'นิกร'ยังฝันเห็นโฉมหน้า ส.ส.ร.ทันในรัฐบาลนี้

'นิกร' แถลงคืบหน้า พ.ร.บ.ประชามติ เสนอร่างเพื่อไทย ควรรวมเป็นอันเดียวกับพรรคร่วม ชี้ยังมีโอกาสเดินต่อทันเห็นหน้า ส.ส.ร. หากฝืนต่อยังไงก็ไม่ทันสภาชุดนี้ เชื่อรัฐธรรมนูญ 60 คือเนื้อในปัญหาการเมืองปัจจุบัน

15 พ.ค. 2568 - นายนิกร จำนง อดีตเลขานุการคณะกรรมาธิการร่วมกันเพื่อพิจารณาร่างพระราชบัญญัติ (พ.ร.บ.) การออกเสียงประชามติ แถลงข่าวความคืบหน้าการแก้ไขร่างดังกล่าว ว่า หลังจากที่ถูกยับยั้งไว้ 180 วัน จะครบในวันที่ 15 มิ.ย.เหลือเวลาอีกเพียงหนึ่งเดือน แต่ยังทำอะไรไม่ได้เพราะอยู่ในช่วงปิดสมัยการประชุม เมื่อเปิดสมัยประชุมเดือนกรกฎาคม จะต้องการประชุมในโอกาสแรก หากยืนยันแล้วกฎหมายจะถูกทูลเกล้าฯ รอไว้ 5 วัน ตามระบบกฏหมาย ส่วนตัวประเมินว่า เดือนกันยายนหรือตุลาคมกฎหมายน่าจะประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในการยืนยันร่าง สส. กกต.จะต้องยกร่างกฎหมายประกอบคือระเบียบต่างๆ ต้องเตรียมในครั้งนี้ไม่งั้นจะช้าไปอีก ต้องทำคู่ขนาน

ส่วนหลักการการทำกฏหมายประชามติเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ มีความเกี่ยวพันกับการยื่นแก้ไข มาตรา 256 ในตอนนี้ยังไม่สามารถพิจารณาได้ จึงมีมติส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย ซึ่งศาลก็รับแล้ว และเมื่อวันที่ 14 พฤษภาคม ศาลได้ขอข้อมูลเพิ่มเติม ซึ่งร่างของนายไพบูลย์ นิติตะวัน ใช้เวลา 1 เดือน ดังนั้นจะต้องมีการเร่งรัดให้วินิจฉัยเร็วขึ้น คงเกินเวลาที่สภาเปิดสมัยประชุม

สำหรับความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้นตามกระบวนการนั้น หากไม่ได้กังวลคำวินิจฉัยของศาลที่วินิจฉัยว่า รัฐสภาสามารถพิจารณาเพิ่มเติมได้คือทำ 2 ครั้ง ขณะนี้เรามีร่างค้างอยู่ 2 ร่าง คือ ร่างของพรรคประชาชนและพรรคเพื่อไทย ส่วนตัวเชื่อว่าสองร่างนี้หากทำ 2 ครั้ง ไม่ผ่าน เพราะเนื้อในร่างของพรรคประชาชน เกี่ยวข้องกับหมวดพระมหากษัตริย์ไม่สามารถผ่านได้ และมีประเด็นเรื่องการเห็นร่างเพียงเสียงเกินกึ่งหนึ่ง วุฒิสภา จะต้องมีเสียงหนึ่งในสาม แต่มาตรา 256 ถอดอำนาจวุฒิสภาออก ทำให้ลดระดับเป็นกฎหมายธรรมดา ใช้สิทธิ์เกินกึ่งหนึ่งของทั้งสองสภา ก็ไม่ผ่านการพิจารณาเช่นกัน เพราะจากกฎหมายรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายธรรมดา และไม่เห็นด้วยกับเรื่องนี้ เชื่อว่าทำสองครั้งแล้ว ได้ทั้งสองร่างก็จะไม่ผ่าน

“อาจจะต้องถอนปรับปรุง 2 ร่าง ซึ่งร่างของรัฐบาลควรจะเป็นของพรรคร่วมรัฐบาล นำมาปรับปรุงแก้ไขใหม่ให้เห็นพ้องกัน หากพิจารณาผ่านจะทันในการตั้ง ส.ส.ร. ในรัฐสภาชุดนี้ หากรัฐบาลยึดถือประกาศเป็นนโยบายแล้ว ในนามพรรคร่วมรัฐบาลจะได้ช่วยสนับสนุน”

ส่วนกรณีที่ 2 ที่มีความเป็นไปได้มากกว่า คือ ศาลรัฐธรรมนูญกำลังเชิญบุคคลในปี 64 ทั้ง 4 คน ส่วนตัวมองว่าต้องกลับไปทำประชามติก่อน ทั้งสองร่างในสภาตอนนี้จะต้องถอนออกโดยอัตโนมัติ เพราะไม่สามารถบรรจุได้ และมารวมเป็นร่างใหม่ของพรรคร่วมรัฐบาล ซึ่งสามารถทำให้มี ส.ส.ร. ได้ในสภาชุดนี้ หากถ้าไม่ผ่านก็จะจบ ไม่มีทางได้เห็น ส่วนตัวเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้จะไม่มีทางเห็นหน้า ส.ส.ร. ส่วนเรื่องกฎหมายประชามติหรือรัฐธรรมนูญมีความซับซ้อน มีความเป็นไปได้ซ่อนอยู่หากต้องการทำให้สำเร็จ ต้องเดินหน้า ไม่อย่างนั้นจะตกหลุมตกร่องและมีปัญหา ต้องเริ่มใหม่หลังเลือกตั้ง

เมื่อถามว่า ตอนนี้สถานการณ์ทางการเมืองค่อนข้างตึงเครียด อาจจะดูแลถึงขั้นยุบสภา กฎหมายประชามติจะเป็นอย่างไร นายนิกร เผยว่า การเมืองทุกอย่างเกิดขึ้นได้ ไม่ใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ แต่ก็ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง เรื่องกฎหมายประชามติเหลือเวลาอีกเพียงเดือนเดียว ต้องเดินหน้า ไปมองอุปสรรคและหยุดไม่ได้ มองให้เป็นบวกไว้ก่อน ยืนยันว่าเป็นเรื่องที่น่าห่วงแต่งานในมือต้องเดินหน้าต่อไป เพราะมีความคาบเกี่ยวกัน

“ที่ว่าจะยุบสภาช่วงงบประมาณ การเมืองอะไรก็เกิดขึ้นได้ทุกเวลาเสมอ ต้องเตรียมไว้ให้พร้อม เดินหน้างานที่เราทำ ถ้ายุบสภาแล้ว ไม่ทำต่อก็ว่ากันไป ก็ไปรณรงค์กันในครั้งหน้าว่าพรรคการเมืองไหนจะทำ ตนเองอยู่ในฝ่ายที่มีความหวัง คิดว่าน่าจะประคองกันไปได้จนถึงเวลา เรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญน่าจะมี ส.ส.ร. จะได้แก้ปัญหา การเมืองในวันนี้เป็นระบบที่มีปัญหาเยอะ เป็นปัญหาเนื้อในของรัฐธรรมนูญ ปัญหาเกิดจากรัฐธรรมนูญเยอะ การแก้ไขรัฐธรรมนูญทั้งฉบับเป็นทางออกเป็นการลบปัญหาที่ค้างคา”

ส่วนกฎหมายประชามติ หากสำเร็จแล้วรัฐบาลจะเดินหน้าได้เลยหรือต้องพิจารณาอย่างไรต่อ นายนิกร ระบุว่า รัฐบาลชี้ว่าเป็นกฎหมายของสภา ถ้าทำ 2 ครั้ง ไม่ต้องผ่าน ครม. พิจารณาได้เลย ได้สะท้อนว่าควรดึงกลับมาปรับโดยเฉพาะร่างของพรรคเพื่อไทย ถ้าเป็นแบบนี้ยังไงก็ไม่ผ่าน ไม่ใช่จระเข้ขวางคลอง แต่ด้วยเนื้อใน เนื่องจากเป็นนโยบายของรัฐบาล ถ้าจะให้ผ่านต้องปรับใหม่ สภาสมัยหน้าที่จะเปิดในเดือนกรกฎาคมก็จะทำไม่ได้ ยื่นซ้ำไม่ได้ก็ต้องรอไปเดือนธันวาคม ซึ่งเป็นปีสุดท้ายของสภา เวลาเราน้อยลง ควรจะปรับปรุงร่างและเอามาคุยในพรรคร่วมรัฐบาลเอามาจูนกัน พรรคไหนไม่เห็นด้วยก็ว่ามา เพราะว่าเป็นนโยบายร่วมของรัฐบาล นี่คือเรื่องจะทำให้พรรคร่วมมีความสามัคคีกัน

“ตอนนี้เรายืนอยู่ตรงขอบของเวลา ต้องเอาใจใส่กันเยอะ พลาดไปไม่มีโอกาสแล้ว ต้องไปรอเลือกตั้งครั้งหน้า นับหนึ่งกันใหม่ แต่วันนี้เรามากันเยอะแล้ว เราจะต้องระวังเพราะมีหลุมตลอดทาง ร่างที่ถูกตัดออกไปก็ต้องนำประชุมในอีกสมัยหนึ่ง และถ้าร่างนี้ไปต่อไม่ได้” นายนิกร ทิ้งท้าย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ปชน.พร้อมงัดข้อ พท.ยัน ส.ส.ร.ต้องเลือกตั้ง 100%

'ปชน.' ย้ำจุดยืน ส.ส.ร. ต้องเลือกตั้ง 100 เปอร์เซ็นต์ แม้ 'เพื่อไทย' เตรียมรื้อตั้งใหม่ ชี้ ข้อเสนอเคยถกกันแล้วใน กมธ. พร้อมขอความจริงใจทุกฝ่ายช่วยผลักดัน

ชทพ.ไม่มีล่มสลาย! 'นิกร' ลั่นแค่ปรับยุทธศาสตร์ ดัน 'กัญจนา' คัมแบ็กหัวหน้าพรรค

‘นิกร’ ยัน ‘ชาติไทยพัฒนา’ ไม่ล่มสลาย แค่ปรับยุทธศาสตร์ ดัน ‘กัญจนา’ คัมแบ็กนั่งหัวหน้าพรรค ชี้ สส.ย้ายซบ ภท.ไทยเพื่อผลักดัน รธน.ประชาชน

ดุเดือด ‘ปิยบุตร’ จัดเต็มพวกชั่ว จิตใจต่ำ หาพรรคส้มรับ 2 พันล้านแลกโหวตอนุทิน!

เดือดพลั่ก “ปิยบุตร” จัดหนักจัดเต็มโต้กระแสลือเงิน 2,000 ล้านบาทแลกโหวตนายอนุทินเป็นนายกฯ ชี้เป็นพฤติกรรมของพวกชั่ว จิตใจต่ำที่ใช้มาตรฐานมืดของตัวเองไปตัดสินคนอื่น ย้ำพรรคประชาชนรู้ว่าจะเสียคะแนนแต่ยอมแลกเพื่อปลดล็อกแก้รัฐธรรมนูญ

'Con for All' ชง กมธ.แก้รธน. หวัง รัฐสภา ยึดมั่นผู้ร่างรธน.ต้องมาจากการเลือกตั้งของปชช.

'Con for All' ยื่นหนังสือถึง 'กมธ.แก้ รธน.' หวัง รัฐสภา ยึดมั่น 'ผู้ร่างรัฐธรรมนูญ' ต้องมาจากการเลือกตั้งของประชาชน ไม่ใช่เก็บอำนาจไว้ในมือ-ให้อำนาจแก่สมาชิกเท่านั้น

'ไอติม' ยันร่างแก้ไข รธน.ยังมี สสร.แต่ไม่มีสภาที่ปรึกษา

'พริษฐ์' ยันโหวตตามร่างหลักของ 'ปชน.' แจง ไม่เห็นด้วย 'พท.' เพิ่ม ส.ส.ร. ที่ไม่ได้มาจาก ปปช. หวั่น ถูกผูกขาด พร้อมเดินหน้าถกเกณฑ์ กมธ.ยกร่าง ย้ำต้องเปิดสมัยประชุมวิสามัญ