามารถดึงดูดนักลงทุนไปได้จริงๆ และมันไม่ได้ limit แค่การท่องเที่ยว เพราะหากมี  Man Made Destination อื่นๆ ที่เป็นจุดที่สามารถทำให้คนไทยสามารถเข้าถึงศิลปินระดับโลก การแสดงระดับโลก และคนไทยก็อาจจะมีโอกาสได้ขึ้นเวทีในการแสดงระดับโลกด้วย ก็สามารถปล่อยSoft power ออกมาได้ด้วย รวมถึงการมีช่องทาง retail ที่คนสามารถมาซื้อของโอท็อป สินค้าเกษตร ก็เปิดช่องให้เกษตรกร มีรายได้จากตรงนี้ หรือหากมีมิวเซียม ก็ทำให้เด็ก เยาวชนมีโอกาสได้เข้าถึงวิทยาศาสตร์ ความรู้ใหม่ๆ ผมก็คิดว่า ไม่ได้แค่เรื่องการท่องเที่ยวอย่างเดียว แต่จะยกระดับหลายด้านไปพร้อมๆกัน”

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

สว.ชิ่งตอบตั้ง กมธ.เอนเตอร์เทนเมนต์ฯ ต่อรองการเมือง!

'แล' ปัดตอบ กมธ.เอนเตอร์เทนเมนต์ ตั้งเพื่อต่อรองการเมือง มั่นใจหากยึดหลักวิชาการ-เป็นกลาง จะเลี่ยงครรหาการเมืองเบื้องหลังได้ ชี้ควรยก ร่างกม.กาสิโน-พนันออนไลน์ พิจารณารายละเอียด

‘เพื่อไทยดิ่งเหว ทักษิณมืดมน’ อดีตบิ๊กศรภ. ชี้ไม่เกิน 4 เดือน!

พล.ท.นันทเดช เมฆสวัสดิ์ ชี้พรรคเพื่อไทยกำลังเผชิญวิกฤตศรัทธา จากนโยบายกาสิโน-แจกเงินไม่ดูฐานะการคลัง เตือนบทบาททักษิณครอบงำรัฐบาลจนทุกอย่างมุ่งสู่จุดจบทางการเมืองและกฎหมาย

'อิ๊งค์' ปัดข่าวปรับ ครม. แต่หลุดวลี 'ตำแหน่งนายกฯ ก็อนิจจัง'

แพทองธาร แจงยังไม่มีแนวคิดปรับ ครม. ชี้ทุกอย่างในโลกล้วนไม่เที่ยง แม้แต่ตำแหน่งนายกฯ พร้อมรับฟังเสียงวิจารณ์ทั้งจากโพลและภายในพรรค แต่ยังไม่ตกผลึก ย้ำยังไม่ถึงขั้นเห็นต่างกับ “พ่อ” แม้มีข่าวทักษิณอยากปรับ ครม.

การเมืองสองหน้า! 'ทวี' แจงเหตุเพจพรรคประชาชาติ โพสต์ต้านกาสิโน เป็นความเห็นสส.บางคนในพรรค ชี้ขัดหลักศาสนามุสลิม

ที่ทำเนียบรัฐบาล พ.ต.อ. ทวี สอดส่อง รมว.ยุติธรรม ในฐานะหัวหน้าพรรคประชาชาติ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีในเพจของพรรคประชาชาติมีก

งงในงง! 'ภูมิธรรม' ยันสัมพันธ์ 'พท.-ภท.' เหมือนเดิม แต่ภูมิใจไทยต้องไปถามกันเองในพรรค

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัย รองนายกรัฐมนตรีและรมว.กลาโหม ในฐานะแกนนำพรรคเพื่อไทย (พท.) กล่าวถึงกระแสปรับค

วาระแห่งชาติ! 'สหายอ้วน' แจงสั่งสส.ลงพื้นที่กล่อมชาวบ้านเอากาสิโน-นิรโทษกรรม

ที่ทำเนียบรัฐบาล นายภูมิธรรม เวชยชัยรองนายกฯและรมว.กลาโหม ให้สัมภาษณ์กรณีพรรคเพื่อไทยกำชับส.ส. ลงพื้นที่เพื่อทำความเข้าใจ