
นักกฎหมายมหาชนชี้ กลยุทธ์ “อ้างรักษาตัว” ของทักษิณ คือการหนีศาล หวังให้ศาลฎีกาฯอ่านคำพิพากษาลับหลัง ระบุหากผลคดีออกลบอาจติดคุกทันที ทำให้การกลับไทยภายในวันนัด 9 กันยายนนี้ “แทบไม่มีทาง”
7 กันยายน 2568 - สืบเนื่องศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ในคดีนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งกรณีนัดไต่สวน กรณีคุมขังนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ครบถ้วนตามคำพิพากษาหรือไม่ โดยศาลได้กำหนดนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งในวันที่ 9 กันยายน 2568 นี้
ล่าสุด “ดร.ณัฏฐ์” หรือ ดร.ณัฐวุฒิ วงศ์เนียม นักกฎหมายมหาชน ให้ความเห็นเพื่อประโยชน์สาธารณะว่า กรณีใช้วิชาเทคนิคหลบเลี่ยงของจำเลยที่ไม่มาฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งหรือที่เรียกว่า “วิชามาร” มิใช่คดีของนายทักษิณ ชินวัตร เป็นคดีแรกในประเทศไทย แต่มีคดีอื่นๆอีกจำนวนมาก เพียงแต่นายทักษิณฯ เป็นอดีตผู้นำทางการเมืองของประเทศไทยและเป็นผู้นำจิตวิญญาณของพรรคเพื่อไทยและกลุ่มผู้สนับสนุนเสื้อแดง ทำให้เป็นที่สนใจของประชาชน
แต่เป้าประสงค์หลัก การไม่เดินทางมาฟังและไม่ได้แจ้งเหตุขัดข้อง หรือแจ้งเหตุขัดข้อง ไม่มาศาล เจตนาให้ศาลฎีกาฯอ่านคำพิพากษาลับหลัง เพื่อเซฟตนเองหรือ เป็นเทคนิค “ป้องกันตนเอง”เป็นหลัก
เทคนิคฝ่ายจำเลย ส่วนใหญ่ใช้จำเลยจะประเมินโอกาสแพ้ชนะคดี หากรูปคดียังไม่ชัดและเป็นคดีแรกในประวัติศาล ยังไม่มีแนวคำพิพากษาศาลฎีกา มองเกมในคดีจะมีโอกาสเพลี้ยงพล้ำ ส่วนใหญ่จะไม่มาฟังคำพิพากษาหรือคำสั่ง จะใช้เทคนิคให้ศาลเปิดอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งก่อน
ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า จำเลยหนี ตั้งหลัก ให้อ่านโพยก่อน เพราะกลัวติดคุก
หากผลคดี เป็นผลร้าย จะออกแนวว่า จะอ้างว่ากระบวนการยุติธรรมบิดเบือน โดยรอตัดสินใจว่าจะกลับมาติดคุกหรือไม่ เพราะการอุทธรณ์ต่อที่ประชุมใหญ่ จำเลยต้องแสดงต่อเจ้าหน้าที่ศาลพร้อมคำฟ้องอุทธรณ์ ส่วนศาลจะให้ประกันระหว่างอุทธรณ์หรือไม่ เป็นดุลพินิจของศาล
หากผลดี เป็นผลดี จำเลยรีบให้สัมภาษณ์หรือกล่าวชื่นชมศาลทันที อ้างว่า ศาลให้ความเป็นธรรมและยุติธรรมที่สุด
ย่อมมีผลต่อการประเมินว่า จะเดินทางกลับประเทศหรือไม่เพื่อมาฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งหรือไม่
แต่โดยทั่วไป หากออกทรงนี้ก่อนวันตัดสิน โอกาสที่จะกลับมาฟังคำพิพากษาหรือคำสั่ง ย่อม มี“โอกาสน้อย”
ภาษาชาวบ้าน คือ แนวออกทรงนี้ อ้างรักษาตัวในต่างประเทศ ในระยะเวลากระชั้นชิด และในศาลอาญาคดียกฟ้องมาตรา 112 และ พรบ.คอมฯ แต่ในคดีนี้ไม่มีตัวแปร ที่จะกลับมาฟัง เพราะหากคำวินิจฉัย พลาดพลั้งออก แนวทาง“ลบ” ย่อมอาจติดคุกได้
ในแง่กฎหมาย กรณีจำเลยทราบวันนัดโดยชอบด้วยกฎหมายไม่มาศาล ตาม พรป.ว่าด้วยวิธีพิจารณาคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พ.ศ.2560ศาลย่อมอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งลับหลังจำเลยได้
หลักปกติ คดีอาญาทั่วไป หากจำเลยทราบนัดโดยชอบด้วยกฎหมาย ในนัดฟังคำพิพากษาหรือคำสั่ง หากจำเลยไม่มาศาล ศาลจะออกหมายจับจำเลยโดยมีคำสั่งปรับนายประกันเต็มตามสัญญา โดยเลื่อนคดีออกไปเพื่อนัดอ่านคำพิพากษา โดยใช้เวลาประมาณหนึ่งเดือนนับแต่วันที่ศาลมีสั่งให้เลื่อนไปอ่านคำพิพากษา
แต่ในศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองจะมีลักษณะพิเศษกว่าคดีอาญาปกติ เพราะเป็นคดีที่ใช้ระบบไต่สวนและดำเนินคดีอาญากับนักการเมือง
ศาลฎีกาย่อมสามารถใช้ดุลพินิจ หากจำเลยทราบหมายนัดโดยชอบ โดยออกหมายจับ และอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่งได้ทันที โดยไม่ต้องเลื่อนคดีออกไป เพื่อให้กระบวนพิจารณาคดีไม่ว่าจะออกบวกหรือลบให้มีประสิทธิภาพ โดยถือว่านัดของศาลฎีกาฯในอำนาจตุลาการนั้นมีความสำคัญ
หากวิเคราะห์ เกมเทคนิค การเดินทางออกนอกราชอาณาจักร โดยใช้ช่อง ศาลฎีกาฯไม่ได้มีคำสั่งห้ามนายทักษิณฯเดินทางไปต่างประเทศ แม้จะอ้างว่าไปรักษาตัวต่างประเทศ เป้าหมายจะเดินทางไปประเทศสิงคโปร์ ต่อมาได้เปลี่ยนเส้นทางการบินบนอากาศไปนครรัฐดูไบ สหรัฐอาหรับเอมิเรตส์ ไม่ว่าจะอ้างเหตุใดก็ตาม โดยมีบริวาร ร่วมด้วยเดินไปด้วย ไม่ว่าจะเป็นการ์ดส่วนตัว แม่ครัว ล้วนบ่งบอกถึง การเดินทางไปพักอาศัยอยู่ในต่างประเทศใน “ระยะยาว” มิใช่“ระยะสั้น”
โอกาสนายทักษิณ จะกลับมาภาย ในวันที่ 9 กันยายน 2568 “แทบไม่มี” ภาษาชาวบ้าน คือ แผ่นแนบ ตั้งหลัก ยังไม่กลับ
เทคนิคเหตุที่ยังไม่กลับ มีหลายตัวแปร โดยข้ออ้างว่า “เจ็บป่วย” หากรักษาตัวในประเทศ ศาลย่อมตรวจสอบว่า เจ็บป่วยจริงหรือไม่ นายทักษิณฯย่อมถูกตรวจสอบได้ง่าย
แตกต่างจากไปรักษาตัวในต่างประเทศ โดยเฉพาะในรัฐ ที่ไม่มีสนธิสัญญาระหว่างไทยกับสหรัฐอาหรับเมิเรตส์ ทำให้ตรวจสอบยากขึ้น หรือแทบใช้อำนาจตุลการตรวจสอบไม่ได้เลย ว่าจะเจ็บป่วยและอยู่ในระหว่างรักษาตัวจริงหรือไม่ เพราะฝ่ายจำเลยยกอ้างว่า เหตุรักษาตัว ขอเลือนฟังคำพิพากษาหรือคำสั่งออกไป เป็นเหตุขัดข้องไม่มาศาล ศาลจะออกหมายจับไม่ได้
แต่ช้าก่อน! ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ใช้มติเสียงข้างมาก โดยใช้ดุลพินิจไม่เชื่อข้อมูลจำเลยก็ได้ โดยที่ทนายจำเลยใช้ช่องขอเลือนฟังคำสั่ง อ้างว่า จำเลยอยู่ระหว่างรักษาตัวในต่างประเทศ ไม่อาจเดินทางมาศาลได้ โดยใช้เทคนิคนำภาพถ่ายนายทักษิณขณะนอนพักรักษาตัวในต่างประเทศและใช้เมล์ใบรับรองแพทย์ของแพทย์ในต่างประเทศ มาอ้างต่อศาล ว่ามีเหตุขัดข้อง ไม่อาจเดินทางมาศาลได้ ตรงนี้ เป็นเทคนิคของฝ่ายจำเลย
แต่ลืมไปว่า ในคดีที่ศาลฎีกาฯที่จะอ่านคำพิพากษาหรือคำสั่ง เกี่ยวข้อง “ป่วยทิพย์”ที่ รพ.ตำรวจชั้น 14 โดยตรง ทำให้ความน่าเชื่อถือในข้ออ้างฝ่ายจำเลยมีน้ำหนักน้อย ศาลอาจใช้ดุลพินิจ ไม่เชื่อพยานหลักฐานฝ่ายจำเลย อาจจับไต๋ได้ว่า เป็นการ “โกหกศาล”
ภาษาชาวบ้าน เรียกกันว่า เป็นเทคนิคต้มศาล ข้ออ้างเจ็บป่วย เป็นการป่วยทิพย์ ภาษาชาวบ้าน เรียกว่า “โรคปอดแหก”
ในแง่ทางการเมือง ข้ออ้างเจ็บป่วย เป็นการปลุกเร้าอารมณ์ให้ฝ่ายสนับสนุบหรือฝ่ายเสื้อแดง มีความเชื่อมั่นในตัวผู้นำ ทำให้ปลุกเร้าอารมณ์ทางการเมือง ทำให้เชื่อว่า ผู้นำจิตวิญญาณทางการเมืองของพรรคเพื่อไทย จะต้องเดินทางกลับมาเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมและมองว่า หากติดคุกระยะสั้น จะเป็นฮีโร่ของฝ่ายผู้นำจิตวิญญาณ ซึ่งมีกองเชียร์และกองแช่ง มีความเห็นแตกต่างกันไป โดยมิได้อยู่บนพื้นฐานหลักกฎหมาย แต่เป็นเพียงปลุกเร้าอารมณ์ทางการเมือง เพื่อให้นายทักษิณกลับมาติดคุกอีกครั้ง
ส่วนศาลฎีกาจะตัดสิน ออกมา “บวก”หรือ “ลบ” ศาลยึดหลักกฎหมาย บนพื้นฐานหลักนิติรัฐและหลักนิติธรรม ในระบบรัฐสภา เป็นอำนาจตุลาการและเป็นดุลพินิจของศาลท่านั้น
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
ดร.ณัฏฐ์ ชี้ชัดบัตรเลือกตั้ง 2 ใบ เกิดรัฐบาลผสม ไม่มีพรรคใดชนะเบ็ดเสร็จ
“ดร.ณัฏฐ์” ชี้ระบบ “บัตรเลือกตั้ง 2 ใบ” เกิดรัฐบาลผสม ไม่มีพรรคการเมืองใด ชนะเลือกตั้งเบ็ดเสร็จ เปิดตัวทีม “ว่าที่รองนายกรัฐมนตรี” ไม่มีกฎหมายบัญญัติห้ามไว้
ดร.ณัฏฐ์ เตือนกฎเหล็กเลือกตั้ง ยุบสภาแล้วผู้สมัคร-พรรคการเมือง ‘ห้ามแจก’ ทันที
นักกฎหมายมหาชนชี้ กฎหมายเลือกตั้งใหม่กำหนดชัด กรณียุบสภาให้นับข้อห้ามหาเสียงตั้งแต่วันยุบสภา ไม่ต้องรอ กกต.ประกาศวันเลือกตั้ง ฝ่าฝืนเสี่ยงคุก-ตัดสิทธิการเมืองยาว 20 ปี
ดร.ณัฏฐ์ ชี้ ศึกไทย-กัมพูชา เข้าข่ายเหตุจำเป็น ให้ กกต.กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ได้
“ดร.ณัฏฐ์” ชี้ “วันเลือกตั้งวันเดียวกันทั่วราชอาณาจักร” ภัยสู้รบไทย-กัมพูชา ให้ยึดเหตุการณ์ใน “วันหย่อนบัตร” สิ้นสุดลงหรือไม่ เป็นเงื่อนไขให้ กกต.กำหนดวันเลือกตั้งใหม่ได้
ดร.ณัฏฐ์ ผ่าเกมแก้รธน. วันรัฐธรรมนูญภายใต้อำนาจกลุ่มการเมือง
นักกฎหมายมหาชนชี้ ครบรอบวันรัฐธรรมนูญปีที่ 93 ประเทศยังติดหล่มอำนาจกลุ่มผลประโยชน์ เกมแก้รัฐธรรมนูญถูกคุม
ดร.ณัฏฐ์ อัดเพื่อไทยสับขาหลอกเล่นสองหน้า ปมยื่นฟันจริยธรรมอนุทิน-รมต.สีเทา
นักกฎหมายมหาชนชี้ การยื่นสอยนายกฯ-รมต.สีเทา เป็นเกมสับขาหลอก เหล้าเก่าในขวดใหม่ เพื่อปั่นราคาและกดดันการเมือง มากกว่าตรวจสอบจริงจัง
ดร.ณัฏฐ์ ผ่าเกมแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 3 คือดักทาง ยุบสภาปี 68 เป็นศูนย์
นักกฎหมายมหาชนชี้ แก้รัฐธรรมนูญแม้ผ่านวาระ 2 ไม่ยาก แต่ต้องแช่แข็งร่าง 15 วันก่อนขึ้นวาระ 3 ทำเกมยุบสภาไร้ทางเกิดขึ้นภายในปีนี้ ขณะตัวแปรชี้ชะตาอยู่ที่เสียง สว. สีน้ำเงิน ในขั้นสุดท้ายก่อนประชามติ

