
‘จุลพงศ์’ ซัด ‘แพทองธาร’ ใช้อำนาจนายกฯ หวังฮุบที่ดินอัลไพน์ รู้เห็นเป็นใจที่ดินเขากระโดง ชี้แค่ละครแบ่งผลประโยชน์ กับ ‘ภูมิใจไทย’
24 มี.ค. 2568 – ที่รัฐสภา เมื่อเวลา 11.30 น. นายจุลพงศ์ อยู่เกษ สส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายไม่ไว้วางใจ น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรี ว่า นายกรัฐมนตรีมีพฤติกรรมร่วมสมคบคิดกับคนในครอบครัว ใช้อิทธิพลทางการเมืองของบิดาเพื่อให้ที่ธรณีสงฆ์ที่บริษัท อัลไพน์กอล์ฟแอนด์สปอร์ตคลับ จำกัด ที่ยึดถืออยู่ไม่ต้องคืนเป็นที่ดินของวัด หลังจากที่ น.ส.แพทองธาร ได้ถือหุ้นแทนบิดาในบริษัทดังกล่าวมาซักระยะหนึ่ง น.ส.แพทองธาร ได้เข้ามาเป็นกรรมการบริษัทดังกล่าวในช่วงปี 59 – 67 และน.ส.แพทองธาร ก็ทราบดีว่าที่ดินสนามกอล์ฟของบริษัทเป็นที่ธรณีสงฆ์ ที่ควรต้องคืนกลับให้วัด หลังจากมีคำพิพากษาถึงที่สุดของศาลอาญาทุจริต
ทั้งนี้ น.ส.แพทองธาร ในฐานะกรรมการผู้มีอำนาจไม่เคยแสดงเจตนาที่จะทำเรื่องนี้ให้ถูกต้องตามกฎหมาย ฉวยโอกาสให้บริษัทของตัวเองประกอบธุรกิจสนามกอล์ฟเพื่อแสวงหากำไรจากที่ดินของวัด เหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น และเมื่อน.ส.แพทองธาร และเมื่อมีอำนาจเป็นนายกฯ ก็ใช้อำนาจหน้าที่กับข้าราชการเพื่อฮุบที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ต่อให้นานที่สุด ตอนนี้นายกฯ ยังนำเรื่องสนามกอล์ฟมาต่อรองกับพรรคร่วมรัฐบาล เพื่อจะได้ค่าชดเชยจากกรมที่ดินกว่า 7 พันล้านกว่าบาท จากการที่ถูกเพิกถอนนิติกรรมการโอนที่ของวัดหากจะต้องโอนที่ดินคืนให้แก่วัด
“พฤติกรรมดังกล่าวของ น.ส.แพทองธาร แสดงให้ประจักษ์ชัดว่า เป็นบุคคลที่ไร้ความซื่อสัตย์สุจริตเป็นที่ประจักษ์ ไร้ธรรมมาภิบาล เห็นประโยชน์ส่วนตัวและบุคคลในครอบครัวมากกว่าผลประโยชน์สาธารณะในทางศาสนาของการเป็นที่ธรณีสงฆ์ จึงทำให้ผมไม่สามารถไว้วางใจให้ท่านเป็นนายกฯ ได้อีกต่อไป ซึ่งสิ่งที่ทำให้ตนต้องเอาเรื่องสนามกอล์ฟอัลไพน์ที่เกิดตั้งแต่ปีมะโว้ มาอภิปรายไม่ไว้วางใจนายกฯ นั้น เพราะเรื่องมีปัญหาไม่จบไม่สิ้น ปัญหาคาราคาซังมานานจนถึงทุกวันนี้ เพราะมีการช่วยเหลือเอื้อประโยชน์กัน เพื่อไม่ให้ที่ธรณีสงฆ์กลับเป็นของวัด และนายกฯ กับบุคคลในครอบครัว ก็มีส่วนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มาตั้งแต่ต้นจนถึงปัจจุบัน” นายจุลพงศ์ ระบุ
สส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน อภิปรายว่า ช่วงแรกที่เข้าไปซื้อหุ้นบริษัทอัลไพน์ บิดาของนายกฯ ไม่ได้ถือหุ้นบริษัทอัลไพน์ไว้เอง แต่บิดานายกฯ ซุกหุ้นเอาไว้กับคนใช้ คนขับรถ และรปภ. เป็นนอมินีถือหุ้นแทนเท่ากัน เรื่องนี้เป็นข้อเท็จจริงที่ปรากฏในคำพิพากษาของศาลรัฐธรรมนูญ หลังจากที่บิดานายกฯถูกเปิดโปงเรื่องซุกหุ้น จนโดนคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ฟ้องศาลรัฐธรรมนูญ บิดาของนายกฯ ก็เลยโอนหุ้นจากนอมินีสามคน ให้กับนายกฯ พี่สาวนายกฯ และแม่นายกฯ เท่าๆ กันในปี 44 ได้จ่ายเงินซื้อหุ้นบริษัทอัลไพน์ฯ มูลค่ากว่า 200 ล้านบาทแล้วหรือไม่ หรือเอามาฟรีเพื่อเป็นนอมินีให้กับบิดา และเมื่อนายกฯ ถือหุ้น บริษัทอัลไพน์ฯ ก็เท่ากับว่าเป็นเจ้าของที่ธรณีสงฆ์ที่เป็นสนามกอล์ฟไปด้วย
โดยช่วงนี้ สส. เพื่อไทย ประท้วงเป็นระยะ ว่าผู้ที่อภิปรายอยู่นั้นอภิปรายเยิ่นเย้อ เช่น น.ส.ขัตติยา สวัสดิผล สส.บัญชีรายชื่อ นายก่อแก้ว พิกุลทอง สส.บัญชีรายชื่อ เป็นต้น
จากนั้นนายจุลพงศ์ อภิปรายว่า ผู้สอบบัญชีบริษัทอัลไพน์ฯ ได้ทำบันทึกในหมายเหตุประกอบการทุกปีว่าที่ดินของบริษัทที่ได้รับการโอนขายมรดกของคุณยายเนื่อม มีปัญหามาโดยตลอด และมีการระบุอย่างชัดเจนในหมายเหตุท้ายงบการเงินว่าที่ดินบริษัทอัลไพน์ฯ นั้นรับการจดทะเบียนโอนที่ดินมรดกจากมูลนิธิมหามกุฏราชวิทยาลัย มีบันทึกผู้สอบบัญชีอีกว่า คำสั่งของรองปลัดกระทรวงมหาดไทยออกคำสั่งโดยทุจริต มีการอ้างคำพิพากษาของศาลอาญาทุจริตลงโทษอาญารักษาราชการปลัดกระทรวงมหาดไทย และยังมีลายเซ็นนายกฯ กำกับหมายเหตุประกอบท้ายการเงิน และงบการเงินทุกหน้า
ดังนั้น นายกฯต้องรู้ดีและรู้อยู่แก่ใจ กินอยู่กับปากอยากอยู่กับท้องรู้ว่าเป็นที่ธรณีสงฆ์ แต่ก็ยังอยากฮุบที่ดินมาเป็นของตัว และครอบครัว และจากตอนนั้นมาถึงตอนนี้มีความพยายามฮุบที่ดินของวัดมาเป็นของตัวเองต่อไป รวมถึงมีการใช้อำนาจ และความเตะถ่วงการเพิกถอนการโอนที่ดินจนถึงทุกวันนี้ และท้ายที่สุดก็ถูกนำมาเป็นเครื่องมือต่อรองแบ่งปันผลประโยชน์ระหว่างกลุ่มการเมืองในรัฐบาลชุดนี้
ส่วนกรมที่ดิน กระทรวงมหาดไทย ก็คิดค่าเสียหายรอไว้แล้ว สอดคล้องกับที่บิดาของนายกฯ บอกว่ารำคาญ เพิกถอนการโอนเมื่อไหร่ก็จ่ายค่าเสียหายมา ซึ่งตอนนี้คงจะกำลังรอเจรจาต่อรองกันว่าจะเอาอย่างไรกับที่ดิน อีกแห่งหนึ่งของพรรคร่วมรัฐบาล ที่คาราคาซังไม่ลงรอยกันมาเป็นปีคือพรรภูมิใจไทย เป็นที่ประจักษ์ของสังคมมาหลายเดือนแล้วซึ่งเรื่องหนึ่งที่เอามาเจรจาต่อรองกันคือเรื่องที่ดินอัลไพน์ กับที่ดินเขากระโดงของตระกูลชิดชอบ หรือเป็นละครฉากหนึ่งของการแบ่งผลประโยชน์ระหว่าง 2 พรรคการเมือง
นายจุลพงศ์ กล่าวว่า หากมีใครหน้าไหนมาเสนอในลักษณะยื่นหมูยื่นแมว ประเคนเงินภาษีของประชาชนไปชดเชยให้กับครอบครัวของนายกฯ ที่ต้องคืนที่ดินอัลไพน์ให้กับวัด แลกกับไม่ต้องเพิกถอนที่ดินเขากระโดง เป็นสิ่งที่รับไม่ได้ เรายอมให้เอาเปรียบประชาชนไม่ได้เด็ดขาด และย้ำว่าที่ดินของคุณยายเนื่อมที่ยกให้วัดเป็นที่ธรณีสงฆ์ ไม่สามารถโอนให้ใครได้นอกจากออกเป็นพระราชบัญญัติ ฉะนั้น บริษัทอัลไพน์ฯ จึงไม่สามารถรับโอนกรรมสิทธิ์ที่ธรณีสงฆ์จากมูลนิธิได้ตามหลักกฎหมายผู้รับโอนไม่มีสิทธิ์ดีกว่าผู้โอน และการซื้อที่ดินของบริษัทอัลไพน์ฯจากมูลนิธิในครั้งแรก จะเห็นได้ว่าเป็นการวางแผนเอาที่ดินวัด ทำเป็นธุรกิจ มีการวิ่งเต้นกับพระ และสร้างพล็อตเรื่องไม่อนุญาตให้วัด รับโอนที่มรดกของคุณยายเนื่อมมาเป็นของวัด จนมูลนิธิมีความจำเป็นต้องขายที่ดินมรดกให้คุณยายเนื่อม ให้บริษัทอัลไพน์ฯที่เตรียมคนไว้
แต่ต่อมาทั้งกฤษฎีกาและศาลได้ชี้ว่าเป็นการโอนที่ผิดกฎหมาย ซึ่งนายกฯ ก็รู้ว่าที่ดินอัลไพน์ มีปัญหากฎหมายเพราะเป็นที่ธรณีสงฆ์มาโดยตลอด ตนจึงขอเรียนว่านายกฯ และครอบครัวไม่ใช่ผู้เสียหาย ไม่มีสิทธิ์ไปเรียกร้องค่าเสียหายจากกรมที่ดิน ซึ่งตัวอย่างปัญหาด้านที่ดินเป็นปัญหาที่ใหญ่ เรื่องที่ดินของรัฐ ที่ชาวบ้านที่ยากจนอยู่อาศัยและทำมาหากินมาหลายปี ชาวบ้านถูกขับไล่ ถูกดำเนินคดีต้องติดคุกติดตาราง แต่กรณีที่เขากระโดงและสนามกอล์ฟอัลไพน์ นายกฯ กลับลอยไปลอยมาเพราะเอาอำนาจมาต่อรอง เพื่อผลประโยชน์ส่วนตัวและครอบครัวจนถึงที่สุด และถ้านายกฯไม่เห็นด้วยกับครอบครัวก็ต้องห้ามไม่ให้ไปฟ้อง และคืนที่ดินให้กับวัด แต่นายกฯ กลับนิ่งเฉย แสดงว่ายังต้องการยึดที่วัดไว้ต่อไปให้นานที่สุด
“เมื่อน.ส.แพทองธาร มาเป็นนายกรัฐมนตรี แทนที่จะสั่งการให้ถูกต้องกลับยังรู้เห็นเป็นใจเรื่อยมา และที่ร้ายกว่านั้นก็ยังจงใจเพิกถอนให้หน่วยงานของรัฐ ละเลยไม่ปฏิบัติตามกฎหมายและคำพิพากษาของศาลมาโดยตลอด นายกฯคนนี้ยังต้องการเอาเงินภาษีของประชาชนมาจ่าย เป็นค่าเสียหายให้กับตนเองและบุคคลในครอบครัว ช่างเป็นเวรกรรมของคนไทย เมื่อนายกฯ ยังแยกแยะระหว่างผลประโยชน์ส่วนตัว ครอบครัว และผลประโยชน์ส่วนรวม ไม่ได้ จึงไม่มีความซื่อสัตย์สุจริต เป็นที่ประจักษ์ ปล่อยประละเลยการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดีไร้ความสามารถในการบริหารราชการแผ่นดินและไร้ความสามารถในการเป็นผู้นำรัฐบาล ดังนั้น ผมจึงไม่สามารถไว้วางใจนายกฯ ให้บริหารราชการแผ่นดินได้ต่อไป” นายจุลพงศ์ ระบุ.
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ลุ้น! แพทยสภา ถก 8 พ.ค. ปมชั้น 14 ‘หมอตุลย์’ ชี้หากไม่ผิดมาตรฐานจริยธรรม เรื่องใหญ่วงการแพทย์
ลุ้น’แพทยสภา’ นัดประชุม 8 พ.ค.ลงดาบ-ยกคำร้องหรือเลื่อนอีก สรุปผลสอบจริยธรรมแพทย์รักษาทักษิณ ชั้น 14 ‘หมอตุลย์’ ชี้หากไม่ผิดมาตรฐานจริยธรรม จะเป็นเรื่องใหญ่มากในวงการแพทย์ หลังเลื่อนมาหนึ่งเดือน
'วิสุทธิ์' ชี้ปรับครม.อยู่ในมือนายหญิงอิ๊งค์ กาสิโนกระแสดี ปชช.ไม่ขวาง
'วิสุทธิ์' ไม่รู้ มีดีลแลกเก้าอี้ รมต. 'พท.-ภท.' หรือไม่ บอกได้ยินแต่ข่าวจากสื่อ ย้ำ ทุกเรื่องเป็นอำนาจตัดสินใจของ 'นายกฯ อิ๊งค์' เผย วง สส.พท. อยากให้ปรับ ครม. กระทรวงค้าขาย ชี้ หลังฟังเสียง ปชช. ไม่ค้าน 'กม.เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์'
‘ดร.ณัฏฐ์’ วิเคราะห์เกมปรับ ครม. แพทองธารใช้สูตร ‘ดองเค็ม’ สั่งสอนภูมิใจไทย
นักกฎหมายมหาชนชี้ เกมการเมืองหลังสงกรานต์ร้อนแรง รัฐบาลแพทองธารอาจไม่ยุบสภาแต่เลือก ‘ปรับ ครม.’ แบบลดบทบาทภูมิใจไทย ดองเค็มไม่ให้กล้าต่อกรกลางสภา ย้ำ กระทรวงมหาดไทย คือเป้าหมายหลักในยุทธศาสตร์คืนอำนาจ ก่อนศึกเลือกตั้ง 2570
ซูเปอร์โพลชี้ผลสำรวจคนไทยมีความทุกข์มากขึ้น แต่ยังมั่นใจฝีมือ 'อิ๊งค์'
นายนพดล กรรณิกา ผู้อำนวยการสำนักวิจัย ซูเปอร์โพล ได้ทำการสำรวจความคิดเห็นของประชาชน เรื่อง สังคม เศรษฐกิจ และการเมือง ในสายตาของประชาชน กรณีศึกษาตัวอย่างประชาชนทุกสาขาอาชีพทั่วประเทศ ดำเนินโครงการทั้งการวิจัยเชิงปริมาณ (Quantitative Research) และการวิจัยเชิงคุณภาพ (Qualitative Research) รวมจำนวนตัวอย่างในการวิเคราะห์ทางสถิติทั้งสิ้น 1,215 ราย ดำเนินโครงการระหว่างวันที่ 15 - 19 เมษายน 2568 ที่ผ่านมา
3ชนักติดหลัง'ทักษิณ' ชั้น14แพทยสภา-ป.ป.ช.ไต่สวน ขึ้นศาลคดี112ตัดสินปี69
ถึงตอนนี้ การแสดงบทบาททางการเมืองของ ทักษิณ ชินวัตร เห็นได้ชัดว่าต้องการสยายปีกไปถึงการสร้างพื้นที่การเมืองให้กับตัวเองในเวที
อดีต รมว.กต. อวย 'ทักษิณ' คุย 'อันวาร์' ช่วยให้เห็นแสงสว่างในเมียนมาอย่างไม่เคยมีมาก่อน
อดีตรมว.ต่างประเทศ มอง "อันวาร์-ทักษิณ" พบกันเป็นเรื่องที่น่ายินดีต่อกระบวนการสร้างสันติภาพในเมียนมา