'วิโรจน์' มั่นใจนายกฯออกตั๋ว PN เลี่ยงภาษี เป็นการทำนิติกรรมอำพราง

"วิโรจน์" มองศึกซักฟอกตรงตามแผนที่ฝ่ายค้านคาดหวัง น้อมรับคำวิจารณ์ไปปรับปรุง ไม่กังวลผลลงมติไว้วางใจ ชีวิตต้องทำงานต่อ ย้ำพรุ่งนี้เข้าพบอธิบดีสรรพากร มั่นใจปมตั๋ว PN นายกฯ คือการทำนิติกรรมอำพราง ชี้ เอนเตอร์เทนเมนต์คอมเพล็กซ์ ทำได้ หากเป็นประโยชน์กับ ปชช. แต่ต้องประมูลโปร่งใส-ป้องผลกระทบเชิงลบ

27 มีนาคม 2568 - ที่รัฐสภา นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร สส.บัญชีรายชื่อพรรคประชาชน กล่าวถึงการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา ว่า เราทำได้ตามแผน ตามเที่เราคาดหวัง ส่วนจะดีหรือไม่ดีอย่างไร เราก็น้อมรับเสียงวิพากษ์วิจารณ์ เพื่อนำไปปรับปรุงการทำงานในสภาต่อไปอยู่แล้ว คนที่ประเมินได้ดีที่สุดน่าจะเป็นประชาชน รวมถึงเราก็ได้ฟังจากสื่อมวลชนต่างๆ ด้วย

นายวิโรจน์ มองว่า ในการอภิปรายไม่ไว้วางใจที่ผ่านมา แบ่งออกเป็น 3 กลุ่ม คือ นำข้อมูลลับออกมาเปิดเผย อย่างกรณีของนายชยพล สท้อนดี สส.กทม.พรรคประชาชน ซึ่งก็โดนห้าม จากนายพิเชษฐ์ เชื้อมองพาน รองประธานสภาผู้แทนราษฎรคนที่หนึ่ง ซึ่งทำหน้าที่เป็นประธาน จากการที่เราลงลึกถึงระดับปฏิบัติ IO ซึ่งมีบุคคลสำคัญหลายคนเป็นเป้าหมายอยู่ในนั้นด้วย สะท้อนว่ามีกลุ่มองค์กรไอโม่ง ที่ไม่ได้อยู่ในหน่วยงานหรืออำนาจใดตามรัฐธรรมนูญ ถึงขั้นก่อการวางเป้าหมายเป็นนายกรัฐมนตรีที่เป็นหัวหน้ารัฐบาล

สำหรับกลุ่มที่สอง ตนมองว่า เป็นการเรียบเรียงข้อมูลและเหตุการณ์ต่างๆ แล้วตั้งเป็นข้อสงสัย และสามมีพฤติการณ์แบบจุดใต้ตำตอ ซึ่งเมื่อพิจารณาแล้ว เราเห็นว่า ไม่ปฏิบัติ

สำหรับกรณีที่คณะรัฐมนตรีเห็นชอบร่างพระราชบัญญัติสถานบันเทิงครบวงจร ก็ต้องดูว่าประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับประชาชน คืออะไร หากเกิดประโยชน์และมีความเป็นธรรม ตนมองว่าก็คงไม่มีใครขัด แต่หากเกิดผลกระทบในเชิงลบต่อสังคมตามที่หลายฝ่ายกังวล และยังไม่มีข้อชี้แจง หรือแนวทางควบคุมกำจัดผลกระทบเชิงลบนั้น ก็ต้องมีการทบทวน รวมถึงความเป็นธรรม เรื่องการประมูล หรือเสนอราคา มีความโปร่งใสหรือไม่

ส่วนมองอย่างไรกับผลคะแนนการลงมติไม่ไว้วางใจ ตนมองว่า เมื่อตกลงกันได้แล้วก็ไปต่อ อย่าไปคิดกังวลอะไรขนาดนั้นเลย เพราะชีวิตต้องทำงานต่อ หากให้พูดตรงๆ ตนเป็นคนตำหนิติติงรัฐบาลด้วยเหตุผล ถ้าวันนี้รัฐบาลหยุด เราก็ไปตำหนิเขาอีก ว่าเมื่อวานนี้อภิปรายไม่ไว้วางใจ แล้ววันนี้หยุดเลยหรือ ต่างฝ่ายต่างต้องทำงานต่อ

นายวิโรจน์ เปิดเผยอีกว่า ตนจะไปที่กรมสรรพากรในวันที่ 27 มี.ค. เวลา 08.00 น. เนื่องจากขณะนี้ เจ้าของกิจการหลายคนถามว่า ใช้แพทองธารโมเดลได้หรือไม่ ในกรณีหุ้น PN แต่คนที่จะงอน นางสาวแพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีคนแรก ตนคิดว่าน่าจะเป็นนายเศรษฐา ทวีสิน อดีตนายกรัฐมนตรี เพราะนายเศรษฐา ก็เคยโอนหุ้นในลักษณะนี้ให้กับลูกสาว เช่นเดียวกัน ขณะที่อธิบดีกรมสรรพากรที่ออกมาระบุว่าสามารถทำได้นั้น ตนมองว่าเป็นเรื่องที่ไม่ตรงประเด็น เนื่องจากพูดถึงกันคนละกรณี ซึ่งสิ่งที่ทุกคนสงสัย คือการมีพฤติกรรมแบบนี้ คือการติ๊งต่างทำเป็นซื้อหรือหรือไม่

เนื่องจากกรณีที่ตั๋วนี้ไม่มีการระบุว่า จะจ่ายวันไหน แต่เมื่อไปถามนางสาวแพทองธาร ก็บอกว่าจะจ่ายปีหน้า และการที่ดอกเบี้ยไม่มีนั้น ก็เหมือนเป็นการแลก และหากไม่มีตรงนี้ ก็คือการให้ที่ชัดเจน เพราะเป็นการเปลี่ยนมือจากคนอื่นมาอยู่ที่นางสาวแพทองธาร แต่นางสาวแพทองธารไม่ได้จ่ายสักบาท ซึ่งหากถือว่าเป็นการให้ ก็ต้องไปจ่ายภาษีการรับให้อีกอยู่ดี จึงทำให้สงสัยว่าเป็นนิติกรรมอำพรางหรือไม่ ซึ่งตนมองว่า นี่คือช่องว่างทางกฎหมาย หากจะบอกว่าเป็นเรื่องที่ถูกกฎหมายใครก็ทำกัน ตนก็ไม่เห็นว่ามีใครจะแสดงตัวในเรื่องนี้ มีแต่การทำแบบหลบๆ ซ่อนๆ กันทุกคน และยิ่งหากมีการทำกันเยอะ ก็จะส่งผลเสียต่อสาธารณะ

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'ณัฐพงษ์' แนะรัฐบาลยึดหลักประชาธิปไตย ไม่เลือกข้างสหรัฐ-จีน เพิ่มอำนาจเจรจากำแพงภาษี

นายณัฐพงษ์ เรืองปัญญาวุฒิ สส.บัญชีรายชื่อ หัวหน้าพรรคประชาชน และผู้นำฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงบทบาทของนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี พยายามดึงอาเซียนร่วมเจรจา

'ผู้นำฝ่ายค้าน' หวดหนัก 'สตง.- รัฐบาล' ไร้ความโปร่งใส ปชช.ยิ่งไม่วางใจ  

ผู้นำฝ่ายค้าน บอก ขอรอ 'สตง.' แถลงแจงเหตุ ตึกถล่มก่อน ย้ำ ความโปร่งใสสำคัญที่สุด มอง การทำหน้าที่ ต้องไม่มองว่าเป็นคนคุมกฎระเบียบอย่างเดียว แต่ต้องวิเคราะห์ความคุ้มค่าของการใช้จ่าย-ทำรายงานการเงินให้เป็นไปตามมาตรฐาน 

'พิธา' นำ สส.ปชน. ร่วมงานประเพณีวิถีไทย ไหว้พระขอพรวันสงกรานต์ที่เชียงใหม่

นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ที่ปรึกษาประธานคณะก้าวหน้า และบุตรสาว หรือน้องพิพิม พร้อมด้วย สส.เชียงใหม่ และ สส.กทม. ของพรรคประชาชน เข้าร่วมกิจกรรมประเพณี วิถีน้ำ วิถีไทย ณ วัดเจดีย์หลวงวรวิหาร