ประกาศผลแล้ว! กับการเฟ้นหาคลื่นลูกใหม่ที่จะก้าวสู่การเป็นศิลปินพื้นบ้านมืออาชีพกับเวทีการประกวดดนตรีและการแสดงพื้นบ้าน ถ้วยพระราชทานสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี พุทธศักราช 2566 “ รวมศิลป์ แผ่นดินสยาม” สุดยิ่งใหญ่แห่งปี ที่กรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กระทรวงวัฒนธรรม จัดขึ้น เพื่อเทิดพระเกียรติสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี ในฐานะที่ทรงเป็นวิศิษฏศิลปิน และเพื่ออนุรักษ์ ส่งเสริม เผยแพร่ดนตรีและการแสดงพื้นบ้านให้เป็นที่รู้จักอย่างกว้างขวาง และเกิดกระแสอนุรักษ์สืบสานศิลปวัฒนธรรมไทย นอกจากนี้ ยังเป็นการเปิดพื้นที่สร้างสรรค์ให้แก่เด็ก เยาวชน และประชาชนได้แสดงความสามารถ รวมถึงยกระดับขีดความสามารถของดนตรี พัฒนาเทคนิคทางการแสดง ตลอดจนสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับศิลปวัฒนธรรมไทย โดยจัดประกวดใน 4 ภูมิภาค ทั่วประเทศไทย
ในปีนี้ได้รับความสนใจเป็นอย่างมาก แต่ละภาคมีคณะดนตรีและนักแสดงรุ่นใหม่ที่มีความสามารถด้านการแสดงพื้นบ้านเข้ามาแข่งขันอย่างดุเดือด แต่ละคณะพกพาความคิดสร้างสรรค์ ความสามารถทางดนตรีและศิลปวัฒนธรรมมาแสดงฝีมืออย่างเต็มที่ต่อหน้าคณะกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ เรียกได้ว่า โครงการนี้เปรียบเสมือนประตูที่จะทำให้คนรุ่นใหม่ไฟแรงได้ก้าวไปสู่ความสำเร็จทางดนตรีและศิลปะการแสดงพื้นบ้านอย่างแท้จริง
สำหรับผลการตัดสินประกาศออกมาเรียบร้อยแล้ว ขอแสดงความยินดีกับทีมที่คว้าแชมป์!!! ภาคกลาง จัดประกวดที่มหาวิทยาลัยราชภัฏพระนครศรีอยุธยา จ.พระนครศรีอยุธยา รางวัลชนะเลิศ ได้แก่ คณะศิลป์ชาตรี จ.จันทบุรี หนุ่มสาวรุ่นใหม่นำอัตลักษณ์วิถีวัฒนธรรมภาคตะวันออก พร้อมกับผสานทำนองเพลงเท่งตุ๊ก เกิดการศิลปะการแสดงที่สนุกสนานน่าชม ถ้วยพระราชทานฯและเงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร,คณะสืบสานศิลป์ จังหวัดนครปฐม คว้ารองชนะเลิศ อันดับ 1 ถ้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และเงินรางวัล 80,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร รองชนะเลิศ อันดับ 2 คณะวิษณุปาณัม จังหวัดนครปฐม ถ้วยปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และเงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร ส่วนชมเชย 2 รางวัล ได้แก่ คณะรวมศิลป์ ระบิลเรือง จังหวัดอ่างทอง คณะช่อพิกุล จังหวัดสุพรรณบุรี เงินรางวัลละ 10,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร
ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ จัดประกวดเข้มข้นที่มหาวิทยาลัยราชภัฏร้อยเอ็ด จ.ร้อยเอ็ด แต่ละชุดการแสดงเต็มไปด้วยคุณภาพ ซึ่งคณะขัตติยาสาเกตนคร จังหวัดร้อยเอ็ด คว้ารางวัลชนะเลิศ โดดเด่นด้วยดนตรีและศิลปวัฒนธรรมแดนอีสานที่ดึงดุดทุกสายตาตลอดการโชว์ รับถ้วยพระราชทานฯ และเงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร, รองชนะเลิศ อันดับ 1 คณะนาคะบรรเลง จังหวัดขอนแก่น รวมศาสตร์และศิลป์ที่ไม่หลงลืมวัฒนธรรมอีสานมานำเสนออย่างน่าประทับใจ รับถ้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และเงินรางวัล 80,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร รองชนะเลิศ อันดับ 2 คณะสินรินทร์รวมใจ จังหวัดสุรินทร์ ส่วนชมเชย 2 รางวัล คณะต้นน้ำ จังหวัดชัยภูมิ คณะชมรมดนตรีไทย จังหวัดสุรินทร์ เงินรางวัลละ 10,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร
ส่วนภาคใต้ เปิดเวทีประกวดคึกคักที่มหาวิทยาลัยราชภัฏสงขลา จ.สงขลา ผู้เข้าประกวดฝึกฝนมาอย่างดีเยี่ยมหยิบวัฒนธรรมแดนใต้มานำเสนออย่างสร้างสรรค์ ผสมผสานเครื่องดนตรีพื้นบ้านได้อย่างลงตัว โดยคณะมรดกศิลป์ถิ่นนคร จังหวัดนครศรีธรรมราช ครองตำแหน่งชนะเลิศ รับถ้วยพระราชทานฯ และ เงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร รองชนะเลิศ อันดับ 1 คณะเสน่ห์ศิลป์ทักษิณา จังหวัดพัทลุง ถ้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และเงินรางวัล 80,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร รองชนะเลิศ อันดับ 2 คณะคณนาฏสงขลา จังหวัดสงขลา ถ้วยปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และเงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร ส่วน 2 รางวัลชมเชย คณะเพชรทักษิณ จังหวัดสงขลา คณะช่อจำปี จังหวัดสงขลา เงินรางวัลละ 10,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร
ปิดท้ายที่ ภาคเหนือ ประชันกันที่มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ จ.เชียงใหม่ คณะเอื้องคำหลวง จังหวัดเชียงใหม่ คว้าแชมป์ จากการต่อยอดศิลปะการแสดงพื้นบ้านล้านนาประกอบดนตรีพื้นบ้านล้านนาซึ่งมีเอกลักษณ์ สะกดทุกสายตาผู้ชม และชนะใจกรรมการ รับถ้วยพระราชทานฯและ เงินรางวัล 100,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร , คณะช้างเผือกสามัคคี มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่ จังหวัดเชียงใหม่ นักแสดงรุ่นใหม่ที่มีหัวใจรักวัฒนธรรมล้านนาเพิ่มสีสันให้การแสดงศิลปะพื้นบ้าน จนได้รางวัลรองชนะเลิศอันดับ 1 ถ้วยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม และเงินรางวัล 80,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร รองชนะเลิศ อันดับ 2 คณะร่มบัวสวรรค์ จังหวัดปทุมธานี ถ้วยปลัดกระทรวงวัฒนธรรม และเงินรางวัล 50,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร ส่วนชมเชย อีก 2 รางวัล ได้แก่ คณะคุ้มขันโตก จังหวัดเชียงใหม่ คณะกาสะลองเงิน จังหวัดเชียงราย เงินรางวัลละ 10,000 บาท พร้อมเกียรติบัตร
ทุกเวทีใน 4 ภาค มีประชาชนและนิสิตนักศึกษามาร่วมลุ้นร่วมเชียร์ทีมที่เข้าประกวดเวทีระดับประเทศครั้งนี้ ต้องแสดงความยินดีกับเหล่าเลือดใหม่ที่คว้ารางวัลแห่งความภาคภูมิใจ เป็นกิจกรรมที่สร้างแรงบันดาลใจให้กับคนรุ่นใหม่ มีพลังในการสืบสานมรดกวัฒนธรรม รวมไปถึงกองเชียร์ในแต่ละภาคได้ซึมซับกับดนตรีและศิลปะการแสดงพื้นบ้านที่หลากหลายแบบจัดเต็ม
ผู้สนใจเรื่องราวการส่งเสริมวัฒนธรรมไทย สามารถติดตามข้อมูลข่าวสารกิจกรรมทางวัฒนธรรม ได้ทาง www.culture.go.th หรือ เฟซบุ๊กแฟนเพจ กรมส่งเสริมวัฒนธรรม และ line@วัฒนธรรม
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
บอร์ด ICH ขึ้นบัญชี 10 มรดกภูมิปัญญาวัฒนธรรม ‘งานนมัสการพระธาตุพนม-เสื่อกกจันทบูร-ผ้าหม้อห้อม-ตำนานสุบินกุมาร‘
นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการส่งเสริมและรักษามรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมครั้งที่ 3/2567 พิจารณาเห็นชอบให้กรมส่งเสริมวัฒนธรรม
อาลัย ‘สันติ ลุนเผ่’ ศิลปินแห่งชาติ นักร้องเสียงทรงพลังอมตะ ผู้ขับร้องเพลงปลุกใจรักชาติ
10 ธ.ค.2567 - นายประสพ เรียงเงิน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กล่าวว่า ได้รับการประสานงานจากผู้ดูแลของเรือตรี สันติ ลุนเผ่ ศิลปินแห่งชาติ สาขาศิลปะการแสดง (ดนตรีสากล) พ.ศ.2558 ว่า เรือตรี สันติ ลุนเผ่ ถึงแก่กรรมอย่างสงบ เมื่อวันที่ 10 ธันวาคม
ยูเนสโกขึ้นทะเบียน ‘ต้มยำกุ้ง’ มรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้วธ.จัดฉลองยิ่งใหญ่ 6-8 ธ.ค.ที่เอ็มควอเทียร์
4 ธ.ค.2567 - นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศลรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) เปิดเผยว่า ที่ประชุมคณะกรรมการระหว่างรัฐบาลเพื่อการสงวนรักษามรดกวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ครั้งที่ 19 (The nineteenth session of the Intergovernmental Committee for the
ราชกิจจาฯ แพร่คำสั่งกระทรวงวัฒนธรรม ตั้ง 'อ๋อม สกาวใจ' เป็นที่ปรึกษารมว.วัฒนธรรม
ราชกิจจานุเบกษา เผยแพร่คำสั่งกระทรวงวัฒนธรรมที่ 191/2567 เรื่อง แต่งตั้งข้าราชการการเมือง
วธ.จัดกิจกรรมถวายพระราชกุศล ร.9
28 พ.ย.2567 - นางสาวสุดาวรรณ หวังศุภกิจโกศล รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม (รมว.วธ.) กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา ร่วมกับหน่วยงานภาครัฐ องค์การทางศาสนาพุทธ ศาสนาคริสต์ ศาสนาอิสลาม ศาสนาพราหมณ์-ฮินดู ศาสนาซิกข์และกลุ่มภาคีเครือข่ายจัด “กิจ
ผลงาน'ตรี อภิรุม' ราชานิยายลึกลับสยองขวัญ
21 พ.ย.2567 - นายประสพ เรียงเงิน อธิบดีกรมส่งเสริมวัฒนธรรม (สวธ.) กล่าวว่า นายเทพ ชุมสาย ณ อยุธยา ศิลปินแห่งชาติ สาขาวรรณศิลป์ (นวนิยาย) พุทธศักราช 2562 นามปากกา “ตรี อภิรุม” หรือ “นายเทพ ชุมสาย ณ อยุธยา” เจ้าของผลงาน “นาคี”