เอาแล้ว! รมว.วธ.คนใหม่ 'แพทองธาร' สั่งเบรกคืนวัตถุโบราณให้กัมพูชา ลั่นงบไม่พอ ไม่ใช่เรื่องด่วน

"อิ๊งค์" มอบนโยบายผู้บริหาร วธ. แจงข่าวคืนวัตถุโบราณเขมรเฟกนิวส์ ประกาศแจ้งความคนปล่อยข่าว ชี้สถานการณ์ไทย-กัมพูชา ขอทบทวนยังไม่ส่งคืนชุดที่เหลือตอนนี้ 

4 กรกฎาคม 2568 - เมื่อเวลา 13.30 น. ที่กระทรวงวัฒนธรรม น.ส.แพทองธาร ชินวัตร นายกรัฐมนตรีและรมว.วัฒนธรรม ประชุมหารือผู้บริหารกระทรวง โดยนายกฯกล่าวช่วงต้นการประชุมว่า ขอบคุณทุกท่านที่ตั้งแต่เช้าต้อนรับกันอย่างอบอุ่น วันนี้เป็นการประชุมครั้งแรกมีข้อที่อยากจะฝากไว้ให้ช่วยกันผลักดัน รวมถึงหลายข้อที่จะอัพเดทให้ฟัง ซึ่งตนทำการบ้านมาและดีใจที่ได้ฟังทุกท่าน ว่าแต่ละหน่วยแต่ละฝ่ายทำอะไรกันอยู่บ้างในกระทรวงนี้อยากให้ผลักดันอะไรเพิ่มเติมบ้าง

น.ส.แพทองธาร กล่าวว่า ข้อแรกขอชี้แจงที่มีข่าวในออนไลน์มีการตีข่าวเรื่องการคืนวัตถุโบราณ 20 ชิ้นให้กับกัมพูชา ตนขอยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ซึ่งเป็นเรื่องสมัยรัฐบาล พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ที่มีการคืนวัตถุโบราณไปแล้ว 23 รายการ ในปี 2558 หลังจากตรวจสอบว่าเป็นของกัมพูชา จากจำนวน 43 ชิ้น ที่มีการลักลอบนำเข้าจากประเทศสิงคโปร์ ตั้งแต่ปี 2513 และวันที่ 21 พ.ค.2567 มติคณะรัฐมนตรี (ครม.) โดยรัฐบาลนายเศรษฐา ทวีสิน เห็นชอบให้ส่งมอบวัตถุโบราณ 20 รายการ คืนให้กัมพูชาตามที่กระทรวงวัฒนธรรมเสนอ หลังจากกรมศิลปากรและคณะผู้เชี่ยวชาญยืนยันว่าวัตถุโบราณดังกล่าวมีต้นกำเนิดในกัมพูชา

ปัจจุบันอยู่ในขั้นตอนการจัดสรรงบประมาณของกรมศิลปากร ซึ่งได้รับรายงานว่างบประมาณในปีปัจจุบันไม่เพียงพอ และไม่ได้เป็นเรื่องด่วนจึงไม่สามารถของบฯกลางได้

"อย่างไรก็ต้องขอทบทวนในเรื่องนี้อีกครั้ง อาจจะต้องส่งเรื่องเพื่อของบประมาณของกระทรวงและรายงานต่อ ครม. เพื่อทราบเป็นขั้นตอนต่อไปในการหาหน่วยงานมาหางบประมาณต่อไป ในการจัดส่งคืน"น.ส.แพทองธาร ระบุ

นายกฯและรมว.วัฒนธรรม กล่าวอีกว่า ที่สำคัญด้วยสถานการณ์ของไทยกับกัมพูชาตอนนี้ กระทรวงวัฒนธรรมมีความเห็นให้ทบทวนเรื่องดังกล่าวตามความเหมาะสมต่อไป สรุปแล้วขอให้ทบทวนก่อน ส่วนเรื่องการตั้งงบฯค่อยว่ากันอีกทีหนึ่ง และส่วนที่เหลืออยู่ก็ยังไม่ส่งคืน

ส่วนเรื่องโบราณสถานในกลุ่มปราสาทตาเมือน ขอยืนยันว่าเป็นโบราณสถานที่อยู่ในอำนาจอธิปไตยของไทยที่มีการประกาศขึ้นทะเบียนโบราณสถานตามกฎหมายว่าด้วยโบราณสถาน พ.ศ. 2505 ในส่วนของพื้นที่อื่นๆได้รับรายงานจากกระทรวงการต่างประเทศว่าจะเร่งดำเนินการในการรักษาไว้ ซึ่งดินแดนและอำนาจอธิปไตยของไทยเช่นกัน

"พอดีมีสื่อมวลชนอยู่ด้วยก็เป็นโอกาสที่ดี ชี้แจงในเรื่องการปล่อยข่าวของการปลุกปั่นต่างๆที่ทำให้เกิดผลเสียผลกระทบ ดิฉันก็ต้องดำเนินการในการแจ้งความกับผู้ที่ปล่อยข่าว ปกติแล้วคอมเม้นต์ที่เป็นเรื่องของการว่ากล่าวธรรมดาดิฉันเป็นนายกฯเป็นรัฐมนตรี เป็นบุคคลสาธารณะอยู่แล้ว เป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว อันนั้นไม่มีปัญหาแน่นอน แต่ว่าการปล่อยข่าวไม่ว่าจะเรื่องที่ว่าดิฉันส่งวัตถุไปแล้ว ซึ่งกระทรวงทราบอยู่แล้วว่าไม่จริง เพราะฉะนั้นเรื่องอย่างนี้ต้องดำเนินคดีตามกฏหมายไป"น.ส.แพทองธารกล่าว

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'จีน-ไทย-เขมร' เปิดฉากไตรภาคี นานาชาติร่วมยินดีหยุดยิง

'จีน-ไทย- กัมพูชา' หารือไตรภาคี หลังหยุดยิง นานาชาติร่วมยินดีไทย กต. ยืนยันยังคงรวบรวมหลักฐานทุ่นระเบิด เสนอตามกรอบออตตาวา ในฐานะรัฐภาคีที่รับผิดชอบต่ออนุสัญญา

กองทัพยังไม่พบเหตุละเมิดหยุดยิง ยันห้ามเขมรกลับเข้า 'บ้านหนองจาน'

กองทัพยันยังไม่พบเหตุการณ์ละเมิดข้อตกลงหยุดยิง 72 ชม. ไทยยึดเคร่งครัด แจงชาวกัมพูชากลับเข้า 'บ้านหนองจาน' ในเขตฝ่ายไทยไม่ได้

'ทอ.' เช็กแล้ว! เที่ยวบิน 'เบลาลุส-พนมเปญ' อย่ากังวลพร้อม 24 ชม.

'ทอ.' เช็กเที่ยวบิน 'เบลาลุส-พนมเปญ' ยันถ้าเติมของและใช้กระทำฝ่ายไทย มีมาตรการตอบโต้-รับมือ ย้ำอย่าวิตกกังวล ชี้ช่วงนี้มีการช่วยเหลือด้านมนุษยธรรม ให้ประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากการสู้รบ

ชาวบ้านกรวดเริ่มเปิดร้าน หาเงินเลี้ยงชีพ แม้ไม่มั่นใจเขมรหยุดยิงจริง

ชาวบ้าน พ่อค้าแม่ค้าตามแนวชายแดน ในพื้นที่อำเภอบ้านกรวด จังหวัดบุรีรัมย์ เริ่มกลับไปทำมาหากิน และเปิดร้านขายของชำในหมู่บ้าน เพื่อหาเงินเลี้ยงครอบครัวและชำระหนี้สินกันแล้ว

เฝ้าระวัง72ชม. จับตา‘กัมพูชา’ เบี้่ยวเจอสวน!

ผอ.ศูนย์แถลงข่าวร่วมฯ แจงเฝ้าระวังหยุดยิง 72 ชั่วโมง ชี้ตัวเลขที่เหมาะสม-ระดับมาตรฐานสากลใช้กันทั่วโลก ชี้บทเรียนฉีกข้อตกลงไทยพร้อมตอบโต้ป้องกันตนเองตามกฎบัตรสหประชาชาติข้อ