ชัดเจนแล้ว! “ดร.ณัฏฐ์” ย้ำ คำสั่งให้ “ยิ่งลักษณ์” ชดใช้ 10,000 ล้าน เป็น “คำสั่งทางปกครอง” ใช้กฎหมายใหม่ปี 62 ยึดทรัพย์ได้ใน 10 ปี โดยไม่ต้องรอศาลพิพากษา ชี้ “หักกลบลบหนี้” ไม่เข้าเงื่อนไข ไม่ใช่พยานหลักฐานใหม่ และต้องฟ้องใหม่หากอยากขอวินิจฉัย
26 พฤษภาคม 2568 – หลังศาลปกครองสูงสุดพิพากษาแก้คำสั่งกระทรวงการคลังในกรณีออกคำสั่งให้นางสาวยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ชดใช้เงินกว่า 10,028 ล้านบาท
ล่าสุด ดร.ณัฏฐ์ หรือ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน อธิบายประเด็นข้อสงสัยจากหลายฝ่ายว่า คำพิพากษานี้มีผลบังคับคดีหรือไม่ และจะดำเนินการต่อไปอย่างไร
ดร.ณัฏฐ์ ระบุว่า กระทรวงการคลังได้ออกคำสั่งทางปกครองให้นางสาวยิ่งลักษณ์ชดใช้เงิน ตาม พ.ร.บ.ความรับผิดละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ.2539 มาตรา 8 ประกอบมาตรา 12 โดยใช้ฐานความผิดจากโครงการรับจำนำข้าว รวมถึงความเสียหายที่เกิดขึ้น
ต่อมา กฎหมายใหม่คือ พ.ร.บ.วิธีปฏิบัติราชการทางปกครอง พ.ศ.2539 ที่แก้ไขเพิ่มเติมในปี 2562 (ฉบับที่ 3) ได้ขยายอำนาจของรัฐในการ “บังคับทางปกครอง” โดยไม่ต้องฟ้องศาลให้เสียเวลาอีกต่อไป
ในมาตรา 63/7 ถึง 63/19 เปิดทางให้กระทรวงการคลัง หน่วยงานรัฐสามารถตั้งเจ้าพนักงานบังคับคดียึดทรัพย์ได้ทันที เมื่อมีคำสั่งให้ชำระเงินเป็นที่สุดโดยชอบตามกฎหมาย ซึ่งหมายความว่า กระทรวงฯ สามารถดำเนินการต่อ “ยิ่งลักษณ์” ได้ทันทีภายในกรอบเวลา 10 ปีนับแต่คดีถึงที่สุด
คำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดในคดีนี้ เป็นกรณีที่นางสาวยิ่งลักษณ์เป็น “ผู้ฟ้อง” ขอเพิกถอนคำสั่งกระทรวงการคลัง ไม่ใช่เป็น “จำเลย” ถูกฟ้องให้รับผิด ดังนั้น คำพิพากษานี้จึงไม่ใช่คำสั่งให้เธอชำระเงินโดยตรง แต่เป็นเพียงการวินิจฉัยความชอบของคำสั่งทางปกครองเดิม
ตามมาตรา 63/8 (3) ของกฎหมายเดียวกัน กระทรวงการคลังจะต้องดำเนินการยึดหรืออายัดทรัพย์ให้เสร็จสิ้นภายใน 10 ปีนับแต่วันที่คำสั่งเป็นที่สุด
หากมีการดำเนินการบังคับคดีให้เป็นไปตามคำสั่งที่กำหนดให้ชำระเงิน ก็จะเข้าสู่กระบวนการตาม ประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความแพ่ง ได้ทันที
นอกจากนี้ ในกรณีที่ยึดทรัพย์ได้ไม่ครบ หรือไม่สามารถระบุแหล่งทรัพย์ได้ หน่วยงานรัฐที่ออกคำสั่งสามารถร้องขอให้ สำนักงานอัยการสูงสุด หรือหน่วยงานอื่น ช่วยสืบหาทรัพย์แทนได้ตามมาตรา 63/10 และ 63/11
ในส่วนของท่าทีจากพรรคเพื่อไทย และทนายของนางสาวยิ่งลักษณ์ ที่จะใช้ช่อง “ขอรื้อฟื้นคดี” ตามมาตรา 75 ของ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ นั้น ดร.ณัฏฐ์ชี้ว่า ต้องกระทำภายใน 90 วันนับแต่คำสั่งทางปกครองถึงที่สุด แต่ไม่เกิน 5 ปี และต้องมี “พยานหลักฐานใหม่” เท่านั้น อีกทั้งไม่สามารถฟ้องในประเด็นที่ศาลเคยตัดสินไปแล้ว
ข้อเสนอในการ “หักกลบลบหนี้” ด้วยมูลค่าข้าวในโครงการรับจำนำ ก็ไม่สามารถทำได้ เนื่องจากข้าวเป็นทรัพย์ของรัฐ มิใช่ของนางสาวยิ่งลักษณ์โดยตรง และไม่ถือเป็นพยานหลักฐานใหม่ในทางกฎหมาย
หากนางสาวยิ่งลักษณ์ยังมีข้อสงสัยเกี่ยวกับการบังคับคดีว่า สามารถหักกลบลบหนี้ได้หรือไม่ ก็สามารถยื่นฟ้อง “คดีใหม่” ต่อศาลปกครองได้ ตามมาตรา 9 วรรคหนึ่ง (1) ของ พ.ร.บ.จัดตั้งศาลปกครองฯ โดยไม่ถือเป็นการขอรื้อฟื้นคดี
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
รู้จักน้อยไปจริง! กระทุ้ง 'อนุทิน' เผยตัวตนให้มากขึ้น
นายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ อดีต สส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์ โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กว่า หรือเรารู้จักท่านนายกรัฐมนตรีน้อยไปจริงๆ
นายกฯอนุทิน นำแถลงยึดทรัพย์หมื่นล้าน 'สแกมเมอร์ข้ามชาติ' ลั่นต้องขยายผลไม่มีหยุดพักปีใหม่
นายกฯ อนุทิน นำแถลง ยึดทรัพย์เครือข่ายอาชญากรรมข้ามชาติ "เฉิน จื้อ - ก๊ก อาน - ยิม เลียก - เบน สมิธ" พร้อมยึดทรัพย์มูลค่าหมื่นล้านบาท ยันพร้อมสนับสนุนเจ้าหน้าที่ดำเนินการเต็มที่ เดินหน้าขยายผลต่อไม่มีหยุดพักร้อน มอง "เบน สมิธ" โยงคนในรัฐบาล เป็นเรื่องคนรู้จักกันได้ แต่หากเจอหลักฐานถึงใครไม่มีละเว้น
ด่วน! ป.ป.ง. แถลงยึดทรัพย์หมื่นล้าน ตัวการใหญ่สแกมเมอร์ 5 คดี
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้แถลงข่าวเมื่อวันที่ 3 ธ.ค. 2568 เกี่ยวกับผลการปฏิบัติงานของคณะกรรมการธุรกรรมในการยึดและอายัดทรัพย์สินในคดีสำคัญที่เชื่อมโยงกับเครือข่ายองค์กรอาชญากรรมข้ามชาติ ขบวนการสแกมเมอร์ (Scammer)
ปิดฉากมหากาพย์ก่อสร้างตึกสูงซอยร่วมฤดี!ศาลปกครองสูงสุดยืนไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณา
ศาลปกครองสูงสุดมีคำสั่งยืนตามคำสั่งของศาลปกครองชั้นต้นที่ไม่รับคำฟ้องไว้พิจารณาคดีบริษัท ลาภประทาน จำกัดฟ้องเรียกค่าเสียหาย กทม.ละเมิดไม่ตรวจสอบความกว้างของเขตทางในซอยร่วมฤดี
ลุ้นระทึก! ศาลปกครองสูงสุดอ่านคำสั่งมหากาพย์คดีก่อสร้างตึกสูงซอยร่วมฤดี
ศาลปกครองกลางนัดอ่านคำสั่งศาลปกครองสูงสุด ในคดีหมายเลขดำที่ 2306/2564
ทนายโร่ปัด 'บอสกันต์' เดินอู๋อี๋สาว อ้างโดนยึดทรัพย์ไร้เงินติดสินบน
'ทนายวิฑูรย์' โร่การันตี 'บอสกันต์ - ภรรยา' ไม่ได้จ่ายเงิน 4 หมื่น แลกล็อกคิวตีเยี่ยมวันอาทิตย์ ปัดติดสินบนเดินอู๋อี๋กับสาว เหตุโดน ปปง.ยึดทรัพย์ไปหมดแล้ว


