สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกากับความท้าทายในการปฏิบัติงานยุค New Normal

เป็นเวลาเกือบสองปีแล้วที่ประเทศไทยต้องเผชิญกับปัญหานานัปการจากโรคโควิด-19 ซึ่งกระทบต่อการใช้ชีวิตความเป็นอยู่ของประชาชน ระบบเศรษฐกิจมีปัญหา แต่หากจะมองอีกแง่มุมหนึ่งแล้วโรคร้ายนี้ก็ทำให้ทุกคนต้องหันมาปรับเปลี่ยนการดำเนินชีวิตเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ เช่นเดียวกับระบบราชการ ก็ใช้โอกาสนี้ในการรีเซ็ตระบบราชการเพื่อรองรับการทำงานรูปแบบใหม่

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ซึ่งเป็นหน่วยงานกลางทางด้านกฎหมายของรัฐบาลมีหน้าที่พิจารณาจัดทำร่างกฎหมายและให้ความเห็นทางกฎหมายแก่รัฐบาลและหน่วยงานของรัฐให้เป็นไปอย่างถูกต้องตามรัฐธรรมนูญและหลักนิติธรรม เพราะกฎหมายเป็นส่วนสำคัญในการบริหารราชการแผ่นดิน และการขับเคลื่อนยุทธศาสตร์ของประเทศ สำนักงานฯ จึงมีหน้าที่สำคัญอีกประการ คือ การพัฒนากฎหมายให้ทันต่อสถานการณ์ปัจจุบันและอำนวยความสะดวกให้แก่ประชาชน ไม่เป็นอุปสรรค หรือสร้างความเดือดร้อนให้แก่ประชาชนในการปฏิบัติตามกฎหมาย ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของสำนักงานฯ คือ การทำกฎหมายให้ดีขึ้น เพื่อชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน “Better Regulation for Better Life” โดยในปีงบประมาณ พ.ศ. 2564 ที่ผ่านมา สำนักงานฯ ได้มีการปรับเปลี่ยนรูปแบบการทำงานเพื่อตอบโจทย์การทำงานในยุค New Normal โดยได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาประยุกต์ใช้ในการปฏิบัติงานหลายประการ ทั้งในระบบการทำงานภายในสำนักงานฯ เอง โดยทำงานในรูปแบบ Work from Home หรือ Work from Anywhere การจัดประชุมออนไลน์ การใช้อีเมล OCS หรือไลน์ OCS ในการติดต่อสื่อสาร การจัดฝึกอบรมหลักสูตรนักกฎหมายภาครัฐและหลักสูตรอื่น ๆ ผ่านระบบออนไลน์ การรับ-ส่งเอกสารผ่านระบบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งสำนักงานฯ ได้ร่วมกับสำนักงานปลัดสำนักนายกรัฐมนตรี สำนักเลขาธิการคณะรัฐมนตรี สำนักงาน ก.พ. สำนักงาน ก.พ.ร. สำนักงานพัฒนาธุรกรรมทางอิเล็กทรอนิกส์ และสำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) จัดทำระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรีว่าด้วยงานสารบรรณ (ฉบับที่ 4) พ.ศ. 2564 (ระเบียบสารบรรณอิเล็กทรอนิกส์) เพื่อปรับเปลี่ยนให้การปฏิบัติงานสารบรรณภายในหน่วยงานของรัฐ ระหว่างหน่วยงานของรัฐ และระหว่างหน่วยงานของรัฐกับเอกชน สามารถดำเนินการด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก เพื่อความรวดเร็ว เพิ่มประสิทธิภาพ และเพิ่มความโปร่งใสในการดำเนินงาน โดยได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ตั้งแต่วันที่ 25 พฤษภาคม 2564 และมีผลให้หน่วยงานของรัฐต้องใช้อีเมลในการสื่อสารเป็นหลัก ตั้งแต่วันที่ 23 สิงหาคม 2564 เป็นต้นไป ทำให้แม้มีการระบาดของโรคร้ายแรงแต่หน่วยงานของรัฐก็ยังคงปฏิบัติงานต่อไปได้โดยไม่ติดขัด การเร่งพิจารณาจัดทำร่างกฎหมายเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โรคระบาดโควิด-19 กว่า 50 ฉบับ อาทิ พระราชกำหนดการให้ความช่วยเหลือและฟื้นฟูผู้ประกอบธุรกิจที่ได้รับผลกระทบจากการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 พ.ศ. 2564 กฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบกองทุนประกันสังคม พ.ศ. 2564 กฎกระทรวงกำหนดอัตราเงินสมทบที่รัฐบาลจ่ายเข้ากองทุนประกันสังคม สำหรับบุคคลซึ่งสมัครเข้าเป็นผู้ประกันตน พ.ศ. 2564 ร่างพระราชกำหนดแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติโรคติดต่อ พ.ศ. 2558 พ.ศ. ....

นอกจากนี้ ยังได้ปรับปรุงวิธีการเขียนกฎกระทรวงและกฎหมายลำดับรองอื่น ๆ ให้หน่วยงานของรัฐให้บริการแก่ประชาชนโดยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์เป็นหลัก ตามมาตรา 8 และมาตรา 9 แห่งพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตของราชการ พ.ศ. 2558 โดยได้ดำเนินการแล้วเสร็จ จำนวน 80 ฉบับ รวมทั้งยังได้สำรวจตรวจสอบกฎหมายที่ใช้บังคับอยู่ในปัจจุบันที่เป็นปัญหาและอุปสรรคสำหรับภาคเอกชนที่จะนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการดำเนินกิจกรรม และได้ร่วมกับกระทรวงพาณิชย์จัดทำร่างพระราชบัญญัติบริษัทมหาชน จำกัด (ฉบับที่..) พ.ศ. .... (แก้ไขเพิ่มเติมให้ทันสมัย 6 ประเด็น) มีสาระสำคัญเป็นการปรับปรุงให้บริษัทมหาชนจำกัด และคณะกรรมการบริษัทมหาชนจำกัด สามารถดำเนินกิจกรรมต่าง ๆ ด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้ เช่น การใช้โฆษณาทางสื่ออิเล็กทรอนิกส์แทนการโฆษณาทางหนังสือพิมพ์ การส่งหนังสือหรือเอกสารทางอีเมลแทนไปรษณีย์ลงทะเบียน และอยู่ระหว่างดำเนินการพิจารณาปรับปรุงแก้ไขบทบัญญัติของประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ บรรพ 3 ลักษณะ 22 หุ้นส่วนบริษัท เพื่อให้ห้างหุ้นส่วนและบริษัทจำกัดสามารถดำเนินงานด้วยวิธีการทางอิเล็กทรอนิกส์ได้เช่นเดียวกัน และที่สำคัญได้เสนอร่างพระราชบัญญัติการปฏิบัติราชการทางอิเล็กทรอนิกส์ พ.ศ. .... ซึ่งคณะรัฐมนตรีพิจารณาให้ความเห็นชอบแล้ว เพื่อให้การปฏิบัติราชการเป็นไปอย่างคล่องตัว มีประสิทธิภาพ และสามารถให้บริการประชาชนได้อย่างรวดเร็วและทั่วถึง ขณะนี้อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะกรรมการประสานงานสภาผู้แทนราษฎร (วิป)

การดำเนินงานที่สำคัญอีกประการคือ สำนักงานฯ ร่วมกับ สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล จัดทำ “ระบบกลางทางกฎหมาย” (law.go.th) ขึ้นตามมาตรา 77 วรรคหนึ่ง และมาตรา 258 ค. ด้านกฎหมาย (3) ของรัฐธรรมนูญแห่งราชอาณาจักรไทย และพระราชบัญญัติหลักเกณฑ์การจัดทำร่างกฎหมายและการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย พ.ศ. 2562 เพื่อให้เป็นแพลตฟอร์มกลางเกี่ยวกับกฎหมายที่ให้บริการแบบจุดเดียวเบ็ดเสร็จ (one stop service) แก่หน่วยงานของรัฐและประชาชน  โดยในขณะนี้ระบบกลางได้เปิดให้บริการในส่วนของการรับฟังความคิดเห็นเกี่ยวกับร่างกฎหมาย ข้อมูลรายงานการวิเคราะห์ผลกระทบที่อาจเกิดขึ้นจากกฎหมาย (RIA) และข้อมูลรายงานการประเมินผลสัมฤทธิ์ของกฎหมาย ตั้งแต่วันที่ 2 สิงหาคม 2564 แล้ว  สำหรับการดำเนินการระยะถัดไปจะเป็นการขยายการให้บริการข้อมูลกฎหมายทั้งหมดของประเทศ ตั้งแต่รัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ พระราชบัญญัติ พระราชกำหนด รวมตลอดถึงกฎหมายลำดับรองต่าง ๆ เช่น พระราชกฤษฎีกา กฎกระทรวง ประกาศ ระเบียบ ข้อบังคับ เทศบัญญัติ และข้อบัญญัติท้องถิ่นต่าง ๆ เพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงข้อมูลกฎหมายและปฏิบัติตามกฎหมาย รวมทั้งเพิ่มความโปร่งใสในการใช้บังคับกฎหมายด้วย โดยมีกำหนดจะแล้วเสร็จสมบูรณ์ภายในเดือนกรกฎาคม 2565

 

สำนักงานฯ ยังคงมุ่งมั่นที่จะพัฒนาให้การจัดทำกฎหมายเป็นกฎหมายที่ดี ตอบสนองความต้องการของประชาชน และเป็นเครื่องมือในการบริหารราชการแผ่นดิน สนองตอบยุทธศาสตร์ของชาติเพื่อความเจริญก้าวหน้าอย่างยั่งยืนของประเทศต่อไป

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

ประโยชน์ที่ประชาชนจะได้รับจากร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวก ในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน พ.ศ. ....

ตามที่สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาได้ตรวจพิจารณาร่างพระราชบัญญัติการอำนวยความสะดวกในการพิจารณาอนุญาตและการให้บริการแก่ประชาชน พ.ศ. ....

กฤษฎีกากับความมุ่งมั่นในการพัฒนากฎหมายที่ดีเพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกามุ่งมั่นทำงานภายใต้วิสัยทัศน์ "Better Regulation for Better Life" หรือ พัฒนากฎหมายที่ดี เพื่อคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้นของประชาชน โดยสนับสนุนการบริหารงานของภาครัฐ ยึดถือความถูกต้องตามหลักวิชาการ และคำนึงถึงประโยชน์ของประชาชนเป็นหลักเสมอมา

รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี นำทัพเปิด 'Digital Government Summit 2025' ยกระดับประเทศไทยสู่ผู้นำ GovTech โลก หนุน DGA ขับเคลื่อนรัฐบาลดิจิทัลเพื่อประชาชน

สำนักงานพัฒนารัฐบาลดิจิทัล (องค์การมหาชน) หรือ DGA จัดงานสัมมนาและนิทรรศการ Digital Government Summit 2025 (DG Summit 2025) ภายใต้คอนเซ็ปต์ Leading Thailand to the Top in GovTech ซึ่งเป็นงานสัมมนาสุดยิ่งใหญ่ระดับประเทศที่จะพาประเทศไทยก้าวสู่จุดสูงสุดบนเวที GovTech ระดับโลก

ชี้แจงการนำเสนอข่าวกรณีร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้ไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. ....

ตามที่มีการเสนอข่าวว่า คณะกรรมการกฤษฎีกาไม่เห็นชอบร่างพระราชบัญญัติส่งเสริมการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ พ.ศ. .... นั้น สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกาขอเรียนชี้แจงว่า สำนักงานฯ และคณะกรรมการกฤษฎีกาเห็นด้วยในหลักการส่งเสริมการใช้พลังงานทดแทนทุกชนิด โดยเฉพาะพลังงานแสงอาทิตย์

กฤษฎีกากับการสนับสนุนการพัฒนาเศรษฐกิจดิจิทัลที่ขับเคลื่อนด้วยปัญญาประดิษฐ์

การพัฒนากฎหมายมีความสำคัญอย่างยิ่งกับการพัฒนาสังคมเศรษฐกิจดิจิทัลให้เติบโตอย่างยั่งยืนเพื่อประโยชน์และความสุขของประชาชนทุกคน ในปัจจุบัน

วิวัฒนาการการขนส่งสาธารณะทางรางของประเทศญี่ปุ่น และการพัฒนากฎหมายของประเทศไทย

สำนักงานคณะกรรมการกฤษฎีกา ร่วมกับสถาบัน National Graduate Institute for Policy Studies (GRIPS) ประเทศญี่ปุ่น ได้มีการจัดประชุมเชิงปฏิบัติการด้านกฎหมายภายใต้โครงการพัฒนาความร่วมมือทางวิชาการด้านกฎหมายระหว่างกันมาอย่างต่อเนื่องและยาวนาน