
อาจารย์ เรือโท ดร.ชนะ สินทรัพย์วโรดม นักวิจัย มช. คนไทยคนแรกที่ได้รับเลือกไปปฏิบัติงานในพื้นที่ ใจกลางขั้วโลก ทวีปแอนตาร์กติกา ได้เริ่มปฏิบัติภารกิจร่วมกับวิศวกรจากนานาชาติในการเจาะน้ำแข็งเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดนิวทริโนใต้แผ่นน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกใต้ โดยจะใช้เวลาปฏิบัติงาน ณ ขั้วโลกใต้ประมาณ 2 เดือน ร่วมกับกลุ่มวิจัยนิวทริโนไอซ์คิวบ์ กลุ่มวิจัยชั้นนำของโลก มีนักวิจัยรวมกว่า 350 คน จาก 14 ประเทศ 58 สถาบัน เพื่อทำพันธกิจในโครงการไอซ์คิวบ์อัปเกรด (IceCube Upgrade) เป็นการเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจจับนิวทริโนพลังงานต่ำที่เข้ามายังโลก นับเป็นความภาคภูมิใจของคนไทยที่เราได้มีตัวแทนและเป็นนักวิจัยไทยคนแรกของประเทศไทยที่ได้รับการคัดเลือกให้ไปปฏิบัติภารกิจเชิงวิทยาศาสตร์ในครั้งนี้ ตามความร่วมมือนิวทริโนไอซ์คิวบ์และการสำรวจตัดข้ามละติจูดภายใต้พระราชดำริสมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา ฯ สยามบรมราชกุมารี + ภารกิจที่กำลังดำเนินการอยู่
สถานีตรวจวัดนิวทริโนไอซ์คิวบ์ถูกสร้างไว้เพื่อศึกษาอนุภาคนิวทริโนที่เข้ามายังโลกโดยใช้เครื่องตรวจวัดที่เรียกว่า Digital Optical Module หรือเรียกสั้น ๆ ว่า 'DOM' ที่ใช้ในการตรวจจับนิวทริโนผ่านรังสีเชอเรนคอฟ โดยโครงการวิจัยของมช. นี้ ได้เข้าร่วมกับไอซ์คิวบ์ ซึ่งเป็นโครงการเชิงเทคนิคทางวิศวกรรมที่เรียกว่า โครงการไอซ์คิวบ์อัปเกรด (IceCube Upgrade) เป็นการวางแผนจะเพิ่มเส้นลวดตรงบริเวณแกนกลางของสถานีตรวจวัดนิวทริโนไอซ์คิวบ์อีก 7 เส้น เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพการตรวจจับนิวทริโนพลังงานต่ำ
สถานีตรวจวัดนิวทริโนไอซ์คิวบ์ ตั้งอยู่ ณ บริเวณขั้วโลกใต้ใจกลางทวีปแอนตาร์กติกา ลึกเข้าไปจากขอบทวีปกว่า 1,000 กิโลเมตร ซึ่งเป็นจุดที่มีละติจูด 90 องศาใต้ มีความสูงประมาณ 2,835 เมตร จากระดับน้ำทะเล (สูงกว่ายอดดอยอินทนนท์ จ.เชียงใหม่ ราว ๆ 300 เมตร) การเดินทางเข้าไปในพื้นที่ดังกล่าวหากมิใช่เพื่อการศึกษาวิจัยแล้ว แทบจะไม่สามารถเข้าไปได้เลย เนื่องจากสภาพอากาศที่แปรปรวนและมีความหนาวเย็นถึง -28 องศาเซลเซียสในช่วงฤดูร้อน และต่ำถึง -60 องศาเซลเซียสในช่วงฤดูหนาว การเดินทางจึงต้องใช้เครื่องบินของกองทัพอากาศสหรัฐที่ดัดแปลงพิเศษในการเข้าพื้นที่ และมีเวลาปฏิบัติงานเพียงประมาณ 4 เดือน ระหว่างเดือนพฤศจิกายน ถึงกุมภาพันธ์ ในช่วงฤดูร้อนของขั้วโลกใต้เท่านั้น
ในปี พ.ศ.2566 ประเทศไทยประสบความสำเร็จในการส่งนักวิจัยไทยร่วมเดินทางไปปฏิบัติงานในพื้นที่ขั้วโลก ณ ทวีปแอนตาร์กติกา จำนวน 2 ท่าน ได้แก่ เรือโท ดร.ชนะ สินทรัพย์วโรดม อาจารย์ภาควิชาวิศวกรรมโยธา คณะวิศวกรรมศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ซึ่งได้เดินทางถึงหอสังเกตการณ์นิวทริโนไอซ์คิวป์ เมื่อวันที่ 13 ธันวาคม 2566 และได้เริ่มปฏิบัติภารกิจร่วมกับวิศวกรจากนานาชาติในการเจาะน้ำแข็งเพื่อติดตั้งอุปกรณ์ตรวจวัดนิวทริโนใต้แผ่นน้ำแข็งบริเวณขั้วโลกใต้ โดยจะใช้เวลาปฏิบัติงาน ณ ขั้วโลกใต้ประมาณ 2 เดือน

และนางสาวอัจฉราภรณ์ ผักหวาน นักวิจัย กลุ่มวิจัยรังสีคอสมิกและอนุภาคพลังงานสูง มหาวิทยาลัยมหิดล ที่ได้ร่วมเดินทางกับคณะวิจัยของสถาบันวิจัยขั้วโลกเกาหลีเมื่อวันที่ 27 ธันวาคมที่ผ่านมา โดยเครื่องตรวจวัดอนุภาคนิวตรอนแบบเคลื่อนที่ “ช้างแวน” ได้ติดตั้ง และเริ่มตรวจวัดอนุภาคนิวตรอนบนเรือตัดน้ำแข็งเอราออนของสาธารณรัฐเกาหลี ออกเดินทางไปยังทวีปแอนตาร์ โดยโครงการนี้ได้รับอนุมัติจากสถาบันวิจัยขั้วโลกเกาหลีให้นำเครื่องตรวจวัดอนุภาคนิวตรอนแบบเคลื่อนที่ มีชื่อเรียกว่า "ช้างแวน" (ChangVan) บรรทุกไปกับเรือตัดน้ำแข็ง "เอราออน" (RV Araon) เดินทางไปเก็บข้อมูลวิจัย ณ ทวีปแอนตาร์กติกา เพื่อศึกษาอัตราการเปลี่ยนแปลงของรังสีคอสมิกในระดับละติจูดต่างๆ ตามเส้นทางจากประเทศนิวซีแลนด์ เขตวิจัยทางทะเลอามันด์เซน (Amundsen Sea Research Area) สถานีวิจัยจางโบโก (Jang Bogo Station) และสิ้นสุดการเดินทาง ณ เมืองกวางยาง สาธารณรัฐเกาหลี
การเดินทางไปปฏิบัติงาน ณ ทวีปแอนตาร์กติกาของ 2 นักวิจัยไทยในครั้งนี้จะนำมาสู่การพัฒนาองค์ความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยีขั้นสูงของประเทศ อาทิ เทคโนโลยีการปฏิบัติงานในพื้นที่สุดขั้ว (Extreme Condition Operation) เทคโนโลยีการขุดเจาะด้วยของไหล (Fluid-Assisted Boring) การศึกษารังสีคอสมิกเพื่อการพยากรณ์สภาวะอาวกาศ (Space Weather Forecasting) การศึกษาความสัมพันธ์ระหว่างวัฎจักรของจุดบนดวงอาทิตย์กับการแผ่รังสีคอสมิกที่เป็นอันตรายต่อโลก นอกจากองค์ความรู้ที่ได้แล้วโครงการดังกล่าวยังเป็นการพัฒนาและเตรียมความพร้อมกำลังคนของประเทศในการก้าวเข้าสู่วิทยาการขั้นสูงเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมและเศรษฐกิจของประเทศต่อไป
ข่าวที่เกี่ยวข้อง
มช. คว้ารางวัล “Best Exhibitor Award” บนเวทีนานาชาติ ยกระดับศักยภาพนวัตกรรมไทยสู่ตลาดจีน
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดย ศูนย์ China Intelligence Center (CIC) วิทยาลัยศิลปะ สื่อ และเทคโนโลยี สร้างความภาคภูมิใจให้สถาบันและประเทศ ด้วยการคว้ารางวัล
“รับน้องขึ้นดอย มช.” สืบสานประเพณี สู่ปีที่ 61 น้อมรำลึกพระมหากรุณาธิคุณ พระบรมราชชนนีพันปีหลวง
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่กำหนดจัดประเพณี “รับน้องขึ้นดอย” ประจำปี 2568 ในวันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2568 ภายใต้ธีม “รับน้องขึ้นดอย ร้อยภู พันธุ์เผ่า หลากเหล่าชนเนา ล้วนวัฒนา” เพื่อสืบสานประเพณีอันทรงคุณค่าที่ดำเนินมาอย่างต่อเนื่องเป็นปีที่ 61
Chiang Mai Marathon 2026 งานวิ่งเพื่อสุขภาพและสังคม ครั้งที่ 9
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ ขอเรียนเชิญนักวิ่งทุกเพศทุกวัย ตลอดจนผู้สนใจร่วมกิจกรรม “CMU – Chiang Mai Marathon 2026” ครั้งที่ 9 งานวิ่งการกุศลประจำปีที่จัดขึ้นเพื่อส่งเสริมสุขภาพ
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่คว้าอันดับ 4 เมืองอัจฉริยะไทย Smart CMU สู่ชุมชนอัจฉริยะ สะท้อนศักยภาพการพัฒนาเมืองเพื่อความยั่งยืน
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยศูนย์บริหารจัดการเมืองเพื่อความยั่งยืน ได้รับการจัดอันดับให้เป็นเมืองอัจฉริยะอันดับที่ 4 ของประเทศ จากดัชนีความสามารถในการแข่งขันเมืองอัจฉริยะประเทศไทย
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โชว์ศักยภาพโดดเด่น ด้านพลังงานและสิ่งแวดล้อม ผงาดรับรางวัลสุดยอดแห่งปี “Climate Action Excellence”
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ โดยศูนย์วิจัยและนวัตกรรมด้านสิ่งแวดล้อมและพลังงาน ได้รับเกียรติจากสถาบันการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย
มช. ผนึก เดอะ เฮอร์บิเทจ อินเตอร์เนชั่นแนล ผลักดันนวัตกรรมสมุนไพร ‘สเปรย์นาโนขะจาว’ บุกตลาดสัตว์เลี้ยงไทยและต่างประเทศ
มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ เดินหน้าขับเคลื่อนงานวิจัยสู่เชิงพาณิชย์ ผ่านการอนุญาตให้ใช้สิทธิเทคโนโลยี ‘สเปรย์นาโนขะจาว’ ผลงานวิจัยเพื่อการดูแลรักษาแผลในสัตว์เลี้ยง

