โครงการพัฒนาเมืองที่ค้างอยู่ ส่งเสริมชุมชนเมืองมีคุณภาพที่ดียิ่งขึ้น เพื่อส่งต่อเมืองที่ดีกว่าให้คนรุ่นต่อไป ด้วย 6 นวัตกรรม พัฒนาเมืองให้ ดี-งาม-ยั่งยืน ไม่ทำร้ายโลก

สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ ตอบโจทย์นโยบายของรัฐบาล เล็งเห็นความสำคัญในเรื่องความเป็นอยู่ของประชาชนภายใต้เศรษฐกิจฐานราก มุ่งเน้นผลักดันการพัฒนาชีวิตเศรษฐกิจ สังคม เพิ่มรายได้ ลดรายจ่าย ขยายโอกาสและแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อม รวมทั้งส่งเสริม และสร้างความมั่นคง ปลอดภัย และสะดวกสบายให้แก่สมาชิกในพื้นที่ชุมชน

สำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ หรือ สทบ. เปิดเผยว่า สทบ. เป็นหน่วยงานหลักในการสร้างและพัฒนาระบบเศรษฐกิจ สังคมฐานรากไปสู่ระบบเศรษฐกิจและสังคมของชาติด้วยแนวปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง ตามวิถีภูมิปัญญาตนเองของชุมชนท้องถิ่น พร้อมทั้งเป็นศูนย์กลางการเรียนรู้ เงินทุน สวัสดิภาพ สวัสดิการ และการแก้ไขปัญหาสังคมให้มีความเข้มแข็ง มั่นคง และยั่งยืน

โดยโครงการพัฒนาเมืองที่ค้างอยู่ เป็นหนึ่งในโครงการของรัฐบาลซึ่ง สนับสนุนงบประมาณโดยสำนักเลขาธิการนายกรัฐมนตรี และคณะกรรมการดำเนินโครงการพัฒนาเมืองที่ค้างอยู่ โดยสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติในฐานะฝ่ายเลขานุการของคณะกรรมการฯ เป็นผู้ดำเนินโครงการ มีความมุ่งหวังที่จะต้องการช่วยแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่ชุมชนเมืองให้ตรงกับความต้องการของประชาชน เพื่อให้เกิดความตระหนัก และมีส่วนร่วมในการแก้ไขปัญหาและพัฒนาพื้นที่ของชุมชนในด้านโครงสร้างพื้นฐานสาธารณูปโภค ตลอดจนการลดรายจ่าย สร้างรายได้ ขยายโอกาสการประกอบอาชีพของสมาชิกชุมชนเมืองให้เข้มแข็งและสามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืนนั้น คณะกรรมการดำเนินโครงการพัฒนาเมืองที่ค้างอยู่ จึงได้นำเทคโนโลยีมาประยุกต์ใช้ให้เกิดประโยชน์สูงสุดในการพัฒนา ส่งเสริม และแก้ไขปัญหาชุมชนเมือง รวมถึงการบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสมตรงต่อความต้องการของชุมชนเมือง เกิดประโยชน์ต่อชุมชนโดยส่วนรวมสูงสุด ทั้งยังส่งเสริมการอนุรักษ์พลังงานและสิ่งแวดล้อม สร้างพื้นที่สีเขียวให้กับชุมชนเมือง ส่งเสริมการเจริญเติบโตทางด้านเศรษฐกิจที่สัมพันธ์กับความต้องการด้านสิ่งแวดล้อมชุมชน และที่สำคัญมุ่งเน้นไปในด้านการพัฒนาคุณภาพชีวิตที่ดีของประชาชนในพื้นที่ชุมชนเมือง และเพื่อเป็นการกระจายอำนาจการตัดสินใจในการพัฒนาเมืองไปสู่ประชาชนในพื้นที่ สู่การเกิดความรับผิดชอบสังคมร่วมกัน โครงการพัฒนาเมืองที่ค้างอยู่ จึงเปิดโอกาสให้ประชาชนได้เสนอความต้องการและแนวทางการสร้างคุณภาพชีวิตที่ดี มีกายภาพที่สวยงาม เติมเต็มหรือลดช่องว่างการเข้าถึงการให้บริการของภาครัฐ ยกระดับชุมชนเมืองให้น่าอยู่ เสริมสร้างสุขภาพที่ดี สืบสานและเชิดชูวัฒนธรรมชุมชน เกิดการกระจายรายได้ลงไปสู่ระบบเศรษฐกิจในระดับรากหญ้าอย่างทั่วถึง ซึ่งที่ผ่านมา สทบ. ได้สอดรับนโยบายของรัฐบาล ในการประชาสัมพันธ์ให้ประชาชนได้ตื่นตัวและรับทราบถึงการทำงานของรัฐบาลที่ต้องการสอดส่องดูแลว่าชุมชนใดยังขาดปัจจัย สิ่งอำนวยความสะดวก หรือเทคโนโลยีที่จำเป็นต่อชุมชน เพื่อพัฒนาคุณภาพชีวิตประชาชน ให้อาศัยและใช้ชีวิตในสิ่งแวดล้อมที่ดีมากยิ่งขึ้น

โครงการพัฒนาเมืองที่ค้างอยู่ ได้ดำเนินการสนับสนุนเทคโนโลยีทั้งหมด 6 เทคโนโลยี ได้แก่ 1.โซลาร์เซลล์ Hybrid พลังงานทางเลือกเพื่อลดการใช้ไฟฟ้า หรือเทคโนโลยีระบบผลิตพลังงานไฟฟ้าด้วยพลังงานแสงอาทิตย์ (Hybrid System) ซึ่งช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายจากปัญหาค่าต้นทุนพลังงานไฟฟ้าที่สูงขึ้นทุกวันด้วยพลังงานทดแทน 2.จากไปแบบไร้มลภาวะ ด้วยนวัตกรรมเตาเผาศพไร้มลพิษ หรือเทคโนโลยีเตาเผาศพไร้มลพิษประสิทธิภาพสูง โดย โครงการฯ ได้เล็งเห็นความสำคัญของด้านสิ่งแวดล้อม ทั่วไปแล้วเตาเผาศพเป็นแหล่งกำเนิดมลพิษทางอากาศที่สำคัญอย่างหนึ่ง จึงได้ปรับเปลี่ยนเทคโนโลยีเตาเผาศพที่มีความทันสมัยมีประสิทธิภาพสูง ควบคุมการปล่อยทิ้งอากาศเสียออกสู่ชุมชนได้ 3.ลดปัญหาขาดแคลนน้ำ ด้วยเครื่องผลิตน้ำดื่มนวัตกรรมรักษ์โลก หรือเทคโนโลยีเครื่องผลิตน้ำดื่ม/น้ำแข็ง โดย โครงการฯ ประสงค์ให้ประชาชนเข้าถึงการบริการบริโภคน้ำดื่มและน้ำแข็งสะอาด ถูกสุขอนามัย สะดวกและทันสมัย ราคาประหยัด ทั้งยังส่งผลด้านสิ่งแวดล้อมด้วยการส่งเสริมการลดพลาสติก เพื่อลดมลพิษขยะที่เกิดขึ้นในชุมชน และเป็นการลดค่าใช้จ่ายในการซื้อน้ำดื่ม/น้ำแข็งในราคาประหยัดในชุมชน อีกทั้งเป็นการสร้างรายได้กระตุ้นเศรษฐกิจฐานราก ในการบริหารจัดการในชุมชน การมีส่วนร่วมในชุมชนนั้นๆ ด้วยเทคโนโลยีและระบบที่ง่าย 4. ต้องรอด!! เซฟทุกนาทีชีวิต..ด้วยนวัตกรรม Smart Ambulance หรือเทคโนโลยีรถฉุกเฉินช่วยเหลือผู้ป่วยอัจฉริยะ เพื่อให้บริการประชาชน ผู้ป่วยฉุกเฉิน หรือเจ็บป่วยจากอุบัติเหตุของโรงพยาบาลภาครัฐ หรือหน่วยกู้ชีพต่างๆ ให้มีประสิทธิภาพรวดเร็วและผลลัพธ์เทียบเท่ากับหลักเกณฑ์มาตรฐาน 5. Smart Classroom ยกระดับสู่การเรียนรู้แบบไร้ข้อจำกัด หรือศูนย์การเรียนรู้อัจฉริยะ (Smart Classroom) ซึ่งเป็นกระบวนการพัฒนาความรู้ ทักษะ และศักยภาพของบุคคลในประเทศให้มีประสิทธิภาพและเหมาะสม 6.แปลงร่าง Food Waste เป็นปุ๋ยอินทรีย์ ด้วยเครื่องกำจัดเศษอาหารรักษ์โลก หรือเทคโนโลยีเครื่องกำจัดเศษอาหารเพื่อเป็นสารช่วยการเจริญเติบโตของพืชหรือผลผลิตการเกษตร ซึ่งปัญหาการกำจัดเศษอาหารนับว่าเป็นอีกปัญหาหนึ่งของทุกชุมชน เทคโนโลยีเครื่องกำจัดเศษอาหารจะทำให้การจัดการด้านการกำจัดเศษอาหารเป็นประโยชน์ต่อชุมชน และช่วยลดปัญหาที่มาจากเศษอาหารที่หมักหมม นอกจากนี้ยังมีหัวข้อนำเสนออื่นๆ ได้แก่ “พัฒนาเมืองที่ค้างอยู่” เพื่อส่งต่อเมืองที่ดีกว่าให้คนรุ่นต่อไป / 6 นวัตกรรม พัฒนาเมืองให้ ดี-งาม-ยั่งยืน ไม่ทำร้ายโลก / How to live..อยู่อย่างสมาร์ทในเมืองแห่งอนาคต มันเป็นยังไงนะ? / แกะสูตร “กรุงอัมสเตอร์ดัม” ทำยังไงเมืองถึงพัฒนาได้ครบทุกมิติ / เพื่อเป็นการตอกย้ำความเข้าใจเกี่ยวกับโครงการและเทคโนโลยีเพื่อนำไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผลสูงสุดและเป็นประโยชน์ต่อไป

นอกจากนี้การดำเนินโครงการพัฒนาเมืองที่ค้างอยู่ ยังเป็นการสร้างความเชื่อมั่นของประชาชนต่อผลงานของรัฐบาลในเรื่องนโยบายการพัฒนาคุณภาพชีวิตของประชาชน ในสิ่งแวดล้อมที่ดี ส่งเสริมพัฒนาให้ชุมชนและประชาชนมีคุณภาพชีวิตที่ดียิ่งขึ้นอีกด้วย

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

กองทุนหมู่บ้านฯ โชว์ โครงการโรงอัดถ่าน จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตร

นายเบญจพล นาคประเสริฐ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนหมู่บ้านและชุมชนเมืองแห่งชาติ เปิดเผยว่า โครงการโรงอัดถ่าน เทคโนโลยีการผลิตเชื้อเพลิง จากวัสดุเหลือใช้ทางการเกษตรหรือขยะ ภ

ข่าวดี! สมาชิกกองทุนหมู่บ้านได้สิทธิ์ประกันอุบัติเหตุช่วงสงกรานต์ฟรี

'สมศักดิ์' แจ้งข่าวดี 'กองทุนหมู่บ้าน' จับมือ 'ทิพยประกันภัย' แจกประกันภัยอุบัติเหตุฟรีช่วงสงกรานต์ ให้สมาชิกกองทุนหมู่บ้านทั่วประเทศ คุ้มครองสูงสุด 100,000 บาท นาน 30 วัน นับจากวันที่กดรับสิทธิ์

เปลี่ยนเศษอาหาร สู่ปุ๋ยสูตรเด็ดในแปลงผัก กับโครงการพัฒนาเมืองฯ

ทราบกันหรือไม่? ว่าอาหารเหลือทิ้งจากจานของเรา กลายเป็นขยะจำนวนมหาศาล คิดเป็น 64% ของขยะทั้งหมด และแน่นอนว่า เมื่อเน่าเสียจะสร้างมลพิษที่มีผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม

“รถพยาบาลฉุกเฉินอัจฉริยะ” เพิ่มวินาทีชีวิต ต่อลมหายใจคนห่างไกล

คำกล่าวที่ว่า “ความแน่นอน คือสิ่งที่ไม่แน่นอน” ใช้ได้จริงกับวินาทีแห่งชีวิต และแม้จะไม่ได้ประมาท ก็ไม่มีใครคาดการณ์ได้ว่า เหตุฉุกเฉินจะเกิดขึ้นกับเราเมื่อใด ขณะที่การเข้าถึงการรับบริการสาธารณสุข