'ณัฐวุฒิ' ปูดดีล 'พรรคส้ม-น้ำเงิน' ตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อยจบไปก่อน29ส.ค.ที่เหลือเป็นพิธีกรรม

'ถ้าใครเลือกจะเชื่อว่าดีลการเมืองที่พรรคสีส้มแบกพรรคสีน้ําเงินตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย คือดีล บนโต๊ะ เขาเพิ่งคุยกันเย็นวันที่ 29สิงหาคม หลังนายกอิ๊งค์พ้นจากตําแหน่ง ก็เอาที่สบายใจนะครับแต่ผมแน่ใจว่านี่คือข้อตกลงที่จบกันไปตั้งนาน เขาดีลกันไปแล้ว ที่เหลือเป็นเรื่องพิธีกรรม'

19ก.ย. 2568- นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ อดีตที่ปรึกษาของนายกรัฐมนตรี สมาชิกพรรคเพื่อไทย โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก ระบุว่า

ถ้าใครเลือกจะเชื่อว่าดีลการเมืองที่พรรคสีส้มแบกพรรคสีน้ําเงินตั้งรัฐบาลเสียงข้างน้อย คือดีล บนโต๊ะ เขาเพิ่งคุยกันเย็นวันที่ 29 สิงหาคม หลังนายกอิ๊งค์พ้นจากตําแหน่ง ก็เอาที่สบายใจนะครับ
แต่ผมแน่ใจว่านี่คือข้อตกลงที่จบกันไปตั้งนาน เขาดีลกันไปแล้ว ที่เหลือเป็นเรื่องพิธีกรรม

ย้อนความอย่างที่ผมพูดไว้หลายที่ วันที่ 2 กรกฎาคม หัวหน้าเท้งไปออกรายการกรรมกรข่าวของคุณสรยุทธ พูดฟังได้เลยว่าจะโหวตคุณอนุทิน 3 กรกฎาคม ผมโพสต์เฟซบุ๊กชี้ให้เห็นภาพนี้

ที่น่าสนใจก็คือ วันรุ่งขึ้นคุณศักดา วิเชียรศิลป์ อดีต สส. พรรคเพื่อไทย ซึ่งไปยกมือให้คุณอนุทิน แล้วภายหลังลาออกเพื่อเตรียมรับตําแหน่งรัฐมนตรีในรัฐบาลชุดใหม่ เอาลูกสาวตัวเองไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคภูมิใจไทยตั้งแต่วันที่ 4 กรกฎาคม

ทําไมต้องไปสมัครตอนนั้น ทั้งๆ ที่คุณศักดา เวลานั้นยังอยู่พรรคเพื่อไทย นั่นเพราะว่ากฎหมายเขียนไว้ว่า หากมีการเลือกตั้ง สส. แบบแบ่งเขต ผู้สมัครจะต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองต้นสังกัดไม่ต่ํากว่า 90 วัน

ถ้ารอจนนายกอิ๊งค์พ้นตําแหน่งแล้วค่อยสมัคร มันจะไม่ทัน คุณศักดาก็เลยเอาลูกสาวไปสมัครไว้ก่อนร่วม 2 เดือน คราวนี้ก็เลยทันเวลาพอดี

เช้าของวันอ่านคําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญ คุณสุชาติ ชมกลิ่น เดินทางไปที่พรรคภูมิใจไทย ทั้งๆ ที่เวลานั้น ตัวเองยังเป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงพาณิชย์ สังกัดรัฐบาลแพทองธาร
ไม่ชัด ไม่ชัวร์ เขาไม่แสดงตัวกันแบบนี้แล้วครับ

พรรคส้มอธิบายเหตุผลว่า การตัดสินใจโหวตพรรคภูมิใจไทย เพราะสีน้ําเงินน่าไว้วางใจ น่าเชื่อถือกว่าพรรคสีแดง ไม่ว่ากันละครับ เป็นเหตุผลของแต่ละฝ่าย แต่หลังจากวันโหวตคุณอนุทิน ซึ่งพรรคสีส้มให้ความไว้วางใจสูงสุดผ่านไปแล้ว ก็เริ่มไม่ไว้วางใจครับ เพราะมี สส. พรรคประชาชนเริ่มออกมาตั้งข้อสังเกตเรื่องคุณสมบัติคนจะเป็นรัฐมนตรี

บางคนบอกว่าไม่ควรเอาคนต้องคดีเกี่ยวกับค้ามนุษย์ไปเป็นรัฐมนตรีแรงงาน บางคนก็บอกว่าไม่ควรเอาคนที่มีความใกล้ชิดกับเครือข่ายปราสาทสายฟ้า บุรีรัมย์ ยูไนเต็ด ไปเป็นรัฐมนตรียุติธรรม
ถ้าหากทําไม่ชอบมาพากลก็จะยื่นอภิปราย จะล้มรัฐบาลด้วยเสียง 143 คะแนนที่มีอยู่

เมื่อพรรคสีส้มขู่รายวัน พรรคน้ำเงินก็ไม่สนใจทุกวันเหมือนกัน เพราะยังคงเดินหน้าตั้งรัฐมนตรีที่มีเสียงทักท้วง โผนิ่งกริบ ไม่มีเปลี่ยน

เรื่อง MOA ดูแล้วก็ว้าเหว่ขึ้นทุกวันเพราะว่าข้อตกลงที่เขาเซ็นกันไว้ระหว่างคุณอนุทินกับคุณณัฐพงศ์ ดูไปดูมาแทบไม่เหลือสภาพแล้ว

ห้ามพรรคภูมิใจไทยสะสมกําลังเพิ่มเพื่อจะเป็นรัฐบาลเสียงข้างมาก แต่มีข่าวนายลูกหมี จังหวัดชุมพร อดีตรัฐมนตรีขิง พรรครวมไทยสร้างชาติ ยกพวกกินข้าวกินน้ํา เฮฮา ถ่ายรูปกับคุณอนุทินและคณะ

บางคนบอกว่าพวกที่ไปส่วนใหญ่ไม่ได้เป็น สส. ไม่เกี่ยวกับ MOA ไม่จริงครับ ในนั้นมี สส. ปนอยู่ด้วย และภาพที่ปรากฏจะเชื่อกันได้ยังไงว่านับจากนี้ ส.ส. เหล่านั้นจะไม่ยกมือเป็นคะแนนเพิ่มให้กับพรรคภูมิใจไทย

ที่จริงเรื่องนี้ ถ้าพรรคน้ำเงินเกรงใจพรรคส้มหน่อย ไม่จําเป็นต้องมาถ่ายรูปเป็นกลุ่มเป็นก้อนแบบนั้นก็ได้ ปิดห้องคุยกัน ทํากันลับๆ คะแนนค่อยไปเพิ่มในสภา

แต่นี่แสดงกันเปิดเปิด เป็นการเมืองบนโต๊ะ ว่าเขาจะเอาอย่างที่เขาต้องการ เสียงทักท้วงน่ะ เขาไม่ได้สนใจ ยิ่งถ้าหากรัฐมนตรียุติธรรมตั้งมาเป็นบุคคลตามที่สื่อรายงานทุกสํานักจริง ก็เท่ากับว่าพรรคสีน้ำเงินเน้นเป้าหมายของตัวเอง ไม่ได้สนใจความสําเร็จตาม MOA

คือการตั้งรัฐมนตรีว่าการยุติธรรม โดยคุณสมบัติเช่นนั้น เราไม่ไปหมิ่นแคลนความรู้ความสามารถท่านนะครับ แต่เราประเมินตัวเป้าหมาย ว่ามันต้องมีงานอะไรอยากให้ไปทําแน่ๆ ไม่งั้นไม่ฝ่าเสียงวิจารณ์ ยังไงก็จะตั้งมาขนาดนี้

เวลาเพียงแค่ 4 เดือน จะฝืนตั้งคนให้มีเสียงวิจารณ์ทําไม ถ้าหากไม่ใช่ตั้งใจจะให้ไปทําอะไรบางอย่าง ที่ต้องเป็นคนในคอนโทรลเท่านั้นถึงจะไว้ใจ

การแก้ไขรัฐธรรมนูญซึ่งเป็น 2 ข้อใหญ่อยู่ใน MOA ตอนนี้สภาพก็เหลือไม่กี่เปอร์เซ็นต์แล้ว เพราะว่าศาลรัฐธรรมนูญรับจบให้ ปิดประตูไม่ให้ประชาชนเลือก สสร. โดยตรงมาทําหน้าที่ยกร่าง ที่เหลือคือพรรคการเมืองในสภา ก็พยายามต้องหาช่องทางในการฝ่าคําวินิจฉัยศาลรัฐธรรมนูญไปให้ได้

เห็นภาพ 3 พรรคการเมืองหลักของ 3 ก๊ก แดง ส้ม น้ำเงิน เขาคุยกัน ทั้ง 3 ฝ่ายพูดไปในทางเดียวกันว่าจะจับมือกันเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญ ฟังแล้วก็พอคลายใจ แต่เอาเข้าจริงๆ เรื่องนี้มันไม่ได้จบที่ 3 พรรค หลักใหญ่ใจความคือต้องได้เสียง สว. 1ใน3 คือ 67 จาก 200 เสียงด้วย

หัวหน้าพรรคประชาชนบอกว่า มันมีพรรคการเมืองบางพรรคที่น่าจะพูดคุย ทําความเข้าใจกับ สว. ได้ ผมก็จะเสนอเพื่อความสบายใจของประชาชน ซึ่งอกสั่นขวัญแขวนกับดีลพิสดารนี้มาตลอดหลายวัน

ขอให้พรรคประชาชนไปจูงมือพรรคภูมิใจไทยเดินไปคุยกับ สว. ชุดนี้ พูดกันให้ชัดว่าจะเดินหน้าแก้รัฐธรรมนูญไปสู่การทําประชามติ และขอคะแนนสนับสนุนจาก สว. ให้ได้ 67 คะแนน

นี่ไม่ใช่เรื่องก้าวก่ายแทรกแซงระหว่างสภาล่างกับสภาสูง แต่คือการสร้างหลักประกันให้กับประชาชนได้สบายใจขึ้นบ้าง ไม่งั้นต้องลุ้นกันรายวัน ไปตายเอาดาบหน้า โดยไม่มีหลักประกันใดใด

ถ้าพรรคสีส้มจูงมือพรรคสีน้ำเงินไปคุยกับ สว. จริง ก็คือการเอาการเมืองมาวางบนโต๊ะ คุยกันเปิดเปิด ให้ประชาชนได้แลเห็น

เรื่องมันไม่ได้เป็นความลับอะไรหรอกจะแก้รัฐธรรมนูญน่ะ คนเห็นกันทั้งบ้านทั้งเมือง สว. เคยโหวตขวาง เคยคัดค้าน คนก็จําได้ไม่มีลืม เอามานั่งคุยกันเลยดีกว่า พรรคส้มจะทําได้ไหม พรรคน้ำเงินจะเกรงใจพรรคส้ม ยอมเดินไปด้วยหรือไม่

ส่วนคดีความที่สังคมจับตาและก็เป็นกังวลอยู่ ไม่ว่าจะเป็นเขากระโดง หรือฮั้ว สว. กลิ่นแปลกๆ เริ่มโชยมาแล้ว เขากระโดงกรมที่ดินเริ่มติดเบรก ยืดเวลาขยายเวลาออกไป อ้างว่าการรถไฟจะต้องไปฟ้องศาลก่อน ก็เลยไม่รู้ว่าสุดท้ายเรื่องนี้จะต้องฟ้องกันกี่ศาล

ส่วนฮั้ว สว. เดิมดีเอสไอกําลังส่งเจ้าหน้าที่ไปสอบปากคําพยานตามต่างจังหวัด ซึ่งมีคนเกี่ยวข้องกับเรื่องนี้ไม่ต่ำกว่า 1,200 คน เริ่มมีกระแสข่าว พยานบางจังหวัดสู้มือดีเอสไอเสียแล้ว ไม่มาตามนัด เจ้าหน้าที่ดีเอสไอบางคนเริ่มถูกเรียกกลับเข้าส่วนกลาง ไม่ให้ลงพื้นที่ปฏิบัติงาน

เรื่องเหล่านี้ แม้ยังเป็นเพียงกระแสข่าว แต่มันกระทบกับความรู้สึกของประชาชน และมันอยู่บนความรับผิดชอบทางการเมืองของรัฐบาลปัจจุบัน หรือคะแนนเสียงสนับสนุนรัฐบาลปัจจุบันอย่างปฏิเสธไม่ได้

ก่อนถึงวันแถลงนโยบาย เครือข่ายอนุรักษ์นิยมที่เกี่ยวข้องกับการตั้งรัฐบาลชุดนี้ เริ่มปรากฏตัว ปรากฏหน้าให้เห็นกันชัดขึ้น ชัดขึ้น แล้วก็จะยิ่งชัดต่อๆ ไป

พรรคเพื่อไทย พรรคประชาชน ประสานเสียงยืนยันว่ารัฐบาลรักษาการยุบสภาได้ โดย ดร.บวรศักดิ์ อุวรรณโณ เป็นคนแรกที่คัดค้านว่ายุบไม่ได้ วันนี้ข่าวชัดว่า ดร.บวรศักดิ์ รับเป็นรองนายกฯ ฝ่ายกฎหมายให้รัฐบาล

คนที่ 2 ที่บอกว่ารัฐบาลรักษาการยุบสภาไม่ได้ คือเลขาธิการกฤษฎีกา ซึ่งกระแสข่าวแว่วมาแล้วว่าตั้งรัฐบาลกันเสร็จ เขาจะให้เป็นปลัดกระทรวงยุติธรรม กระทรวงยุติธรรมที่กํากับดีเอสไอ ซึ่งมีรัฐมนตรีว่าการมาจากบุรีรัมย์ รออยู่ก่อนแล้ว เข้าใจว่าเที่ยวนี้กะเอาชัวร์

ไม่รู้ว่าจนถึงวันรัฐบาลได้ปฏิบัติหน้าที่ สภาพ MOA จะเหลืออยู่กี่เปอร์เซ็นต์นะครับ

และถ้าพูดกันให้ถึงที่สุดการปฏิบัติหรือไม่ปฏิบัติตามเงื่อนไขของพรรคภูมิใจไทย ไม่ได้ขึ้นอยู่กับเนื้อหา MOA หรือการกดดันของพรรคประชาชน แต่มันอยู่ที่คําตอบสุดท้ายจากพลังของฝ่ายอนุรักษ์นิยม ซึ่งเป็นคนเดินเกมนี้แบบตัวจริง เสียงจริง

ถ้าพรรคประชาชนต้องการให้ยุบสภา แต่พลังฝ่ายอนุรักษ์นิยมต้องการให้อยู่ต่อ ท่านคิดว่า รัฐบาลภูมิใจไทยจะตัดสินใจยังไง

ไม่มีใครรู้เลยว่า เมื่อไหร่พรรคสีส้มจึงจะสรุปว่า พรรคสีน้ำเงินละเมิดเงื่อนไข ไม่มีใครรู้เลยนะครับ ว่าเมื่อไหร่เขาจะยื่นอภิปรายไม่ไว้วางใจกัน.

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ชูวิทย์ ชำแหละ 'มีเรา ไม่มีเทา' สโลแกนพรรคส้ม ปลุกแซงกระแสรักชาติ วางแผนยาวถึงการเลือกตั้ง

ชูวิทย์ ชำแหละเมื่อรัฐบาลหนูวางแผนสั้น แต่พรรคส้มวางแผนยาวไปถึงการเลือกตั้งด้วยสโลแกน มีเรา ไม่มีเทา ตีกันด้วยเรื่องเทาๆ ที่ชาวบ้านร้านตลาดถูกใจ

เจ้าข้าเอ๊ย! พรรคส้มคือพรรคคนดี ‘เจ๊เจี๊ยบ’ กล่าวหาบางพรรค-บางค่ายเป็นโจร

เจ๊เจี๊ยบ-แม่ยกพรรคประชาชน กล่าวหาบางพรรคเป็น “โจร” พร้อมพาดพิงสื่อบางค่ายว่าอยู่ใน “รังโจร” เสียดสีปมเพื่อไทยเข้าอวยพรวันเกิด “สนธิ ลิ้มทองกุล” ราวกับพรรคส้ม

กัดกันเหวอะหวะ! เพื่อไทยย้อนพรรคส้ม งัดภาพ ‘ชัยธวัช’ ดอดพบพุทธะอิสระ

กองเชียร์พรรคเพื่อไทยเปิดเกมโต้กลับพรรคประชาชน หลังถูกเหน็บกรณีคณะผู้บริหารร่วมอวยพรวันเกิด “สนธิ ลิ้มทองกุล” งัดภาพเก่า “ชัยธวัช-เลขาฯพรรคก้าวไกล‘ เข้าพบ “หลวงปู่พุทธะอิสระ” พร้อมข้อความย้ำเป็นแค่มารยาททางการเมือง ไม่ได้ยกใครขึ้นเป็นศาสดา

'สแกมเมอร์-รัฐธรรมนูญ' ต่อรองเพื่อเป้าหมายทางการเมือง

การเปิดเครือข่ายสแกมเมอร์ของพรรคประชาชนไม่ได้เกิดขึ้นช่วงสถานการณ์ชายแดนไทย-กัมพูชาเท่านั้น แต่มีการเปิดประเด็นและนำไปอภิปรายในสภามาพักใหญ่

แดงไม่ปลื้ม 'ช่อ' เปิดตัวผ้าพันคอสีส้ม-น้ำเงิน โซเชียลโยงทันควันการเมืองขยับขั้ว

“ช่อ พรรณิการ์” โปรโมตผ้าพันคอคอลเล็กชันใหม่ของพรรคประชาชน สีส้ม-น้ำเงินสดใสรับลมหนาว จุดกระแสตีความในโลกออนไลน์ โดยเฉพาะกลุ่มหนุนเพื่อไทยที่มองว่าอาจสื่อถึงการขยับของพันธมิตรทางการเมืองระหว่างพรรคประชาชนกับภูมิใจไทย