'เทพไท' ป้อง 'ดร.เอ้' บริสุทธิ์ ชี้หน้าที่ 'ป.ป.ช.' สอบไม่ใช่ กมธ.สภาฯ

‘เทพไท’ ออกโรงป้อง ‘ดร.เอ้’ ข้องใจ กมธ.ปราบโกงสภาฯ เร่งตรวจสอบปมร่ำรวยผิดปกติ หวั่นไม่เป็นธรรม ชี้ให้เป็นหน้าที่ ‘ป.ป.ช.’

4 ก.พ. 2565 – นายเทพไท เสนพงศ์ อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า จากกรณีที่คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ สภาผู้แทนราษฎร เตรียมเชิญ ศ.ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ อดีตอธิการบดีสถาบันเทคโนโลยีพระจอมเกล้า วิทยาเขตลาดกระบัง (สจล.) ว่าที่ผู้สมัครชิงตำแหน่งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร ในนามพรรคประชาธิปัตย์ มาชี้แจงเกี่ยวกับการร่ำรวยผิดปกตินั้น

ผมในฐานะที่เคยเป็น ส.ส.มาหลายสมัย และเป็นคณะกรรมาธิการสามัญประจำสภาผู้แทนราษฎรมาหลายคณะ รู้สึกแปลกใจที่คณะกรรมาธิการป้องกันและปราบปรามการทุจริตและพฤติมิชอบสภาผู้แทนราษฎร ได้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สิน ความร่ำรวยผิดปกติของบุคคลภายนอก อย่าง ดร.สุชัชวีร์ สุวรรณสวัสดิ์ ที่พ้นตำแหน่งจากการเป็นอธิการบดี สจล.ไปแล้ว ซึ่งการตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินว่ารวยผิดปกติหรือไม่ เป็นหน้าที่ของคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) โดยตรงอยู่แล้ว แต่คณะกรรมาธิการชุดดังกล่าวอ้างการร้องเรียนจากบุคคลไม่ประสงค์จะเปิดเผยชื่อ ซึ่งเปรียบเสมือนบัตรสนเท่ห์ ให้มาตรวจสอบ ซึ่งอาจจะไม่เป็นธรรมต่อ ดร.สุชัชวีร์ ที่กำลังจะลงสมัครผู้ว่าฯ กทม. เพราะที่มาของกรรมาธิการทั้งคณะเป็นฝ่ายการเมือง เป็น ส.ส.จากทุกพรรค จึงไม่มีหลักประกันใดว่าจะได้รับความเป็นธรรม และไม่มีประเด็นทางการเมืองมาเกี่ยวข้อง แม้ว่า ดร.สุขัชวีร์ ประกาศพร้อมให้ตรวจสอบแล้วก็ตาม แต่โดยมารยาท และความเหมาะสม ควรจะให้คณะกรรมการ ป.ป.ช. ซึ่งเป็นองค์กรอิสระตรวจสอบตามหน้าที่ จะเป็นการดีที่สุด

เมื่อผมได้เปิดดูข้อกฎหมาย ตามรัฐธรรมนูญแห่งราชณาจักรไทย พ.ศ. 2560 มาตรา 135 บัญญัติว่า สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภา มีอํานาจเลือกสมาชิกของแต่ละสภาตั้งเป็นคณะกรรมาธิการสามัญ และมีอํานาจเลือกบุคคลผู้เป็นสมาชิก หรือมิได้เป็นสมาชิก ตั้งเป็นคณะกรรมาธิการวิสามัญ เพื่อกระทํากิจการพิจารณา สอบสวน หรือศึกษาเรื่องใดๆ อันอยู่ในอํานาจหน้าที่ของสภาแล้วรายงานต่อสภา มติตั้งคณะกรรมาธิการวิสามัญดังกล่าว ต้องระบุกิจการ หรือเรื่องให้ชัดเจน และไม่ซ้ำหรือซ้อนกัน

ดังนั้น กรรมาธิการ คือ บุคคลที่สภาแต่งตั้งขึ้นประกอบเป็นคณะกรรมาธิการ เพื่อกระทำกิจการ พิจารณา สอบสวน หรือศึกษาเรื่องใดๆ อันอยู่ในอานาจหน้าที่ของสภา แล้วรายงานต่อสภา เพราะฉะนั้นการทำหน้าที่ของคณะกรรมาธิการ ป.ป.ช.เพื่อตรวจสอบ ดร.สุชัชวร์ จะต้องรายงานต่อสภาผู้แทนราษฎรในประเด็นใด และเป็นอำนาจหน้าที่ หรือซ้ำซ้อนกับการทำหน้าของคณะกรรมการ ป.ป.ช.หรือไม่

นอกจากนี้ผมได้ไปดูข้อบังคับการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ปี 2562 ที่กำหนดไว้ใน (22) ระบุว่า คณะกรรมาธิการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ มีหน้าที่และอำนาจกระทำกิจการ พิจารณาสอบหาข้อเท็จจริง หรือศึกษาเรื่องใดๆ ที่เกี่ยวกับกระบวนการ และมาตรการการป้องกันและปราบปรามการทุจริตประพฤติมิชอบ ดังนั้นคณะกรรมาธิการสามัญ ประจำสภาผู้แทนราษฎร มีหน้าที่โดยตรงในการตรวจสอบการทำงานของรัฐบาล หน่วยงานภาครัฐ หรือกรณีที่ภาคเอกชน หรือประชาชนที่ไม่ได้รับความเป็นธรรม จากเจ้าหน้าที่ของรัฐ ดีกว่าการมาไล่ตรวจสอบนักการเมืองด้วยกัน ถ้าหากมีใครส่งบัตรสนเท่ห์ หรือเป็นผู้ไม่ประสงค์จะออกนาม ยื่นเรื่องให้ตรวจสอบบัญชีทรัพย์สินของ ส.ส.ทั้งสภา คณะกรรมาธิการชุดนี้จะดำเนินการอย่างไร

“ส่วนตัวเชื่อในความบริสุทธิ์ของ ดร.สุชัชวีร์ และ พร้อมสนับสนุนให้มีการตรวจสอบอย่างตรงไปตรงมา ซึ่งเห็นว่า ป.ป.ช.น่าจะเป็นหน่วยงานที่ตรวจสอบ และให้ความเป็นธรรมได้มากที่สุด” นายเทพไท ระบุ.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'กรณ์' แนะ ปปง. ยึดทรัพย์สแกมเมอร์รายใหญ่ ต้องสาวให้ถึงคนไทย แฉพยายามโยกย้ายทรัพย์สิน

นายกรณ์ จาติกวณิช รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวว่า จากการที่พรรคประชาธิปัตย์ได้นำเอกสารหลักฐานชี้ให้เห็นถึงธุรกรรมที่ผิดปกติเกี่ยวโยงกับบุคคลที่ถูกกล่าวหา โดยสภาคองเกรสของสหรัฐอเมริกาว่าเกี่ยวโยงกับวงการสแกมเมอร์ และอาจจะเป็นกิจกรรมที่สะท้อนถึงความพยายามในการฟอกเงินที่ได้มาจากธุรกรรมเหล่านั้น

เทพไท ไม่แปลกใจ 'อภิสิทธิ์-ปชป.' ฉุดกระแสใต้คืนชีพ ห่วง สส.เขต โดนกระสุนดินดำเอาไปกิน

เทพไท ชี้ ผลการสำรวจของนิด้าโพล อาจวัดความนิยมของพรรคการเมือง และจะบ่งบอกถึงส.ส.ในระบบบัญชีรายชื่อ แต่สำหรับส.ส.ในระบบเขต ยังเชื่อว่าพรรคการเมืองที่มีทรัพยากรพร้อม มีกระสุนดินดำเป็นจำนวนมาก และยิงเข้าเป้า ก็จะมีโอกาสชนะการเลือกตั้ง

นิด้าโพลชี้ ปชป. มาแรงในภาคใต้ คะแนนนิยม อภิสิทธิ์ นำ อนุทิน

ศูนย์สำรวจความคิดเห็น “นิด้าโพล” สถาบันบัณฑิตพัฒนบริหารศาสตร์ (นิด้า) เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง “กระแสการเมือง ภาคใต้” ทำการสำรวจระหว่างวันที่ 18 - 24 พฤศจิกายน 2568 จากประชาชนที่มีอายุ 18 ปีขึ้นไป และมีสิทธิเลือกตั้งในภาคใต้ (จำนวน 14 จังหวัด ประกอบด้วย ชุมพร นครศรีธรรมราช พัทลุง สุราษฎร์ธานี