UNDP เตือนการอุดหนุนราคาพลังงานฟอสซิล เป็นความย้อนแย้งกับการแก้ปัญหา “โลกเดือด” บนเวที SX2023

ผู้แทน UNDP แนะปัญหาความยั่งยืนต้องแก้อย่างสอดคล้องและครบถ้วนทุกมิติ ชี้หลายประเทศมีความย้อนแย้ง เพราะกำลังให้การอุดหนุนราคาพลังงานฟอสซิลมากกว่างบลงทุนเพื่อส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน  ขณะที่ “ท็อป วราวุธ” รมว.กระทรวงการพัฒนาสังคมฯ ชี้ความร่วมมือระหว่างภาครัฐและเอกชนเป็นหัวใจสำคัญของการแก้ปัญหาความยั่งยืน ด้านผู้บริหาร เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ขานรับ เผยรูปแบบธุรกิจ “Real Estate As a Service” และแนวคิด “Inclusive Space”  ในการพัฒนาโครงการอสังหาฯ ของบริษัทจะช่วยสร้างสภาพแวดล้อมที่พร้อมทำให้คนปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตไปสู่ความยั่งยืน

“ผู้คนได้ยินเรื่อง Climate Change มามากมาย แต่พวกเขายังไม่ได้ฟังเสียงเรียกร้องที่มาจากธรรมชาตินี้อย่างจริงจัง ถึงเวลาแล้วที่เราทุกคน ไม่เฉพาะแต่ทางภาครัฐ จะต้องช่วยกันลงมือทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลง ไม่เช่นนั้นมันอาจจะถึงจุดจบของมนุษยชาติ” นายเรอโน เมเยอร์ ผู้แทนโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติประจำประเทศไทย กล่าวเตือนถึงปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ที่กำลังทวีความรุนแรงมากขึ้นในงาน “SX Sustainability Expo 2023” เมื่อเร็ว ๆ นี้

ในการนี้ผู้แทน UNDP กล่าวถึงการจัดการกับปัญหา “โลกเดือด” ที่ไม่ได้เป็นแค่ทางเลือกอีกต่อไป แต่เป็นความจำเป็นที่ทุกฝ่ายจะต้องช่วยกันขับเคลื่อนการปฏิบัติภายใต้กรอบของเป้าหมายการพัฒนาที่ยั่งยืน (SDGs) ทั้ง 17 ข้อ ที่สหประชาชาติได้ประกาศและประเทศต่าง ๆ ได้ลงนามไว้แล้วอย่างจริงจังและครบถ้วน เพราะที่ผ่านมาเรายังเห็นความไม่สอดคล้องกันของมาตรการและนโยบายด้านต่าง ๆ ที่หลายประเทศได้นำมาใช้

ยกตัวอย่างเช่น ในขณะที่มีการส่งเสริมพลังงานหมุนเวียน หลายประเทศกลับกำลังมีการให้เงินอุดหนุนราคาพลังงานฟอสซิลมากกว่า หรือในขณะที่ให้การสนับสนุนยานยนต์ไฟฟ้า แต่พลังงานไฟฟ้าที่ใช้ส่วนใหญ่ยังมาจากโรงไฟฟ้าที่ใช้เชื้อเพลิงฟอสซิล เป็นต้น  ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นความย้อนแย้งในระดับพื้นฐานที่รัฐบาลในหลายประเทศ รวมถึงประเทศในสหภาพยุโรปกำลังลงมือปฏิบัติ

นายวราวุธ ศิลปอาชา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ กล่าวเรื่องของความยั่งยืนและการสร้างเมืองที่น่าอยู่อาศัยนั้น ไม่ได้เกี่ยวข้องเพียงโครงสร้างพื้นฐานทางกายภาพ เช่น ก้อนอิฐ หรือก้อนปูน แต่รวมถึงสิ่งที่เงินไม่สามารถซื้อได้ เช่น ความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว การเลี้ยงดูลูกของพ่อแม่ ที่ไม่ควรอาศัยแค่แท็ปเล็ตหรือสมาร์ตโฟน  ซึ่งเหตุการณ์กราดยิงที่เกิดขึ้นในศูนย์การค้าแห่งหนึ่งเมื่อเร็ว ๆ นี้ เป็นตัวสะท้อนปัญหาเหล่านี้ได้เป็นอย่างดี และเพื่อให้การแก้ไขปัญหาความยั่งยืน ไม่เป็นเพียงนโยบายบนหน้ากระดาษของภาครัฐ จำเป็นต้องอาศัยความร่วมมือจากภาคเอกชนในการช่วยผลักดันนโยบายและมาตรการต่าง ๆ ให้แพร่กระจายออกไปและเกิดผลกระทบอย่างต่อเนื่องถึงประชาชนในวงกว้าง

นายปณต สิริวัฒนภักดี ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ กล่าวว่า “กลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ มีความเชื่อในเรื่องของความยั่งยืนและได้นำเอาประสบการณ์จากทั่วโลกมาใช้ในการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์ในไทย เพื่อสร้างสภาพแวดล้อมที่จะทำให้คนปรับเปลี่ยนวิถีชีวิตไปสู่ความยั่งยืน โดยชูจุดเด่นด้านนวัตกรรมการให้บริการด้านอสังหาฯ หรือ “Real Estate As a Service” ที่บริษัทนำมาใช้จะเป็นหัวใจของความยั่งยืน เช่น โครงการ One Bangkok ที่จะมีการสร้างพื้นที่สีเขียวเป็นสวนสาธารณะแนวยาว (Linear Park) ขนาดกว้างจากทางเท้าถึงหน้าโครงการ 35-45 เมตร เป็นเสมือนสวนสาธารณะคู่ขนานที่จะเกิดขึ้นบนถนนพระราม 4 ใจกลางกรุงเทพฯ นอกจากมิติในด้านสิ่งแวดล้อมที่มุ่งมั่นจะเป็นโครงการฯที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจกเป็นศูนย์ ภายในปี 2050 แล้ว โครงการยังคำนึงถึงมิติทางสังคม โดยศึกษาทำความเข้าใจสังคม ชุมชนโดยรอบก่อนก่อสร้าง เพื่อมองหาแนวทางในการมีส่วนช่วยเหลือ รวมถึงการพัฒนาภายใต้แนวคิด “Inclusive Space” เพื่อสร้างพื้นที่ให้คนทุกระดับสามารถเข้ามาร่วมใช้ได้ ดังตัวอย่างของศูนย์การค้าสามย่านมิตรทาวน์ ที่ร่วมพัฒนากับทางจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เป็นต้น

ทางด้านคุณเข็มอัปสร สิริสุขะ นักสิ่งแวดล้อมและธุรกิจเพื่อสังคม เผยว่าปัจจุบันปัญหาโลกเดือดได้มาถึงจุดที่เราทุกคนไม่มีเวลาที่จะเสียอีกต่อไปแล้ว ตนอยากให้ภาครัฐมีการออกกฎหมายหรือมาตรการจูงใจต่าง ๆ อย่างจริงจัง มากกว่าแค่การขอความร่วมมือ และในส่วนของภาคเอกชนก็อยากให้ช่วยขยายบทบาทต่าง ๆ ออกนอกกรุงเทพฯ ไปยังพื้นที่ที่ต้องการความช่วยเหลือ

“SX Sustainability Expo 2023” มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในอาเซียน จัดขึ้นในระหว่างวันที่ 29 กันยายน ถึง 8 ตุลาคม 2566 บนพื้นที่จัดงานรวมกว่า 70,000 ตารางเมตร ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์  โดยความร่วมมือของ 5 องค์กรธุรกิจชั้นนำ ได้แก่ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน), บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC, เอสซีจี, บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และ บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน)

มาร่วมเปลี่ยนโลก เพื่อสมดุลที่ดี เพื่อโลกที่ดีกว่า Good Balance, Better World ภายใต้มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน SUSTAINABILITY EXPO 2023 (SX2023) ตั้งแต่วันนี้ถึง 8 ตุลาคม  2566 เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น G และ LG งานนี้เข้าชมฟรี!.

---------------------------------------------

เพิ่มเพื่อน

ข่าวที่เกี่ยวข้อง