ไทย-อิสราเอล ร่วมมือราบรื่น ส่งแรงงานไทยทำงานภาคเกษตรผ่านโครงการ TIC แล้วกว่า 1,500 คน

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เผยปี 66 โควตางานภาคเกษตรรัฐอิสราเอล 6,500 คน จัดส่งแล้ว 1,513 คน พร้อมปูทางขยายตลาดแรงงานภาคอุตสาหกรรมในอนาคต

นายสุชาติ ชมกลิ่น รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ในปี 2566 กระทรวงแรงงานมีโควตาจัดส่งแรงงานไทยไปทำงานภาคเกษตรรัฐอิสราเอล จำนวน 6,500 คน โดยตั้งแต่วันที่ 10 มกราคม - 20 มีนาคม 2566 จัดส่งแรงงานไทยไปทำงานฯ จำนวนทั้งสิ้น 1,513 คน แบ่งเป็นเพศชาย จำนวน 1,480 คน เพศหญิง จำนวน 33 คน ซึ่งในวันนี้จะมีแรงงานไทย จำนวน 225 คน เดินทางไปทำงานภายใต้โครงการ “ความร่วมมือไทย - อิสราเอล เพื่อการจัดหางาน (Thailand-Israel Cooperation on the Placement of Workers: TIC) ด้วยเครื่องบินโดยสารเที่ยวบินที่ EY084 ของสายการบินแอล อัล อิสราเอล แอร์ไลน์ ณ ท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ โดยแรงงานทั้งหมดได้ผ่านการอบรมคนหางานก่อนการเดินทางไปทำงานในต่างประเทศแล้ว เมื่อไปทำงานจะได้รับเงินเดือนขั้นต่ำก่อนหักภาษีเดือนละ 5,300 เชคเกล หรือประมาณ 50,000 บาท (ขึ้นอยู่กับอัตราแลกเปลี่ยน) หากทำงานจนครบสัญญาจ้างงานสูงสุด 5 ปี 3 เดือน จะมีรายได้มากกว่า 3 ล้านบาทต่อคน และเมื่อกลับมายังสามารถนำประสบการณ์ทางเกษตรที่ได้รับจากการทำงานกลับมาพัฒนาประเทศและประกอบอาชีพของตนเองให้ดียิ่งขึ้นต่อไป

“ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมแรงงานไทยให้ไปทำงานในต่างประเทศอย่างยิ่ง โดยสั่งการให้กระทรวงแรงงานดูแลคนไทยให้เดินทางไปทำงานต่างประเทศอย่างถูกต้องตามกฎหมาย เพื่อได้รับสวัสดิการและคุณภาพชีวิตการทำงานที่ดี เมื่อกลับมาจะได้นำประสบการณ์และความรู้ มาต่อยอด ยกระดับคุณภาพชีวิต” รมว.สุชาติ กล่าว

ด้านนายไพโรจน์ โชติกเสถียร อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า ประเทศไทยและอิสราเอล ดำเนินการตามข้อตกลงด้านแรงงานเรื่องการจ้างแรงงานไทยทำงานชั่วคราวในภาคเกษตรในรัฐอิสราเอล ภายใต้โครงการ “ความร่วมมือไทย-อิสราเอล เพื่อการจัดหางาน (Thailand-Israel Cooperation on the Placement of Workers : TIC) มาอย่างต่อเนื่อง และมีการหารือร่วมกันเพื่อปรับปรุงกระบวนการจัดส่งให้มีคุณภาพและประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้นตลอดเวลา เพื่ออำนวยความสะดวกแก่แรงงานไทย ตลอดจนมีการหารือถึงการขยายตลาดแรงงานภาคอุตสาหกรรมในอนาคต เพื่อให้แรงงานไทยได้วีซ่าอุตสาหกรรม (Industrial Visa) นอกเหนือจากภาคเกษตรที่ทำอยู่ เนื่องจากนายจ้างอิสราเอลมีความต้องการช่างเชื่อมเป็นจำนวนมาก จึงเป็นโอกาสของช่างเชื่อมชาวไทย เพราะมีฝีมือเป็นที่ยอมรับในต่างประเทศ

สำหรับผู้สนใจไปทำงานต่างประเทศสามารถติดตามข่าวสารการประกาศรับสมัครได้ที่เว็บไซต์ doe.go.th/overseas และสอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ สำนักงานจัดหางานจังหวัดทุกจังหวัด หรือสำนักงานจัดหางานกรุงเทพมหานครพื้นที่ 1-10 หรือที่สายด่วนกระทรวงแรงงาน โทร.1506 กด 2 กรมการจัดหางาน หรือสายด่วนกรมการจัดหางาน โทร. 1694

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

'สส.ปชน.' จี้ ก.แรงงาน ต้องไกล่เกลี่ยข้อพิพาท นายจ้างไดกิ้น 'ปิดงาน' หาข้อยุติโดยเร็ว

นายเซีย จำปาทอง ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาชน โพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊ก กรณีเกิดข้อพิพาทระหว่างบริษัท ไดกิ้น กับสหภาพแรงงานฯ ว่า นายจ้างไดกิ้น “ปิดงาน” กระทรวงแรงงานต้องประสานไกล่เกลี่ยหาข้อยุติโดยเร็ว

‘สุชาติ’ กำชับ การช่วยเหลือประชาชนน้ำท่วมใต้ ต้องเป็นเอกภาพ .. สั่งศูนย์ฯ ทส. บูรณาการใกล้ชิดร่วมกองบัญชาการสั่งการ ค่ายเสนาณรงค์

นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ให้การช่วยเหลือพี่น้องประชาชนที่ประสบอุทกภัยในพื้นที่หาดใหญ่ จ.สงขลา และพื้นที่ภาคใต้

กรมป่าไม้ ส่งสิ่งของที่รับบริจาคถึง อ.หาดใหญ่ พร้อมจัดเจ้าหน้าที่แจกจ่ายให้ประชาชนที่ประสบอุทกภัย

อธิบดีกรมป่าไม้ กล่าวว่า จากการที่นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม แสดงความห่วงใยต่อพี่น้องประชาชนในพื้นที่ และได้สั่งการให้ กรมป่าไม้จึงเร่งระดมกำลังเจ้าหน้าที่ พร้อมอุปกรณ์ช่วยเหลือและยานพาหนะที่จำเป็นเร่งลงพื้นที่เพื่อเข้าช่วยเหลืออย่างเร่งด่วน ทั้งในด้านการอพยพประชาชน การสนับสนุนด้านเสบียง และกำลังช่วยอย่างเต็มที่

ศูนย์ปฏิบัติการ ทส.ผนึกกำลัง! ลุยภารกิจ ‘Big Cleaning คืนความสุข’ คนสงขลา ระดมกำลังพล 780 นาย พร้อมรถบรรทุก-รถฉีดน้ำ อุปกรณ์ทำความสะอาดคืนพื้นที่ปลอดภัยให้ปชช.ตามสั่งการ ‘รองนายกฯ สุชาติ’

กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ระดมสรรพกำลังครั้งใหญ่ ร่วมปฏิบัติภารกิจ "Big Cleaning คืนความสุข" เพื่อฟื้นฟูพื้นที่ประสบภัยในจังหวัดสงขลา หลังน้ำลด ตามการสั่งการของ นายสุชาติ ชมกลิ่น รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม ขับเคลื่อนภารกิจ ทส.1 เดียวผ่านศูนย์ปฏิบัติการส่วนหน้า กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ศป.ทส.)