มอริส ลาครัวซ์ ปองโตส เอส ไดฟเวอร์ X ลีเดีย ลีอิช

ปีนี้ มอริส ลาครัวซ์ (Maurice Lacroix) ภูมิใจเปิดตัว ปองโตส เอส ไดฟเวอร์ (PONTOS S Diver) นาฬิกาเจเนอเรชั่นใหม่ที่ไม่หวั่นเกรงต่อสภาวะท้าทายของโลกใต้น้ำด้วยการหวนคืนสู่นาฬิกานักดำน้ำ เฉกเช่นเจเนอเรชั่นแรกของปี ค.ศ. 2013 อีกครั้ง สำหรับแบรนด์สวิสซึ่งมีฐานการผลิตอยู่ในแถบจูร่า(Jura)นี้ ยังคงรักษาไว้ซึ่งจิตวิญญาณของผลงานในรุ่นก่อน ที่เคยเปิดตัวครั้งแรกมาแล้วก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการออกแบบที่เป็นไอคอนิคของแบรนด์  โดยระหว่างขั้นตอนของการพัฒนานั้น แบรนด์ได้ร่วมมือกับสมาชิก เอ็มแอล ครูว์ (ML Crew) อย่าง

ลีเดีย ลีอิช (Lidija Lijić) นักดำน้ำฟรี ไดฟวิ่ง (free diver) ดีกรีแชมเปี้ยนโลก ผู้ซึ่งครองสถิติในการอยู่ใต้น้ำได้เป็นเวลานานถึง 5 นาที 43 วินาที สำหรับ ลีเดีย นั้น เธอคือสมาชิกแห่งโลกที่ท้าทายขีดความสามารถสูงสุด เพื่อพิสูจน์ถึงขีดจำกัดแห่งสมรรถนะของมนุษย์ และมันก็ทำให้เธอเป็นดั่งบุคคลในอุดมคติ สำหรับบททดสอบความสามารถใต้ผืนน้ำนี้ได้อย่างแท้จริง

ในปี ค.ศ. 2013 มอริส ลาครัวซ์ ได้เริ่มเปิดตัวนาฬิกา PONTOS S Diver ขึ้นเป็นเจเนอเรชั่นแรก ซึ่งอย่างไรก็ดีในอีกเพียงไม่กี่ปีต่อมา แบรนด์แห่ง สวิส ฌูรา นี้ก็ได้หยุดการผลิตผลงานรุ่นนี้ลงเพื่อหันไปทุ่มเทให้กับการพัฒนานาฬิกาไอคอน (AIKON) จนได้รับความสำเร็จเป็นอย่างสูง แต่ในเวลาต่อมาไม่นาน ทางบริษัทก็ได้รับเสียงเรียกร้องอย่างมากมายให้หันกลับมาผลิตนาฬิกานักดำน้ำขึ้นอีกครั้ง และเพื่อตอบสนองต่อเสียงเรียกร้องเหล่านี้ มอริส ลาครัวซ์ จึงกลับมาเผยโฉมเวอร์ชั่นใหม่ของ PONTOS S Diver ขึ้นอีกครั้ง โดยที่มีการผสมผสานและพัฒนาเพื่อยังคงรักษาไว้ซึ่งจิตวิญญาณของรุ่นที่เคยเปิดตัวในครั้งแรกไม่เปลี่ยนแปลง

แม้จะเป็นผลงานรุ่นใหม่ แต่แท้จริงแล้ว ผลงานรุ่นนี้ก็ยังคงถ่ายทอดงานออกแบบ และสืบทอดความหลงใหลของแบรนด์ในสไตล์ที่ได้แรงบันดาลใจมาจากไลฟ์สไตล์แห่งเมืองเช่นเดียวกัน และยังคงรักษาความต่อเนื่องที่สอดคล้องกับผลงานสร้างสรรค์รุ่นอื่นๆ PONTOS S Diver ใหม่นี้ ได้ผ่านการรังสรรค์ขึ้นอย่างเชี่ยวชาญภายในโรงงานการผลิตแห่งสวิส (Swiss Manufacture) ของบริษัท โดยแบรนด์เองเชื่อมั่นว่าหัวใจอันเป็นแก่นแท้นั้นไม่ควรเปลี่ยนแปลง!

ผู้ผลิตนาฬิกาสวิสรายนี้ยังได้จับมือร่วมกับสมาชิกของ ML Crew ในฐานะนักดำน้ำฟรีไดฟวิ่ง ดีกรีแชมเปี้ยนโลก อย่าง ลีเดีย ลีอิช ในการพัฒนานาฬิกา PONTOS S Diver รุ่นล่าสุด โดยนักกีฬาผู้เปี่ยมด้วยความสามารถมากมายคนนี้ได้ผ่านการผจญภัยมาอย่างต่อเนื่องทั้งใต้ผืนทะเล หรือการดำน้ำใต้ธารน้ำแข็งแห่งหิมาลัย (Himalayas) ชีวิตของเธอเปรียบเหมือนตัวแทนของความกล้าหาญ ที่อุทิศตนทุ่มเทให้กับการฝึกฝนอย่างหนักและต่อเนื่อง มากไปกว่านั้น คือความเข้มแข็งทางจิตใจของตนเอง เพื่อจะก้าวข้ามพรมแดนแห่งขีดข้อจำกัดให้ได้อยู่เสมอ จากความสามารถในการควบคุมตนเอง มีสมาธิอันแน่วแน่และมั่นใจ การดำน้ำจึงไม่เพียงเป็นเรื่องของการเสี่ยงอันตราย แต่ยังต้องใช้ความมั่นใจในตนเองอันยิ่งใหญ่

สเตเฟน วาเซอร์ (Stéphane Waser) ผู้อำนวยการบริหารของ Maurice Lacroix กล่าวย้ำว่า “ในกระบวนการพัฒนานาฬิกา PONTOS S Diver รุ่นล่าสุดนี้ เรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้รักษาไว้ซึ่งจิตวิญญาณของนาฬิกาเจเนอเรชั่นแรก ขณะเดียวกันก็ยังคงขยายขอบเขตด้านความสามารถด้วยการพัฒนาปรับปรุงอีกมากมาย ในฐานะสมาชิกของ ML Crew จึงเหมาะสมที่สุดในการเชื้อเชิญให้ ลีเดีย ลีอิช มาร่วมทดสอบนาฬิการุ่นใหม่นี้... โดยผ่านการสำรวจใต้ผืนน้ำลึกอย่างเต็มสมรรถนะของเธอ ขณะที่ผมเองนั้นตระหนักถึงความสำเร็จมากมาย และพรสวรรค์อันหลากหลายของ ลีเดีย  ผมรู้สึกประทับใจในความทุ่มเทอย่างมากของเธอ ไม่เพียงต่อกีฬาที่เล่น แต่ยังเป็นทุกสิ่งที่เธอทำ เธอได้พิสูจน์ถึงการเป็นผู้นำทางการทดสอบอันสมบูรณ์แบบสำหรับนาฬิกานักดำน้ำ ซึ่งผลงานรุ่นนี้มีประสิทธิภาพของการกันน้ำได้ลึกระดับ 30 เอทีเอ็ม (ATM) นอกจากนี้ ลีเดียยังบอกกับเราด้วยว่านาฬิการุ่นนี้ได้สร้างบทบาท และสมรรถนะใหม่อันแข็งแกร่งบนผืนดินได้เช่นกัน!”

บรรจุภายในตัวเรือน 42 มม. นาฬิกา PONTOS S Diver มีให้เลือกในเวอร์ชั่น สเตนเลสสตีล และเป็นครั้งแรกกับการเผยโฉมเวอร์ชั่น ในรุ่นบรอนซ์ โดยประกอบด้วยเข็มชั่วโมงและนาทีผ่านการตกแต่งแบบเหลี่ยมด้าน และเดินเส้นลายด้วยสารเรืองแสงซูเปอร์-ลูมิโนวา (Super-LumiNova®) มากไปกว่านั้น เข็มนาทียังตกแต่งด้วยขอบสี ขณะที่เข็มชั่วโมงแสดงเวลาอย่างชัดเจนร่วมกับเครื่องหมายบอกเวลา หรือ อินเด็กซ์ (indexes) แบบนำมาติดบนหน้าปัด ตกแต่งเส้นลายด้วยการเคลือบสารเรืองแสง เครื่องหมายแสดงนาทีที่คมชัดและโดดเด่นยิ่งขึ้น เช่นเดียวกับการแสดงวันที่ซึ่งล้อมกรอบด้วยขอบแบบยกนูน ทำให้โดดเด่นขึ้นจากส่วนที่เหลือของหน้าปัด ซึ่งรายละเอียดนี้ยังช่วยเสริมความสามารถในการอ่านค่าได้อย่างไร้ที่ติอีกด้วย

เม็ดมะยมที่ออกแบบขึ้นเฉพาะและจัดวางตำแหน่งไว้ ณ ตำแหน่ง 2 นาฬิกา ได้มอบความสะดวกสบายให้กับผู้สวมใส่ในการปรับหมุนขอบ     ตัวเรือนด้านในพร้อมทั้งบรรจุด้วยสเกลนับเวลา ขอบตัวเรือนปรับหมุนได้นี้ยังเป็นวิธีการใช้งานอันเป็นประโยชน์สำหรับการจับวัดค่าเวลาที่นำไปใช้ใต้น้ำ นาฬิการุ่นนี้ยังมาพร้อมเข็มวินาทีกลาง และการแสดงวันที่ ณ ตำแหน่ง 6 นาฬิกา ส่วนเม็ดมะยมที่สองซึ่งติดตั้งอยู่ ณ ตำแหน่ง 3 นาฬิกา มีไว้สำหรับปรับตั้งการแสดงต่างๆ และยังสามารถใช้ในการไขลานด้วยมือให้กับกลไก

นาฬิกา PONTOS S Diver รุ่นล่าสุดนี้นำเสนอด้วยเวอร์ชั่นอันหลากหลาย ทั้งรุ่นสตีลซึ่งมาพร้อมกับตัวเลือกของหน้าปัดสีดำตกแต่งแบบลายเกรน หรือหน้าปัดแล็กเกอร์สีขาว ขณะที่รุ่นบรอนซ์ซึ่งผลิตในจำนวนจำกัดเพียง 500 เรือน จับคู่มากับหน้าปัดสีน้ำเงินแบบลายเกรนซ่อนมิติอันลุ่มลึก ส่วนเม็ดมะยม ณ ตำแหน่ง 2 นาฬิกา ยังโดดเด่นด้วยลวดลายวงกลมตกแต่งด้วยสีสอดคล้องกัน ทำให้มั่นใจได้ถึงความสามารถในการมองเห็นได้เมื่ออยู่ใต้น้ำ

ขับเคลื่อนด้วยกลไกจักรกลไขลานอัตโนมัติ เอ็มแอล115 คาลิเบอร์ (ML115 calibre) ที่จัดวางไว้ ณ กลางหัวใจของนาฬิกา PONTOS S Diver ซึ่งไม่จำเป็นต้องไขลานด้วยมือเมื่อสวมใส่นาฬิกา สำหรับเวอร์ชั่นบรอนซ์มาพร้อมสายนาฬิกาถึงสองเส้น เส้นหนึ่งเป็นสายหนังสีน้ำเงินเข้มสไตล์วินเทจ ผสานด้วยโลโก้ M ของแบรนด์ และสายเส้นที่สองทำจากยางสีน้ำเงินเข้ม ปั๊มนูนด้วยชื่อ ‘Maurice Lacroix’

สำหรับการเปิดตัวครั้งนี้ ในเวอร์ชั่นสตีลจะมาพร้อมกับสายนาฬิกาถึงสามเส้นที่ตกแต่งด้วยสีสอดคล้องกัน ทั้งสายผ้าที่ตกแต่งด้วยชื่อแบรนด์ตัว M และสายยางอีกสองสาย ตกแต่งไว้ด้วยเอกลักษณ์ชื่อแบรนด์ Maurice Lacroix แบบนูน สำหรับรุ่นนี้ติดตั้งด้วยระบบถอดเปลี่ยนสายได้อย่างง่ายดายของ Easy Exchange System ซึ่งมอบวิธีการอันแสนสะดวกสบายให้กับผู้ใช้งานในการเปลี่ยนสลับเป็นสายอื่นๆ โดยไม่จำเป็นต้องใช้อุปกรณ์ใดๆ มาช่วย

นาฬิกา PONTOS S Diver ได้หวนคืนกลับมาและดียิ่งกว่าที่เคย! รุ่นนี้ถือว่าเป็นผลงานของการทำงานระดับทีมที่ได้แรงบันดาลใจมาจากการคิดค้นเพื่อก้าวข้ามข้อจำกัด และพัฒนาขีดความสามารถของ ลีเดีย พร้อมทั้งได้ผ่านการทดสอบภายใต้สภาวะสุดขั้วอย่างสูงสุด จึงเหมาะสมอย่างยิ่งสำหรับการสำรวจใต้น้ำ และยังคงเป็นนาฬิกาที่สมบูรณ์แบบสำหรับการใช้งานตามวิถีแห่งไลฟ์สไตล์ในเมือง

สำหรับท่านที่สนใจนาฬิกา PONTOS S Diver สามารถสั่งจองได้แล้วตั้งแต่วันนี้ ทั้งรุ่นสตีลหน้าปัดสีดำ และหน้าปัดแล็กเกอร์สีขาว ในราคาเรือนละ 72,900 บาท โดยรุ่นบรอนซ์มีจำนวนจำกัดเพียง 500 เรือนเท่านั้น และจับคู่มากับหน้าปัดสีน้ำเงินแบบลายเกรน ในราคาเรือนละ 92,900 บาท พิเศษสุด! สำหรับลูกค้าที่พรีออเดอร์ล็อตแรกเท่านั้น จะได้รับสายนาฬิกา 3 เส้นพร้อมกันทันที

สนใจสอบถามข้อมูลนาฬิกาเพิ่มเติม หรือสั่งจองได้แล้ววันนี้ที่ มอริส ลาครัวซ์ บูติค 02-853-9742 หรือ LINE Official  @MauriceLacroixTH คลิ๊ก https://lin.ee/TYO5J3F 

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

เปิดตัวอย่างเป็นทางการกับ มอริส ลาครัวซ์ ‘AIKON #tide Camo Limited Edition’ นาฬิการักษ์โลก คอลเลคชั่นใหม่

เมื่อวันที่ 13 มกราคม 2567 นาฬิกาสวิสแบรนด์หรู มอริส ลาครัวซ์ (Maurice Lacroix) ได้จัดงานเปิดตัวนาฬิกาคอลเลคชั่นใหม่ ไอคอน ไทด์ คาโม ลิมิเต็ดอีดิชั่น ( AIKON #tide Camo Limited Edition )

Maurice Lacroix ร่วมกับ ML Club Thailand ฉลองความสำเร็จ พร้อมกับงานเปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษ ML Club Thailand Limited Edition

Maurice Lacroix (มอริส ลาครัวซ์) แบรนด์นาฬิกาสวิสหรู ร่วมกับ ML Club Thailand จัดงานฉลองเปิดตัวนาฬิการุ่นพิเศษ ML Club Thailand Limited Edition เอาใจเหล่าสมาชิกของ ML Club Thailand

มอริส ลาครัวซ์ ปองโตส เอส ไดฟเวอร์ X ลีเดีย ลีอิช เปิดตัวฝั่งเอเชียที่เกาะสมุย

ปีนี้ มอริส ลาครัวซ์ (Maurice Lacroix) เลือกศูนย์กลางการจัดงานเปิดตัวนาฬิกานักดำน้ำ ปองโตส เอส ไดเวอร์ (PONTOS S Diver) ปี 2566 สำหรับภูมิภาคเอเชียขึ้นที่ประเทศไทย ณ โรงแรมหรู W Hotel บนเกาะสมุย

ก้าวแรกต้องแตกต่าง มอริส ลาครัวซ์ คลับ ไทย อิดิชั่น

ครั้งแรกกับการสร้างประวัติศาสตร์ของ MAURICE LACROIX ในการนำเสนอนาฬิการุ่นพิเศษ สำหรับแฟนคลับในประเทศไทย ที่เน้นดีไซน์สะท้อนมาจากมุมมองของกลุ่มสมาชิกภายในคลับ

นาฬิกา มอริส ลาครัวซ์ ไอคอน ไทด์ เอ็กซ์ เบนซิลล่า ดังไกลถึงประเทศญี่ปุ่น

นาฬิกา AIKON #tide X BENZILLA คอลเลคชั่นที่ต่อยอดความสำเร็จจากประเทศไทยไปไกลถึงประเทศญี่ปุ่น เป็นครั้งแรกด้วยการเดินทางไปร่วมเปิดงานและโชว์ผลงานแบบเต็มๆ

มอริส ลาครัวซ์ เปิดตัว นาฬิกา ไอคอน มาสเตอร์ แกรนด์ เดท แบล็ค ใหม่ ส่งท้ายความสำเร็จปลายปี

มอริส ลาครัวซ์ ได้จัดงานเปิดตัว นาฬิกา ไอคอน มาสเตอร์ แกรนด์ เดท แบล็ค (AIKON Master Grand Date Black) เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 ที่ผ่านมา ณ ห้างเกษร วิลเลจ โดยในงานครั้งนี้ ได้รับเกียรติจากคุณมาแซล กู้ด