'สว.พิสิษฐ์' ลั่น MOU ไม่ควรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ ชี้  รธน.ปี 50-60 บอกชัดต้องผ่านรัฐสภา

‘สว.พิสิษฐ์’ ลั่น MOU ไม่ควรเกิดขึ้นด้วยซ้ำ ชี้  รธน. ปี 50-60 บอกชัด ต้องผ่านรัฐสภา มองผลสำรวจ ‘นิด้าโพล’ ย้อนแย้ง เหตุร้อยละ 30 สับสนบัตรลงคะแนน 4 ใบ 6 คำถาม แต่ร้อยละ 34 บอกไม่งงของตนเอง เห็นด้วย ดำเนินการทั้งหมดภายในวันเดียวลดภาระ-ไม่ทำ ปชช.เดือดร้อน

13 ต.ค.2568-นายพิสิษฐ์ อภิวัฒนาพงศ์ สว. กล่าวถึงการทำประชามติยกเลิก MOU 43-44 ไปพร้อมกับการเลือกตั้งว่า อันที่จริงแล้ว MOU 43-44 ไม่ควรเกิดขึ้นเลยด้วยซ้ำในรัฐธรรมนูญ 50 และ 60 ระบุอยู่แล้วว่า การทำสัญญาระหว่างประเทศจะต้องผ่านรัฐสภาก่อน แต่ในรัฐธรรมนูญ 40 ยังไม่มีข้อนี้จึงทำให้เกิดปัญหา หากถามว่าเห็นด้วยหรือไม่กับการทำประชามติในการถามคำถามดังกล่าว ก็ต้องบอกว่าเห็นด้วย แต่อยากให้ประชาชนมีความรู้ความเข้าใจ MOU 43-44 เพราะคำถามที่ไม่เข้าใจจะได้คำตอบที่แท้จริง อย่างน้อยต้องทราบว่าหากยกเลิกไปแล้วจะดีหรือไม่ดีอย่างไร และหากไม่ยกเลิกจะเกิดผลเสียอย่างไร

ถามว่าข้อมูล MOU 43-44 จะสามารถประชาสัมพันธ์ได้จริงหรือไม่ เพราะถือเป็นเรื่องของความมั่นคงภายในประเทศ นายพิสิษฐ์กล่าวว่า ตอนนี้หลายๆสื่อ ไม่ว่าจะเป็นอินฟลูเอนเซอร์ก็มีการนำเสนอในประเด็นนี้ เชื่อว่าหลายประเด็นสามารถเอามาคุยสร้างความเจ้าใจได้ ส่วนประเด็นราชการก็ควรต้องเลี่ยงที่จะนำเสนอ เพราะถือเป็นความมั่นคง

ส่วนกรณีที่นิด้าโพล เปิดเผยผลการสำรวจ เรื่อง บัตรลงคะแนน 4 ใบ 6 คำถาม จะไหวไหมนั้น นายพิสิษฐ์ กล่าวว่า โพลนี้มีความย้อนแย้งภายในคำตอบเพราะคำถามแรกถามถึงความสับสนเกี่ยวกับบัตรลงคะแนน 4 ใบ รวม 6 คำถาม ซึ่งร้อยละ 48.55 ระบุว่า สับสนมาก รองลงมา ร้อยละ 30.61 ระบุว่า ค่อนข้างสับสน ร้อยละ 11.99 ระบุว่า ไม่สับสนเลย

แต่ในคำถามที่2 ระบุถึงความสับสนเกี่ยวกับบัตรลงคะแนน 4 ใบ รวม 6 คำถาม ในการเลือกตั้งครั้งหน้าของตนเอง พบว่าร้อยละ 34.73 ระบุว่า ไม่สับสนเลย สรุปแล้วประชาชนสับสนหรือไม่ หรือผู้ทำโพลคิดแทนคนอื่นว่าจะสับสนแล้วตัวเองไม่สับสนเลย หรือไม่ประชาชนอาจจะเข้าใจคำถามที่คลาดเคลื่อนคงต้องผู้จัดทำโพลชี้แจง

ขณะที่ความเห็นของประชาชนที่จะให้มีการเลือกตั้ง สส. การทำประชามติแก้ไขรัฐธรรมนูญ และการทำประชามติยกเลิก MOU 43 และ MOU 44 ในวันเดียวกัน ร้อยละ 49.16 ระบุว่าเห็นด้วยที่จะมีการดำเนินการทั้งหมดในวันเดียวกัน ตนมองว่า ประชาชนต้องการทำให้ทุกกระบวนการเสร็จภายในวันเดียวต้องเข้าใจว่าในการเลือกตั้งแต่ละครั้งประชาชนต้องเสียค่ารถในการออกไปเลือกตั้ง ลองนึกถึงคูหาเลือกตั้งในต่างจังหวัดที่อาจจะไกลกับที่อาศัย ซึ่งตนก็เห็นด้วยที่จะให้มีการทำทุกอย่างภายในวันเดียว เพราะถือเป็นการลดภาระของประชาชน และไม่ทำให้ประชาชนเดือดร้อนจนเกินไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'วันนอร์' นัดประชุมรัฐสภา 10-11 ธ.ค. ถกแก้รัฐธรรมนูญ วาระ 2

นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภา ได้มีคำสั่งให้นัดประชุมร่วมกันของรัฐสภา ครั้งที่ 1 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ ระหว่างวันที่ 10 ธ.ค. และ ครั้งที่2 (สมัยวิสามัญ) เป็นพิเศษ วันที่ 11 ธ.ค. เพื่อพิจารณาร่างรัฐธรรมนูญ แก้ไขเพิ่มเติม (ฉบับที่..) พ.ศ... ในวาระสอง ซึ่งคณะกรรมาธิการ (กมธ.)

มาดุ! 'บิ๊กเกรียง' ฉะคนปล่อยเฟคนิวส์ หาน้ำท่วมใต้คนตายเป็นพัน น่าจะเอาหัวเสียบประจาน

'บิ๊กเกรียง' รับมอบของบริจาคช่วยอุทกภัย ฉะ คนปล่อยเฟคนิวส์ หาว่าน้ำท่วมใต้คนตายเป็นพัน น่าจะหัวเสียบประจาน ถามเอาจากไหนมาพูด บอก เสียหาย ถ้าเล่นการเมืองกัน ทำขวัญของประชาชนตกต่ำ ให้กำลังใจ 'นายกฯอนุทิน-รัฐบาล' เชื่อทำตามแผนฟื้นฟู-เยียวยาอยู่แล้ว

มติเอกฉันท์! ศาลรธน. ไม่รับคำร้อง 'เรืองไกร' กล่าวหารัฐสภาแก้ รธน.ล้มล้างการปกครอง

‘ศาลรธน.’ มีมติเอกฉันท์ไม่รับคำร้อง ‘เรืองไกร’ ปมกล่าวหาประธานรัฐสภา–สมาชิกรัฐสภาใช้สิทธิล้มล้างการปกครอง ชี้การประชุมร่วมแก้รัฐธรรมนูญยังไม่ปรากฏพฤติการณ์เข้าข่ายมาตรา 49 แม้อัยการสูงสุดไม่ดำเนินการแต่ผู้ร้องมีสิทธิเข้าศาลโดยตรงก็ตาม

'ชลน่าน' คาดถกแก้ รธน. วาระสอง ใช้เวลา 2 วันพอ แม้มีประเด็นให้เถียงกันหนัก

“ชลน่าน” ประเมิน ถกแก้รธน.วาระสอง 2 วันเพียงพอ แม้มีรายละเอียดมาก- ถกกันหนัก แต่ยุติด้วยเสียงข้างมาก เผยสงวนความเห็นไปสู้ในรัฐสภา ทวงคืน “สสร.- โละสูตร20 หยิบ1

ครม. เห็นชอบ พ.ร.ฎ.เรียกประชุมสภาสมัยวิสามัญ 10-11 ธ.ค. ลุยแก้ รธน. ให้เสร็จทันสิ้นปี

นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงผลการประชุมคณะรัฐมนตรี (ครม.) ว่า ครม.เห็นชอบร่างพระราชกฤษฎีกาเรียกสมัยประชุมวิสามัญ รัฐสภา ในวันที่ 10-11 ธ.ค. เพื่อการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระ 2 และวาระ 3

ศาลสั่งจำคุก 4 ปี 'สว.ธนกร' คดีลักทรัพย์คนตายจากอุบัติเหตุ

ศาลจังหวัดฉะเชิงเทรา ได้อ่านคำพิพากษาคดีที่พนักงานอัยการยื่นฟ้อง นายธนกร ถาวรชินโชติ สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ซึ่งในขณะนั้นเพียงผู้ที่ทำธุรกิจประมง เเละนายอภิชัย หมู่มาก จำเลยที่ 1 เเละ2 ฐานลักทรัพย์ของผู้เสียชีวิตจากอุบัติเหตุ มูลค่าความเสียหายกว่า 1.5 ล้านบาท